หุบเขาอสูร
ลี่เซียนออกเดินทางแต่เช้าตรู่ โดยบอกทุกคนว่าจะไปตามหาท่านอาจารย์ เจียงเฉียงถูกส่งกลับไปแคว้นหมิง เดินทางพร้อมด้วยชิงหลินและองค์ชายสามหลินหลง ส่วนจวนอานฉวนให้สองสามีภรรยาฟางดูแล สุดท้ายจวนผิงอานให้เริ่นเจินดูแล นางวางแผนดีแล้วจึงจากมา รวมทั้งเอาปิ่นหักไปคืนเจ้าของ ในเมื่อเขาเลือกที่จะตัดนางนางก็ไม่จำเป็นต้องมีเยื่อใยใดๆอีกต่อไป ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก
เมื่อเดินทางมาถึงหุบเขาอสูร ลี่เซียนก็เห็นผู้คนเดินออกมาจากหุบเขา ลี่เซียนสวมใส่หน้ากากเงินเพื่อปกปิดหน้าตาตนเองจึงได้สอบถามว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่จึงได้ความว่า พวกเขามาล่าสัตว์อสูรในเขตหุบเขาชั้นนอก เพราะเนื้อหรือแก่นของสัตว์อสูรขายได้ราคาดี
จากนั้นลี่เซียนก็เดินเข้าไปในหุบเขา โดยมีเสียงร้องเตือนว่า \"ค่ำแล้วอันตรายมากพรุ้งนี้ค่อยมาเถอะ\" ลี่เซียนโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นไร แล้วเดินหายเข้าป่าไป \"นางจะเป็นไรไหมพี่\"อีกคนกล่าว \"เราเตือนนางแล้ว ช่างนางล่ะกัน\"คนเดิมกล่าวต่อว่า \"แต่ข้าว่านางน่าจะมาครั้งแรก ดูท่าทางจะไม่รู้ว่าสัตว์อสูรออกล่าตอนกลางคืน\" พวกเขาอาศัยอยู่ใกล้ๆป่า มีด้วยกัน 4 คนพี่น้อง คนน้องยังเล็กจึงให้อยู่ที่บ้าน ออกมาด้วยกัน 3 คน เมื่อมองหน้ากันแล้วพวกเขาก็พากันเดินกลับไปทางที่ลี่เซียนเดินเข้าไป พลางเรียก \"แม่นางๆๆ\"ทั้ง 3 คนต่างร้องเรียกเป็นเสียงเดียวกัน ลี่เซียนที่กำลังจะเข้าไปในเขตป่าชั้นกลางก็ได้ยินเสียงเรียก เพราะความเงียบทำให้ได้ยินชัดเจนจึงหยุดเท้า พลางคิดว่า คนกลุ่มนี้คบได้ทั้งที่ไม่รู้จักกันแต่ไม่สามารถทิ้งคนที่ไม่รู้จักได้ แอบยิ้มนิดๆจึงเดินย้อนกลับไปอย่างรวดเร็ว \"มีอะไรรึ\" นางแสร้งถามแบบไม่เข้าใจ
สามหนุ่มต่างตกใจ นางมาตอนไหน ไม่มีใครเห็นนางที่สำคัญไม่มีใครสัมผัสได้ถึงตัวตนนางเลย \"คือพวกเราคิดว่าเจ้าไม่ใช่คนพื้นที่เลยกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะสัตว์อสูรนั้นออกหากินตอนกลางคืนน่ะ\" พี่คนโตกล่าว
\"อ้อ ขอบคุณ แต่ข้าไม่มีที่พักอีกอย่างข้าว่าตอนกลางคืนนี่แหละน่าสนใจนัก\" \"แต่ก็ขอบคุณอีกครั้งนะที่เป็นห่วงทั้งทีเราไม่ได้รู้จักกัน\" ว่าพลางหมุนตัวเตรียมจะเดินทางต่อ
\"ช้าก่อนเช่นนั้นพวกเราไปด้วยละกัน อย่างน้อยๆพวกเราก็ขำนาญเส้นทางดีกว่าเจ้า\" คนพี่กล่าว ส่วนทั้งสองก็พยักหน้า
\"มิได้หรอก ครอบครัวพวกท่านมิเป็นห่วงแย่รึ\" ลี่เซียนกล่าว
ทั้งสามคนมองหน้ากัน จริงอย่างนางว่า เช่นนั้นต้องมีคนกลับไปบ้านเพื่อบอกกล่าวคนในครอบครัว \"งั้นเจ้าสามกลับบ้านไปบอกท่านพ่อท่านแม่ว่าพี่สองคนเข้าป่าพร้อมด้วยแม่นาง...\"
เมื่อเห็นความหวังดีลี่เซียนก็เลยถอดหน้ากากออก กล่าวว่า \"ข้าชื่อ ฟางเหม่ยอิง\" นางไม่อยากใช้ชื่อลี่เซียนเพราะเป็นชื่อองค์หญิงมันไม่เหมาะ
เมื่อทั้งสามคนเห็นลี่เซียนถอดหน้ากากต่างพากันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง กว่าจะได้สติ ก็ตอนที่ลี่เซียนกระแอมไอ \"อะแฮ่ม อืมๆ\"
ทำเอาสามหนุ่มหน้าแดงถึงใบหูเลยทีเดียว \"เอ้อ..พวกเราแซ่จูน ข้าพี่ใหญ่ชื่อ จางจง น้องรองจางสง น้องสามจางจู่\"
\"ยินดีที่ได้รู้จักนะ ข้าว่าพวกเราเดินทางเถอะก่อนที่ค่ำกว่านี้\" ว่าพลางล่วงถุงผ้าให้จูนจางจู่ \"ถือซะว่านี้คือค่าจ้างแล้วกัน ท่านจะได้บอกกับครอบครัวได้\" ไม่ว่าเปล่ายัดถุงผ้าใส่มือจางจู่แล้วเดินจากไป ทำให้สองพี่น้องก็เดินไปด้วย โดยจางจงหันมาบอกน้องชายว่า \"รีบไปได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำเสียก่อนจะถึงบ้าน\" แล้วทั้งสามคนก็หายเข้าป่าไป
\"พวกท่านตามข้าให้ทันนะ เมื่อกี้ข้าเกือบจะเข้าเขตป่าชั้นกลางแล้วเราน่าจะพักที่นั้นได้\" สองหนุ่มมองหน้ากันชั้นกลางรึ พวกเขาไม่เคยเข้าไป คนที่เข้าไปได้คือยอดฝีมือขั้นสูงที่มีไม่มากนัก \"เอ้อ! เจ้าจะเข้าไปจริงๆรึ พวกเราอยู่มานานยังมีไม่ถึง 5 คนด้วยซ้ำไปที่เข้าเขตป่าชั้นกลางได้\" จางจงกล่าว
\"เรียกข้าว่า อิงอิง ก็ได้ ข้าไม่แค่จะเข้าป่าชั้นกลางนะ จะไปใจกลางหุบเขาเลยล่ะ\" \"เสี่ยวเป๋ยออกมา\" สักพักเสี่ยวเป่ยก็ออกมาในร่างมังกรเพลิงหยก ตัวเท่าฝ่ามือ
สองหนุ่มมองดูเสี่ยวเป่ย ก็ได้ยินเสี่ยวเป่ยว่าให้ว่า \"ไม่เคยเห็นมังกรเพลิงหยกรึไง\"
\"ฮ่าๆๆๆ พวกท่านคิดเหมือนข้าไหมว่า ตอนมองครั้งแรกเหมือนตะขาบ\" สองหนุ่มอดกลั้นขำไม่ได้ก็หัวเราะออกมาเบาๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้นเสี่ยวเป่ยก็ขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นมาอีก 3 ถึง 4 ส่วน \"ข้าบอกแล้วว่าให้ออกมาตัวเท่านี้ก็จะไม่โดนเข้าใจผิดแต่แรก\" \"ไปดูเหตุการณ์ข้างหน้าสิ แล้วก็เสี่ยวยู่ออกมากางเขตหน่อย ข้าว่าคงไม่ทันแล้วล่ะ พักที่นี่แหละซะก่อน\"
กระบี่หยกวารีเพลิงก็ลอยออกมา จางสงก็กล่าวว่า \"ข้าเคยเห็นกระบี่นี่ มันคือกระบี่หยกวารีเพลิง ใช่หรือไม่อิงอิง\"
\"อืม ใช่..ท่านเคยเห็นที่ใดรึ\" ลี่เซียนที่ใช้ชื่อิงอิงถามต่อ
