บทที่ 3. อยากหย่าก็มาหาฉันสิ...   1/    
已经是第一章了
บทที่ 3. อยากหย่าก็มาหาฉันสิ...
คุณดารามองสามีด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่นางพยายามบอกให้บุตรชายกลับเมืองไทยเพื่อมาหย่าให้บารนี แต่อัคนีก็ปฏิเสธเสียงแข็งและไม่ยอมรับฟังคำพูดใดๆ จากใคร เขายืนยันเพียงแค่ว่า หากบารนีอยากจะก็ต้องไปหาเขาที่เยอรมันแล้วจะหย่าให้ แต่คนเป็นแม่ก็ย่อมรู้ดีว่าบุตรชายยังไม่หายโกรธบารนีกับพี่ชายหากบารนีไปที่นั่นจริงๆ นางก็เกรงว่าเธอจะได้รับอันตราย... “หรือว่าเราจะบอกตาเดียวเรื่องน้องบูมดีคะ” “อย่าเลย ผมว่าเราควรใจเย็นๆ ลองคิดดูก่อนว่าจะทำอย่างไร” “แต่ น้องว่าเราบอกไปว่าเขามีลูกชายอยู่ที่นี่จะไม่เป็นการดีกว่าเหรอคะ อย่างน้อยๆ ตาเดียวอาจจะยอมกลับมา” คุณดาราพยายามที่จะทำให้บุตรชายกลับมาแม้ว่าอาจจะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับบารนีว่าไม่ต้องการให้อัคนีรู้ว่าเธอกับเขามีลูกด้วยกัน เพราะไม่ต้องการให้น้องบูมเป็นข้ออ้างในความรับผิดชอบของเขาหรือไม่อยากให้อัคนีคิดว่าเธอเอาลูกมาอ้างเพราะอยากเป็นเมียและอยากได้สมบัติของเขา “เราปรึกษาเจ้าตัวเขาก่อนดีไหม เผื่อบางทีน้องบีอาจจะตัดสินใจอะไรได้” สามีคู่ยากกล่าวแล้วมองรูปอัคนีที่ถ่ายคู่กับพี่และน้องชาย ชายหนุ่มสามคนที่มีความหล่อเหลาและความเพียงพร้อมทั้งรูปสมบัติทรัพย์สมบัติดูยิ้มร่าเริง แววตาสีน้ำเงินเข้มเปี่ยมด้วยความสุข แต่เขาไม่เห็นภาพแห่งความสุขนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ... “ถ้าเขาต้องการอย่างนั้นจริงๆ บีจะไปหาเขาเองค่ะ” “บี.. แม่ว่าเราใจเย็นๆ ก่อนดีมั้ยจ๊ะ” คุณดารากับสามีมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความลำบากใจไม่น้อย “ไม่ค่ะ บีตัดสินใจแล้ว เราอย่าปล่อยให้มันยืดเยื้อต่อไปเลยนะคะ อีกอย่างบีก็โตพอจะดูแลตัวเองได้แล้ว ตอนนี้บีขอแค่อย่างเดียวให้เขาหย่าให้บี แล้วเราจะได้เป็นอิสระต่อกัน” บารนีพูดอย่างเศร้าสร้อย ร่างบอบบางในชุดทำงานสวยเก๋ที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมอีรี่สีชมพูดูแวววาวและถักทอสลับสีเป็นลายกราฟฟิกดูงามสง่าน่าชื่นชม นางอยากให้ลูกชายของนางมาเห็นบารนีในตอนนี้เหลือเกินเผื่อว่าอัคนีจะเปลี่ยนใจหันมาสนใจหญิงสาวผู้อาภัพคนนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่น้องบีเถอะ แล้วบีจะบอกเขาเรื่องลูกมั้ยล่ะจ๊ะ” คุณอีริคถามขึ้น “ไม่หรอกค่ะ บีไม่อยากให้เขาคิดว่าบีเอาลูกมาอ้าง อีกอย่างบีไม่อยากให้เขารู้ด้วยค่ะ แม้ว่าน้องบูมจะรู้จักพ่อของเขาแต่หากพ่อลูกไม่ได้รักหรือผูกพันกันมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะให้เขารู้ บีเลี้ยงลูกเองได้ค่ะ และเชื่อว่าคุณปู่คุณย่าเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” บารนีพูดยิ้มๆ และพูดให้ผู้สูงวัยทั้งสองยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู บารนีฉลาดพูดให้คนรอบข้างรักและเอ็นดูและสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่ผิดเลยสักนิดเดียว “จ้ะแม่เชื่อว่าน้องบีทำได้ ก็ดีเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ให้เราเลี้ยงฉลองวันเกิดให้น้องบูมก่อนนะ” คุณดารากล่าวยิ้มๆ พอคลายความทุกข์ใจไปได้บ้าง น้องบูมจะครบสามขวบในสองเดือนข้างหน้าและเด็กชายก็มักจะสงสัยว่าทำไมคุณพ่อที่คุณแม่เอารูปให้ตนดูนั้นไปทำงานแสนไกลไม่กลับมาเสียที แม้จะเพิ่งสามขวบแต่เด็กชายก็ช่างซักช่างสงสัยจนทุกคนเองก็เริ่มคิดหาคำตอบใหม่ๆ มาตอบเด็กชายที่มักถามถึงคุณพ่อ “คุณแม่ค้าบ ดูค้าบ ดูน้องบูม” เสียงเด็กชายดังขึ้นทันทีที่นึกถึง ทำให้คนทั้งสามที่คุยกันเครียดๆ หันไปมองเด็กชายในชุดเจ้าแมงมุมด้วยความเอ็นดู “โอ้โห ชุดไอ้แมงมุมลายใครซื้อให้เอ่ย...” คุณอีริคอุ้มหลานชายมาหอมแก้มซ้ายขวาและขบแก้มยุ้ยนั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยวจนน้องบูมหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจ “หนูเล็กเองค่ะ สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า...” ชลิตาเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างงามเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้างสดใส หญิงสาวไหว้ผู้สูงวัยทั้งสองอย่างนอบน้อม น่าเอ็นดูน่าเอามาเป็นสะใภ้เล็กเสียจริงๆ คุณดาราอดคิดไม่ได้... “อ้าวหนูเล็กมาถึงนานแล้วสิเนี่ยถึงได้เจอเจ้าตัวแสบ” บารนีถามเพื่อนรัก “ก็มาสักพักแล้วค่ะ ถามป้ามาลีบอกว่าบีคุยกับคุณลุงคุณป้าอยู่เลยไม่อยากกวน” “วันนี้จะไปเที่ยวไหนกันล่ะสาวๆ” คุณดาราถาม “อ๋อ วันนี้หนูเล็กจะให้บีไปชวนเลือกสีผ้าม่านค่ะเลยว่าจะไปห้างดีแลนด์แกรนด์กันค่ะ ห้างหรูเขาลดราคาสินค้าเยอะแยะ หนูเล็กชอบของถูกค่ะ” ชลิตากล่าวยิ้มๆ เมื่อพูดถึงห้างสรรพสินค้าหรูของคุณอีริคซึ่งตอนนี้ท่านบริหารงานอยู่ แม้ว่าคุณอีริคจะอายุหกสิบห้าปีแล้วแต่ท่านก็ดูแข็งแรงร่างสูงใหญ่อย่างคนยุโรปก็ยังดูสง่าภูมิฐานน่าเคารพยำเกรง แต่ข่าวแว่วว่าอีกไม่นานท่านจะวางมือแล้วให้ลูกชายทั้งสามเข้ามาบริหารเต็มตัว “จ้ะ ชอปปิงเยอะๆ เลยนะจ๊ะ อย่าได้เกรงใจ” คุณอีริคยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี... อธิชาติผู้เฝ้ามองดอกไม้แสนธรรมดาที่กลายเป็นดอกฟ้าด้วยความรักและแอบคาดหวังว่าเธอจะสามารถหย่าขาดจากสามีที่เหมือนไม่เคยมีตัวตนได้เสียที และเขาจะได้ไม่ต้องขึ้นชื่อว่าเป็นชู้ทางใจกับเมียชาวบ้าน “น้องบีคิดดีแล้วเหรอจ๊ะที่จะไปคนเดียวให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ย” “ไม่ต้องหรอกค่ะ บีดูแลตัวเองได้ พี่อาร์ตน่ะชอบคิดว่าบีอ่อนแอเป็นเด็กๆ เหมือนหนูเล็กเลย” บารนีว่ายิ้มๆ พลางคนกาแฟเย็นตรงหน้า หลบสายตาที่สื่อความหมายชัดเจนของอธิชาติ “ก็หนูเล็กน่ะมองบีไม่ผิดหรอก ตัวอย่าพูดดีหน่อยเลย ให้เราไปเป็นเพื่อนเถอะนะ” ชลิตาเขย่ามือบางของเพื่อนรักเบาๆ “ไม่จ้ะหนูเล็ก ปัญหาของบี บีจัดการเองได้ ขอบใจนะที่หนูเล็กเป็นเพื่อนที่ดีมาเสมอ...” บารนียิ้มบางๆ ให้เพื่อนรัก กุมมือของชลิตาแล้วตบเบาๆ เพื่อให้เพื่อนรักวางใจ ชลิตามองสบตาบารนีด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น เพื่อนของเธอเข้มแข็งกว่าที่เธอคิดไว้ บารนีพร้อมจะเผชิญกับปัญหาอันหนักอึ้งของตนแล้ว หญิงสาวยิ้มตอบเพื่อนรักแล้วนึกถึงสมัยที่ตนรู้จักกับบารนีแรกๆ เธอรู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นเธอเห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันรูปร่างบอบบางใบหน้าหวานใสน่ารัก แต่แววตาเศร้าเหลือเกินเธอจึงเขาไปพูดคุยด้วยแต่แรกๆ บารนีรู้สึกกลัวและไม่วางใจเธอนักแต่เมื่อเธอพยายามเข้าหาและแสดงความจริงใจด้วยการเข้ามาคุยกับบารนีทุกวัน และชักชวนให้บารนีมาเข้าชมรมการออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับด้วยกัน ซึ่งตรงกับสายอาชีพที่บารนีเรียนมาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือเรียกสั้นๆ ว่า ปวส.และที่ชมรมนี้เองบารนีก็ได้ค้นพบตัวเองว่าเธอถนัดด้านไหน บารนีตั้งใจเรียนและสามารถจบการศึกษาระดับปริญญาตรีได้แม้ว่าเธอเรียนช้าไปหนึ่งปีด้วยปัญหาบางอย่างที่บารนียอมเล่าให้เธอฟังเมื่อไม่นานมานี้เองและในขณะเรียนบารนีก็ทำงานควบคู่ไปด้วยในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ของดีแลนด์ซิลด์ “แล้วบีจะไปวันไหน” “พรุ่งนี้” “หา ทำไมเร็วจัง” ทั้งชลิตากับอธิชาติถามขึ้นพร้อมกันด้วยความแปลกใจ “ก็บีเตรียมเดินเรื่องไว้นานแล้ว ตอนนี้สบโอกาสก็ได้ไปเลยไง อีกอย่างมันจะได้จบๆ บีไม่อยากจากน้องบูมไปหลายวัน หากไปถึงบีก็จะไปหาเขาและให้เขาหย่าให้เลยจะได้รีบกลับ...” “โอเค ถ้าอย่างนั้นหนูเล็กขอให้บีทำสำเร็จ ถ้าอย่างนั้นเรามาฉลองล่วงหน้าเลยดีกว่ามั้ย” ชลิตาพูดอย่างตื่นเต้น “ยินดีด้วยนะน้องบี” อธิชาติยิ้มกว้างด้วยความหวังเรืองรองก่อนที่ทั้งสามจะยกแก้วขึ้นชนกันเพื่อเป็นสัญญาณว่า ความตั้งใจของบารนีจะสำเร็จ... ร่างสูงทอดสายตามองทิวทัศน์อันงดงามของมิวนิคจากตึกทรงยุโรปที่ผสมผสานความสมัยใหม่กับความคลาสสิกของยุโรปยุคกลางได้เป็นอย่างดีซึ่งมันคือที่ตั้งของโรงแรมดีแลนด์แกรนด์ออฟมิวนิคซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่หรูหราทันสมัยเป็นที่นิยมเข้าพักของบรรดาไฮโซและมหาเศรษฐีทั่วทุกมุมโลกมิวนิคเป็นเมืองที่มีความงดงามและมีสถานที่ให้เที่ยวชมหลากหลายแต่ตอนนี้เขาไม่ได้ชื่นชมทัศนยภาพอันงดงามนั้น