สมรสพระราชทาน
\"เจ้ามาแล้วรึ\" หยางจิ้นเฟยหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมา
\"อืม มีเรื่องอันใดเกี่ยวกับข้างั้นรึ\" ลี่เซียนเอ่ยถามอย่างสงสัย ว่าทำไมต้องเรียกนางมาในเมื่อคุยกันเรื่องราชกิจ
หยางจิ้นเฟย มองไปที่หมิงหลงฮ่องเต้ เป็นการบอกว่าท่านบอกนางเลย
หมิงหลงฮ่องเต้เห็นเช่นนั้นจึงเล่าเรื่องราวเหมือนที่เล่าให้หยางจิ้นเฟยฟัง แล้วกล่าวว่า \"เจ้าคิดว่าเช่นไร\"
\"แล้วมันเกี่ยวกับหม่อมฉันตรงไหนเพคะ\" ลี่เซียนทำสีหน้างง แม้จะปวดใจนิดๆที่หยางจิ้นเฟยต้องแต่งงานกับคนอื่นแต่มันคงเลี่ยงไม่ได้เช่นที่ จวินเฟิ่งเยว่ยอกว่า แคว้นหลังเขาชอบแต่งงานเพื่อการเมือง
\"เกี่ยวสิ เพราะข้าจะขอสมรสพระราชทานกับเจ้า\" หยางจิ้นเฟยกล่าวออกมาเขาคิดไว้นานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถามความเห็นจากนางเท่านั้น
\"เหรอ\" \"หา! ว่าไงนะข้ากับใครนะ\" ลี่เซียนตอนแรกไม่นึกว่าหยางจิ้นเฟยจะพูดเช่นนี้ พอคิดอีกทีนั้นหมายถึงนางนี่นา
\"ไม่ผิดข้าจะแต่งกับเจ้า\" หยางจิ้นเฟยกล่าว \"ท่านเขียนราชองค์การเลย ในอีก 30 วัน คือวันแต่งของข้ากับนาง\"
\"เดี๋ยวๆๆ อาเฟยเจ้าไม่ถามข้าเลยรึ\" ด้วยความรีบนางจึงเรียก หยางจิ้นเฟย ว่า อาเฟยโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าคนที่อยู่ในห้องคนอื่นนั้นตะลึงกันไปหมด ทุกคนจึงคิดขึ้นมาว่า \"สนิทกันขนาดเรียกชื่อแบบนี้ก็สมควรแต่งได้แล้ว\" ไม่เว้นแม้แต่หยางจิ้นเฟย
เมื่อเห็นอาการทุกคนลี่เซียนจึงคิดว่าตนพูดอะไรไปรึ ด้วยความรีบนางจึงจำไม่ได้ว่านางพูดอะไรออกไป
\"มีอะไรหรือ ทำไมมองข้าแบบนั้น\" ลี่เซียนทำหน้างงเพราะ คนในห้องทั้งหมดมองหน้านางแปลกๆ คนแรกหยางจิ้นเฟยมองแบบยิ้มๆมีความสุข ต่อมาหมิงหลงฮ่องเต้มองแบบตกใจทำท่าทางว่าทำไม ไป๋เฟิ้งอีกคน ขันทีข้างกายฮ่องเต้ สาวใช้อีก 2 คนอ้าปากค้างตกตะลึง หมายความว่าเช่นไร
\"เมื่อกี้เจ้าเรียกหยางจิ้นอ๋องว่า อาเฟยรึ แปลว่าสมควรแล้วที่พวกเจ้าจะได้แต่งงานกัน เอาตามที่ท่านอ๋องว่า\" หมิงหลงฮ่องเต้กล่าว พลางหันไปบอกให้ขันทีเตรียมกระดาษกับหมึกเพื่อเขียนราชองค์การ
\"คือ...นี่....เฮ้อ!\" ลี่เซียนได้แต่ถอนใจ คงทำอะไรไม่ได้แล้ว
\"เซียนเอ๋อ ข้าว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว หืม\" หยางจิ้นเฟยกล่าวแบบอารมณ์ดี วันนี้ช่างดียิ่งนักดีจริงๆ
\"ดีกับท่านคนเดียวสิ ข้ายังไม่ได้ไปเที่ยวให้ทั่วเลย หึ!\" ลี่เซียนหันหน้าหนีหยางจิ้นเฟยแบบงอลๆ
