ตอนที่428 ไม่รู้จักสำนึก

ตอนที่428 ไม่รู้จักสำนึก “มาถึงตอนนี้แล้ว คุณก็จะยังหาว่าฉันเป็นคนจ้างคนมาทำร้ายคุณอีกอย่างนั้นหรือคะ?” จิดาภาชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหานี้ที่ยังคงมีอยู่ “มีคนทำอะไรกับรถที่ฉันจะต้องใช้ขับในฉาก หลังจากนั้นก็เอาเบอร์โทรศัพท์มือถือของฉันรั่วไหลออกไปแบบนั้น แล้วคุณก็ถูกคนจู่โจมทำร้าย ทั้งหมดนี้ เหมือนกับมีคนจัดวางทุกอย่างเอาไว้ตั้งแต่แรกเลยนะคะ” คำพูดนี้ของจิดาภาทำให้บรรดานักข่าวต้องรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากเป็นอย่างที่จิดาภาพูดจริงๆ คนที่อยู่เบื้องหลังจะต้องน่ากลัวมากๆ! “อย่าพูดถึงเรื่องที่มันผ่านไปแล้วเลย ตอนนี้แผลของผมยังไม่หายดี ผมนี่แหล่ะที่เป็นพยานให้ได้ดีที่สุดแล้ว!” ปรียสไม่คิดที่จะยอมรับง่ายๆ เขาพนันได้ ว่าจิดาภาจะไม่สามารถเอาหลักฐานออกมาได้จริงๆ ดังนั้นเพียงแค่เขายังคงไม่ถอดใจ จิดาภาก็คงพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้เช่นกัน รอบนี้ เขายังไม่แพ้ “คุณไม่เข้าใจหรือคะว่าทำไมทางทีมงานถึงต้องเปลี่ยนตัวคุณ? คุณดิ้นรนไปให้ลำบากเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ” จิดาภาบอกเรื่องสำคัญที่สุด ว่าเขาได้ถูกเปลี่ยนตัวไปเรียบร้อยแล้ว ปรียสเองเพิ่งจะนึกได้ถึงเรื่องนี้! ชนุดมมาที่งานแถลงข่าวนี้ เพื่อประกาศเรื่องที่เปลี่ยนตัวพระเอกของเรื่อง “ผมไม่สนใจเรื่องนั้น ตอนนี้ผมยังบาดเจ็บอยู่แบบนี้ แต่คุณกลับหาหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ไม่ได้!” เวลานี้เองชนุดมที่ยืนอยู่ข้างๆทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าตอนนั้นทำไมถึงได้เลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นพระเอก คุณภาพชีวิตของคoแบบนี้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจยิ่งนัก เขาจึงยืนขึ้นมาแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นแล้ว คุณปรียส ตอนที่คุณปล่อยข่าวลือพวกนั้นออกมา ไม่ได้คิดถึงสถานะที่แท้จริงของท่านเดชเลยใช่ไหม?” ปรียสขมวดคิ้ว ด้วยสีหน้าที่งุนงงเล็กน้อย “คุณโง่ขนาดนี้เลยหรือ ไม่รู้จักตรวจสอบเลยซักนิด ก็ไปใส่ร้ายคนอื่นแล้ว!” “ไม่ผิดหรอกครับ ที่คุณจิดาภาไปทำอาหารให้กับท่านเดช และนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากเธอนั้นเธอมีหน้าที่จะต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว หรือแม้ว่าคุณจิดาภาจะอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกันกับท่านเดช ก็เหมาะสมอยู่แล้วนี่ครับ!” คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? นักข่าวต่างพากันมองหน้าชนุดม สรุปแล้วท่านเดชคนนี้เป็นใครกันแน่? มีความสัมพันธ์อย่างไรกับจิดาภา? แม้แต่จิดาภาเองก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างเช่นกัน ทำไมชนุดมจู่ๆถึงพูดแบบนี้? “ตอนนี้ผมจะเชิญให้ท่านมาที่นี่ด้วย ให้ท่านได้เป็นคนบอกกับทุกคนเองดีกว่าครับ” ชนุดมหันกลับไปโทรศัพท์ทันที เวลานี้เอง บรรดานักข่าวที่อยู่ในงานก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องราวเหล่านี้ยากที่จะคาดเดาเสียจริงๆ “ไม่ใช่ว่าเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนหรอกหรือ? จะมีเบื้องหลังอะไรอีกล่ะ!” ปรียสพึมพำออกมาอย่างเหยียดๆ หลังจากที่ชนุดมโทรศัพท์เสร็จแล้วนั้น เห็นว่าปรียสยังคงมีท่าทางเช่นนั้น จึงยิ้มออกมาบางๆแล้วเอ่ยบอกกับเขา “หวังว่าเขามาแล้ว คุณก็ยังมีความมั่นใจแบบนี้อยู่นะ......” หลังจากที่นักข่าวพากันวิพากษ์วิจารณ์แล้วนั้น คิดไม่ออกจริงๆว่านักแสดงอาวุโสคนนี้จะมีเบื้องหลังเป็นอย่างไร ถึงได้ให้จิดาภาไปทำอาหารให้เขา ดูแลชีวิตของเขาแบบนั้น...... ใครกันแน่ที่โกหก? “พวกคุณปรึกษาคำพูดพวกนี้กันมาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เป็นเพียงแค่เค.เอฟที่กำลังบิดเบือนข้อเท็จจริง! กลั่นแกล้งบริษัทต้นสังกัดที่ไม่ได้มีอิทธิพลใดๆของผม พวกคุณต่างหากที่เป็นต้นกำเนิดของการทำธุรกิจที่สกปรกของวงการบันเทิง!” ปรียสเพิ่มโทษนี้ให้กับจิดาภาอีกครั้งหนึ่ง แล้วเอ่ยเตือนบรรดานักข่าว ว่าจิดาภาเป็นภรรยาของประธานบริษัทเค.เอฟ เพราะฉะนั้นเธอต้องการซื้อตัวใครก็ไม่ใช่เรื่องยาก “คุณปรียส ถ้าหากเค.เอฟเป็นอย่างที่คุณพูดมาแบบนั้นจริงๆ คุณคิดว่าฉันจะต้องมายืนให้คุณกล่าวหาประณามอยู่แบบนี้ไหมคะ?” จิดาภากล่าวทำลายสิ่งที่เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “หึ! แล้วใครจะรู้ว่าพวกคุณวางแผนกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์กันหรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่ว่าเค.เอฟใช้เงินซื้อตัวเขาไว้ จะทำให้ผู้กำกับมายืนอยู่ฝั่งพวกคุณได้อย่างไรกัน? ทั้งๆที่คุณเป็นฆาตกรแท้ๆ!” “เอาตัวเข้าแลกกับนักแสดงอาวุโส ว่าจ้างฆาตกรมาทำร้ายคน โทษทั้งสองอย่างนี้คุณหนีไม่พ้นหรอก!” ปรียสยังคงไม่สำนึกผิด พวกเขาไม่ยอมอ่อนข้อให้กันเช่นนี้ บรรดานักข่าวก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน เพราะเรื่องนี้ฟังดูแล้วราวกับมีความจริงที่ปกปิดเอาไว้อยู่ เวลานี้ ประตูของห้องโถงได้ถูกใครคนหนึ่งผลักเปิดเข้ามาอีกครั้ง ชายผู้อาวุโสเดินเข้ามาในชุดสูทสีดำ ด้านหลังตามมาด้วยเลขาสองคน และบอร์ดี้การ์ดอีกสองคน เขาไม่ได้สวมชุดแบบจีนเหมือนเวลาปกติที่อยู่ในกองถ่าย แต่กลับสวมชุดสูทที่ดูเป็นทางการ ดูมีบุคลิกดีเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขานั้นก็ไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ติดหนวดเคราปลอมเอาไว้ด้วย ดังนั้นใบหน้าที่แท้จริงของเขาจึงปรากฏออกมาให้เห็น จิดาภาที่ยืนอยู่บนเวทีถึงกับตกตะลึง ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุมากแล้ว แต่ใบหน้าของเขานั้นมีเงาของคนตระกูลปรีดาอัครกุลแฝงอยู่ “ท่านนี้คือท่านชลธีที่อยู่ในกองถ่ายของเราด้วยครับ! ท่านจะไม่ใช่คนที่ทำให้คุณจิดาภาเอาตัวเข้าแลกอย่างแน่นอน” ชนุดมเอ่ยขึ้น แล้วเดินไปหยุดตรงด้านหน้าของท่านเดช เพื่อแนะนำกับทุกคน “และในขณะเดียวกัน ท่านก็เป็นคุณปู่ของคุณจิรภาส ประธานบริษัทเค.เอฟด้วยครับ ประธานบริษัทรุ่นแรกของเค.