ตอนนี้เขากำลังคิดถึงคนที่กำลังจะมาที่นี่ต่างหาก... บารนี... เธอช่างใจกล้าเสียจริง คงอยากหย่ามากสินะ หรือว่าเธออยากจะมีผัวใหม่กันล่ะ... อัคนีรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อคิดว่าสาเหตุที่บารนีต้องการหย่าคือเธอมีผู้ชายใหม่เพราะบารนีนิ่งเงียบไม่เคยติดต่อหรือแสดงความจำนงว่าเธออยากจะหย่ากับเขาและอีกอย่างเขาเองก็ไม่เคยสนใจว่าเธอจะอยู่หรือไปจากบ้านดีแลนด์ เขาโทร. กลับเมืองไทยก็แค่คุยเรื่องงานและถามสารทุกของคนในครอบครัวแต่สำหรับบารนีเขาไม่เคยถามถึงหรือสนใจเพราะคิดเสมอว่าเธอไม่ใช่คนในครอบครัว...แต่เมื่อบารนีอยากจะหย่านั้นแสดงว่าเธอมีที่หมายใหม่... แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกอย่างนั้นด้วยล่ะ เมื่อเธอมีที่หมายใหม่ก็น่าจะดีสำหรับเขาไม่ใช่หรือ... “เมื่อเธออยากหย่าฉันก็จะหย่าให้... มาเลย มาหาฉันบารนี... บารนีรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อเท้าบางในรองเท้าบู้ทยาวครึ่งแข้งสีดำทันสมัยเหยียบย่างลงบนแผ่นดินมิวนิคประเทศเยอรมนี อากาศในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนั้นค่อนข้างเย็นเป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานหิมะก็จะตกเมื่อย่างเข้าฤดูหนาว (ฤดูใบไม้ร่วงของเยอรมันคือช่างเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายนฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์) ร่างบางในชุดเดินทางสวยเก๋สีเทาดำดูงามสง่า ใบหน้าสวยหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงบางเบาแต่ก็น่ามอง ร่างระหงเดินตัวตรงไปยังรถที่มารอรับด้วยท่วงท่ามั่นใจ หญิงสาวชาวเอเชียงดงามอรชรดูจะดึงดูดความสนใจของหนุ่มๆ เยอรมันทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เลยทีเดียว แต่เจ้าหล่อนไม่แลมองใครเลยแม้สักนิด... “สวัสดีครับคุณบี มิวนิคยินดีต้อนรับ...” โรเบิร์ตคือผู้ที่มารับเธอพร้อมด้วยชายหนุ่มในชุดทะมัดทะแมงสวมแว่นตากันแดดยี่ห้อหรูอีกสองคนที่ยืนเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับเธออีกสองคนไม่ไกลกันซึ่งพวกเขาเมื่อเห็นเธอต่างก็ก้มศีรษะน้อยๆ เป็นการทักทายแล้วเดินมารับกระเป๋าจากเธอไปเก็บในรถอีกคัน การต้อนรับของโรเบิร์ตทำให้บารนียิ้มอย่างขบขันแต่ก็ขอบคุณเขาที่ต้อนรับตนอย่างดี... “สวัสดีค่ะโรเบิร์ต คุณแม่บอกว่าคุณเป็นหัวหน้ามาเฟียมิวนิคท่าทางจะจริงนะคะ” หญิงสาวยื่นมือไปสัมผัสกับเขาเมื่อโรเบิร์ตยื่นมือมา แล้วเธอก็ไหว้เขาอย่างงดงามอีกทีเป็นการทักทายแบบไทยๆ “โธ่ คุณดาร่าชอบล้อผมอย่างนี้เสมอล่ะครับ” โรเบิร์ตกล่าวยิ้มๆ เมื่อนึกถึงประมุขหญิงแห่งดีแลนด์ เขาออกเสียงดาราในภาษาไทยว่าดาร่าเสมอ “เชิญขึ้นรถก่อนเถอะครับ เพราะลูกน้องผมคงไม่อยากตั้นหน้าไอ้หนุ่มเยอรมันคนไหนที่มองคุณนานๆ หรืออยากจะเข้ามาสานไมตรี” ผู้สูงวัยกล่าวแล้วเปิดประตูรถให้เมื่อเขาเห็นว่ามีชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งมองบารนีอย่างสนใจ บารนีเองก็นึกขันที่เธอมีเสน่ห์มากพอที่จะให้หนุ่มๆ มองตามแบบนั้นได้ หญิงสาวยิ้มให้โรเบิร์ตและเผื่อแผ่ไปให้คนของเขาทั้งสองก่อนจะก้าวขึ้นรถ “บีอยากไปหาคุณอัคนีเลยนะคะโรเบิร์ต และบีจะพักที่โรงแรม” บารนีบอกเขาเมื่อโรเบิร์ตประจำที่คนขับ หนุ่มใหญ่พยักหน้ารับแล้วขับรถตรงไปยังสถานที่ที่เธอต้องการ... หญิงสาวก้าวเข้าไปในอาคารหรูของดีแลนด์แกรนโฮเทลด้วยความประหม่าเล็กน้อยเมื่อสายตาของพนักงานในโรงแรมต่างมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ทั้งสงสัยทั้งชื่นชมและแอบวิจารณ์เมื่อเธอแจ้งความประสงค์จะพบอัคนี พวกเขาทำราวกับว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มาคอยตามตื้อเขาอย่างนั้นล่ะ ทั้งๆ ที่เธอเป็นภรรยาของเขาแต่ใครจะรู้ล่ะ หญิงสาวพูดเองตอบตัวเองในใจ... “ดิฉันต้องการพบมิสเตอร์ อัลล์ อัคนี ดีแลนด์ค่ะ” บารนีกล่าวด้วยภาษาอังกฤษชัดเจน พนักงานต้อนรับสาวสวยคนหนึ่งซึ่งแต่งหน้าจัดทำสีหน้าเหมือนจะหมิ่นแคลนเธอในขณะที่หญิงสาวอีกคนที่หน้าตาบ่งบอกเชื้อชาติว่าเป็นคนเอเชียเช่นเดียวกันกับตนเพราะดวงตายาวรีเฉียงขึ้นและเรือนผมดำขลับนั้นบารนีเดาว่าเธออาจจะเป็นสาวจากเมืองจีนนั้นยิ้มให้เธออย่างอ่อนหวานและเป็นมิตรไมตรี “ค่ะได้นัดท่านประธานไว้ไหมคะ” “เอ่อ จะว่านัดก็ไม่เชิงนะ คือฉัน บารนี ดีแลนด์ มาขอพบเขาเป็นการส่วนตัวนี่ค่ะ พลาสปอร์ตและวีซ่ารวมไปถึงบัตรประจำตัวของฉัน...” บารนียื่นหนังสือเดินทางให้พนักงานสาวดูเพื่อให้มั่นใจว่าเธอไม่ได้แอบอ้างมาขอพบเขาพนักงานสาวทั้งสองทำตาโตแล้วมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะหันมามองเธอด้วยแววตาที่บอกว่า ไม่อยากจะเชื่อเลย...บารนียิ้มให้ทั้งสองแล้วรอคอยคำตอบ แหม จะมาพบสามีทั้งที ยุ่งยาก และเรื่องเยอะจริงๆ บารนีแอบค่อนแคะเขาในใจ “รอสักครู่นะคะดิฉันต้องแจ้งเลขาท่านประธานก่อน” สาวผมทองรีบบอกแล้วยกโทรศัพท์โทร. ไปยังเลขาของอัคนีเพื่อแจ้งว่ามีคนมาขอพบท่านประธานใหญ่สักพักเธอก็วางสายแล้วผายมือเชิญให้บารนีเดินตามไป พนักงานสาวพาเธอมายังลิฟต์อีกด้านซึ่งมีป้ายติดว่าลิฟต์ของผู้บริหารพลางกดปุ่มที่ส่งสัญญาณไปยังเลขาของเขาสักพักประตูลิฟต์ก็เปิดออกเธอผายมือให้บารนีเดินเข้าไป หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานนานๆ เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงบารนีก็ถอนใจออกมาดังๆ
已经是最新一章了
加载中