\"เอาไว้แต่งงานแล้ว ค่อยไปเที่ยวก็ได้ เดี๋ยวจ้าพาเจ้าไปเอง\" หยางจิ้นเฟยดีใจจนตัวแทบลอยได้
\"รายงานท่านเจ้าหุบเขา เราได้ข่าวว่านางอยู่ในหุบเขาปีศาจ ขอรับ\" ลูกน้องคนนึงรายงานผลการที่ให้ไปสืบมา
\"พวกเจ้าเฝ้าจวนนางไว้ดีๆ ไม่ช้านางก็คงจะออกมา\" หึๆ ในที่สุดเลือดพิษ เลือดอมตะ พร้อมสาวพรหมจรรย์ ก็จะเป็นของเขา ถึงเวลาจะปลุกท่านจอมมารให้ตื่นแล้ว เลือดสาวพรหมจรรย์พวกนี้แค่พอให้ท่านจอมมารมีชีวิตได้เท่านั้น ที่เขาต้องปลุกเพราะจอมมารหนีจากการไล่ล่าได้โดยเข้ามาหลบอยู่ในจุดถันเตียนเขาตั้งแต่เกิด เพื่อให้เขามีชีวิตรอดเขาต้องทำตามคำสั่งของจอมมาร พอนานวันเข้าก็เป็นความต้องการของเขาเอง
หลังจากออกจากวังหลวงลี่เซียนก็กลับหุบเขาทันที ดูจากการฝึกซูเม่ยก็พัฒนาไปได้มากแล้ว \"ไปกับข้าเมื่อเดินทางออกจากหุบเขาก็เดินทางไปจวนอานฉวนเพื่อเข้าพบท่านพ่อท่านแม่บุญธรรม จังหวะที่เดินผ่านคนกลุ่มนึงก็รู้ทันที่ว่าต้องไม่ใช่คนดี จึงเรียกเสี่ยวอินและเสี่ยวเฟิ้งมาสอบถามได้ความว่าคนกลุ่มนี้มาสอดแนมอยู่นานมากแล้วน่าจะรู้ว่าลี่เซียนมีเลือดพิเศษ คงเป็นคนของคนคนนั้นสินะ ในที่สุดก็ออกมาซะที ถ้าอยากรู้อะไรให้มากกว่านี้คงต้องเข้าถ้ำเสือซะแล้วสินะ
\"ซูเม่ย เจ้าไปหาหยางจิ้นอ๋องบอกว่าข้าไปหูบเขาเสียนซาน\" ลี่เซียนล้วงเอาหยกที่แขวนเอวของหยางจิ้นเฟยออกมาส่งให้ซูเม่บ \"ข้าจะรอดไม่รอดอยู่ที่เจ้า\" ลี่เซียนกล่าวเตือน
ซูเม่ยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ออกเดินทางไปหาหยางจิ้นอ๋องทันที นางจะไม่ยอมให้ท่านอาจารย์เป็นอะไรเด็ดขาด
เมื่อลี่เซียนเดินมาแล้วกล่าวขึ้นว่า \"คนอื่นห้ามยุ่ง แล้วข้าจะไปกับพวกเจ้า\"
คนของหุบเขาเสียนซานมองหน้ากับแล้ววกล่าว \"งั้นก็เดินทางได้แล้ว\" พวกเขาคิดบทจะง่ายก็ง่ายนิดเดียว คงจะไม่มีอะไรแอบแฝงหรอกนะ แต่ยังไงก็ไม่ไว้ใจอยู่ดีเพราะมันง่ายเกินไป
ใช้เวลาเดินทาง 5 วันเพราะหุบเขาเสียนซานห่างจากแคว้นเหลียนต้องข้ามแคว้นหนานผ่านแม่น้ำเป่ยเจียนไปแคว้นหมิงที่อาศัยของพวกเขาคือชายแดนระหว่างแคว้นหมิงและแคว้นฉิน ด้วยลี่เซียนไม่ได้ใช้ตัวช่วย คือไม่ได้เรียกเสี่ยวเป่ยออกมาทำให้การเดินทางต้องใช้รถม้าเลยต้องใช้เวลาหลายวัน อีกอย่างลี่เซียนถ่วงเวลาเล็กน้อยด้วย นางให้เสี่ยวเป่ยส่งสัญญาณไปให้เสี่ยวไป๋ เพื่อความปลอดภัยของคนในระแวกนั้น เพราะอาเฉียงได้แจ้งนางสักพักแล้วว่ามีผู้หญิงสาวพรหมจรรย์หายไปกลายคนแล้ว ไม่ใช่หายธรรมดาหายแบบไม่เห็นแม้เศษซากด้วยซ้ำไป เมื่อก่อนนานหายไปทีก็เลยไม่ค่อยมีคนสนใจแต่พักหลังๆหายไปถี่มากจนคนแถวนั้นไม่อยากมีบุตรสาวกันเลยทีเดียว