เอฟกรุ๊ป ท่านชุติเดชครับ” “ก่อนหน้านี้ท่านเดชเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน ท่านรู้ข่าวเรื่องการแต่งงานของคุณจิดาภาและคุณจิรภาส ดังนั้นจึงได้คิดที่จะทดสอบหลานสะใภ้คนนี้ ถึงได้กลับเข้าในวงการกองถ่ายอีกครั้ง เนื่องจากตอนที่ท่านอายุยังน้อยท่านเองก็เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งเช่นกันครับ” “เป็นหลานสะใภ้ของท่านเดช ทำอาหารให้ท่านทานแบบนี้เป็นเรื่องแปลกหรือครับ?” ปรียสไม่มีอะไรจะพูดออกมาเสียแล้ว! ที่แท้พวกเขามีความสัมพันธ์เช่นนี้กันนี่เอง ตอนที่เขาสร้างข่าวลือเหล่านั้นขึ้นมา คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะกลายมาเป็นเช่นนี้ ไม่คาดคิดว่าเธอจะเป็นคุณปู่ของจิรภาสและจิดาภา! เวลานี้เอง จู่ๆปรียสก็นึกขึ้นมาได้ ว่าเขาเคยไปหาท่านเดช คิดจะร่วมมือกับเขาเพื่อที่จะจัดการจิดาภา แต่ผลกลับเป็นแบบนี้นั่นเอง “ท่านเดชจริงๆใช่ไหม?” “เห็นว่าตอนที่เขายังหนุ่มๆได้รางวัลใหญ่ๆไปไม่น้อยเลยนะ ต่อมาพอเข้าไปทำธุรกิจ สร้างเป็นธุรกิจของตระกูลอัครปรีดากุลขึ้นมา ไม่เพียงแต่มีทักษะการแสดงดีเพียงเท่านั้น ความสามารถทางธุรกิจก็เก่งมากเช่นกัน” “เพื่อทดสอบหลานสะใภ้ถึงได้เข้าไปในกองถ่ายอย่างนั้นหรือ นั่นก็หมายความว่าจิดาภาเองก็ไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเขาสิ?” “เอาตัวเข้าแลกอย่างนั้นหรือ? อา...ตลกจริงๆ ตอกหน้ากลับไปเลย.....” ท่านเดชมองดูบรรยากาศภายในงาน แล้วหันกลับมา เอ่ยถามกับปรียส “เป็นอย่างไร? รู้สถานะของฉันแล้วผิดหวังไหม?” ท่านเดชไม่รอให้เขาตอบ กลับเดินไปหยุดตรงหน้าเขา แล้วมือดึงผ้าพันแผลที่พันศีรษะเขาเอาไว้ออก “สมองดีๆแบบนี้จะเอาผ้ามาพันไว้ทำไมกัน? ยังทำรอยเลือดไว้อีกด้วย! คนที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจะดูมีชีวิตชีวาแบบนี้เลยรึไง? เธอคิดว่าทุกคนโง่ หลอกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?” ปรียสคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้ จึงรีบปิดหน้าผากเอาไว้ด้วยความตื่นตกใจ ท่านเดชเอาผ้าพันแผลผืนนั้นทิ้งลงบนพื้น มือขวาใช้แรงกดที่มือของปรียสไว้ “โชคดี ที่ฉันไม่มีหลานนิสัยเลวๆแบบนี้ มิเช่นนั้น คงจะต้องเจอแต่ความหายนะกับตัวแน่ๆ!” “ได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องโกหก!” “ถ้าอย่างนั้นที่เขาพูดมาเมื่อครู่นี้ทั้งหมดก็เป็นเรื่องหลอกลวงน่ะสิ น่ากลัวเกินไปแล้วนะ!” “ดูแล้วที่จิดาภาพูดมาก็ถูก ทั้งหมดนี้เป็นแผนที่ปรียสวางแผนเองทั้งนั้น แผนสูงเกินไปแล้ว” “แถมยังจะไม่ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์กับนวาระอีกด้วยนะ ข่าวลือพวกนั้น ที่บอกว่าจิดาภาเอาตัวเข้าแลกให้กับท่านเดช ก่อเรื่องวุ่นวายเสียจนสุดท้ายแล้วต้องถูกผู้กำกับเปลี่ยนตัว ชื่อเสียงป่นปี้หมดแล้วจริงๆ.......” “ไม่! พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกัน! ผมไม่ได้โกหก สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง!” ปรียสยังคงยืนยันว่าคำโกหกพวกนั้นเป็นเรื่องจริง ท่านเดชไม่ได้พูดอะไรอีก เดินขึ้นไปแล้วถีบไปที่ขาของเขา ด้วยแรงและตำแหน่งที่พอเหมาะพอดีนั้น หลังจากที่ปรียสถูกถีบไปแบบนั้นแล้วทำให้เขาต้องคุกเข่าลงบนเวที “ยังไม่ยอมรับอีกหรือ?” “ผมไม่ยอมรับ!” หน้าของปรียสนั้นแดงมาก ยังคงกัดฟันยืนกรานเช่นนั้น