\"ที่จวนผู้ว่าการตอนข้าเอาแก่นพยัคฆ์เพลิงไปส่ง เป็นภาพวาดน่ะ เห็นเขาว่าเป็นกระบี่ในตำนาน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะอยู่ที่เจ้า\" เขาพูดอย่างตกตะลึง จะต้องเก่งกาจเพียงใดถึงจะมีมันในครอบครองได้
\"ข้าได้มาเพราะบังเอิญน่ะ ฮ่าๆๆ\" ลี่เซียนกล่าวขำๆ
เสี่ยวยู่แทบน้ำตาตก ทำเหมือนว่ามันเป็นของไม่สำคัญอะไรที่เก็บได้ข้างทางซะงั้น
ครู่ต่อมาเสี่ยวเป่ยกลับมาพร้อมบอกว่า \"มีสัตว์อสูรจำนวนมากกำลังตรงมาทางนี้น่าจะได้กลิ่นของมนุษย์\"
\"ตามที่คิดเอาไว้กลิ่นของพวกท่านล่อพวกมันมาได้จริงๆ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก\" สองหนุ่มมองหน้ากันต่างคนต่างคิดว่า\"นี่นางเอาพวกเขามาเป็นเหยื่อล่อสัตว์อสูรหรอกรึ\"
\"เพราะตัวข้าไม่สามารถล่อพวกมันออกมาได้น่ะนะ\" พร้อมกลับส่งสายตาอ้อนวอน ทำเอาสองหนุ่มหน้าแดงแล้วพูดว่า \"ไม่เป็นไร ก็เจ้าจ้างพวกเราแล้วนิ ใช่ไหมน้องรอง\"
จางสงรีบตอบทันที \"ใช่ๆๆ\"
ลี่เซียนเปลี่ยนใบหน้าเป็นยิ้มกว้างทำเอา จางจงและจางสงใจสั้นเหมือนกัน นางช่างงดงาม งามแบบหล่มบ้านหล่มเมืองทีเดียวเชียว
เวลาผ่านไปประมาณ 1 เค่อ ก็มีสัตว์อสูรมาเดินรอบๆพวกนางเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นก็คือหมีตัวใหญ่กว่าะวกเขา 2 ถึง 3 เท่าได้ มันพูดว่า \"พวกเจ้าลนหาที่ตาย ฮึๆๆ\"
\"จริงรึ ไม่เห็นรู้สึกเลย\" ลี่เซียนเรียกเสี่ยวเป่ยออกมา
ทำเอาบรรดาอสูรทั้งหลายวิ่งแทบอยากจะวิ่งหนี นี่มันเชื้อสายราชาสัตว์อสูรถึงแม้จะไม่ใช่ที่นี่แต่เชื้อสายของมังกรเพลิงหยกคือเก่าแก่ที่สุดในบรรดามังกรด้วยกัน นางสามารถมีมังกรเพลิงหยกในพันธะได้แปลว่านางต้องไม่ธรรมดา เหล่าสัตว์อสูรเกือบหมดที่มีขั้นพลังต่ำกว่าขั้น 5 ต่างหันหลังวิ่งหนีไป
ส่วนเจ้าหมีดำ ก็ยังทำใจกล้าไม่กลัว \"ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก\"
\"ก็ดีจะทำร้ายนายข้าก็ต้องผ่านข้าไปก่อน\" เสี่ยวเป่ยขยายร่างให้ใหญ่ขึ้นยังไม่ได้ทำสิ่งใดมาก แค่พ่นลูกเพลิงมรณะออกมาก็จัดการหมีดำได้ทีเดียวไม่เหลือซากทำให้สัตว์อสูรตัวอื่นๆวิ่งหนีไปทันที
จางจงและจางสงรีบวิ่งไปเก็บแก่นอสูรมาทันที เพราะระดับขั้นมันคือขั้น 8 มีค่าหายากมาก (พลังมี 1-12 ขั้น สีแก่นคือ แดง เขียว เหลือง ส้ม น้ำเงิน ม่วง คราม เทา ดำ เงิน ทอง สีรุ้ง)
เมื่อพวกเขามองดูแก่นอสูรที่ส่อวประกายสีเทาแวววับที่ไม่เคยเห็นก็ดีใจ จางสงรีบหยิบแล้วเอามาให้ลี่เซียนทันที \"นี่ของเจ้า\"
\"ข้าไม่ได้ใช้พวกท่านเอาไปเถอะนี่แทนคำขอโทษที่ข้าใช้พวกท่านเป็นเหยื่อล้อพวกมันมา\" นางยิ้มแล้วกล่าวต่อว่า \"พักผ่อนเถอะ ข้าให้เสี่ยวยู่กางเขตแล้ว ไม่มีอะไรรบกวนแน่\"