\"นายท่าน จวินอ๋องกำลังเดินทางมา ขอรับ\" เสี่ยวเป่ยบอกลี่เซียนเพราะเสี่ยวไป๋บอกมา
ลี่เซียนคิดว่าถ้าเป็นไปตามที่กระจกบอกคือว่าจอมมารไม่ตายและหลบอยู่ในหุบเขาเสียนซานแน่ๆ \"ข้าจะไม่ขึ้นเขาไป ไปบอกนายของเจ้าว่าต้องมาพบกันที่ทางขึ้นเขา มิเช่นนั้นข้าจะไปทันที\" ลี่เซียนกล่าว นางไม่แน่ใจว่ากำลังจะพบกับสิ่งใด ต้องกันไว้ก่อน
เมื่อบรรดาสมุนของหุบเขาได้ยินเช่นนั้นก็รีบขึ้นไปแจ้งเจ้าสำนักทันที
\"เจ้าบอกว่านางมาหาข้าเองงั้นรึ ดีมากๆ หึๆ\"เจ้าหุบเขาเสียนซานกล่าวอย่างรำพองด้วยเพราะไม่เคยมีใครเคยขัดใจเขาได้
ซูเม่ย้มื่อเดินทางมาถึงหน้าจวนก็ตรงเข้าไปหาคนเฝ้าประตูทันที \"ข้ามาขอพบท่านอ๋อง มีเรื่องด่วนต้องแจ้งท่านอ๋อง\"
\"เจ้าไม่รู้รึว่าที่นี่ที่ไหนไม่ใช่ว่าใครก็จะเข้ามาได้\" ทหารนายนึงกล่าว
ซูเม่ยจึงล้วงเอาหยกแขวนเอวออกมา \"คุณหนูให้ข้ามาเรื่องด่วนมาก\" เมื่อทหารรับหยกมาดูก็รู้ว่าหยกนี้เป็นของท่านอ๋อง
\"คุณหนูเจ้าคือใคร\" ทหารต้องถามเพื่อความแน่ใจ
\"ท่านหมอปีศาจ\" ซูเม่ยไม่รู้ว่าลี่เซียนชื่ออะไร และนางก็ไม่เคยถาม
แต่ทหารก็พอจะได้ข่าวมาบ้างจึงเอ่ยขึ้นว่า \"ตามมา\" แบ้วคืนหยกให้กับซูเม่ย
ไป๋เฟิ้งพึ่งเดินออกมาจากห้องหนังสือก็เห็นทหารหน้าประตูเดินนำเด็กคนนึงเข้ามา \"เจ้าพาใครมา\"
\"ท่านไป๋เฟิ้ง คือนางมาขอพบท่านอ๋องขอรับ นางมีหยกท่านอ๋องด้วย\" ทหารหน้าประตูกล่าว
\"อืม ข้ารู้แล้วเจ้ากลับไปเถอะ\" ไป๋เฟิ้งบอกทการหน้าประตูไปประจำตำแหน่งของตน
ด้วยความที่ไป๋เฟิ้งเป็นคนสนิทท่านอ๋องและเป็นหัวหน้าองครักษ์ทุกคนจึงให้เกียรติเขามากอยู่หลายส่วน ทหารหน้าประตูก็เช่นกัน เขาคำนับแล้วจากไป
\"มีเรื่องอันใด เล่ามาข้าจะนำไปแจ้งท่านอ๋องเอง\" ไป๋เฟิ้งกล่าว
ซูเม่ยพอจะรู้ว่าคงพบท่านอ๋องโดยตรงไม่ได้ จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับไป๋เฟิ้งฟัง
เมื่อไป๋เฟิ้งได้ฟังก็รีบเข้าไปแจ้งแก่หยางจิ้นเฟยทันที
\"แล้วเด็กคนนั้นอฝยังอยู่ไหม\" หยางจิ้นเฟยถาม\"
\"ยังอยู่ที่หน้าประตูพะยะค่ะ\" ไป๋เฟิ้งตอบ
หยางจิ้นเฟยรีบเดินออกมาก็พบว่าเป็นเด็กที่ตนเห็นที่หุบเขาปีศาจเมื่อตอนนั้น \"แล้วเซียนเอ๋อไปที่ใด\"
ซูเม่ยแอบตะบึงเล็กน้อยด้วยนางไม่คิดว่า ชายคนที่อยู่กับคุณหนูจะเป็นถึงท่านอ๋อง \"คุณหนูบอกว่า น่าจะไปที่หุบเขาเสียนซานเพคะ\"