บทที่ 16 ร้อง
บทที่ 16 ร้อง
ฝู้จิ่งหวยรู้สึกได้ว่าไป๋ซูที่อยู่ในอ้อมกอดเขาตัวสั่นระริก เธอมีท่าทีรีบร้อนที่จะหนีออกจากอ้อมกอดเขา
แต่ฝู้จิ่งหวยกลับกอดไป๋ซูให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก ไม่เพียงเท่านั้น เขายังจงใจหันกลับไปสบสายตากับฝู้หยุนเซียวอีกด้วย
เมื่อฝู้หยุนเซียวใกล้เข้ามา ฝู้จิ่งหวยก็จูบไป๋ซูอีกครั้งแล้วปล่อยเธอ
เขายั่วโมโหอย่างเต็มที่
ไป๋ซูตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว หางตาเธอยังคงมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่ เธอไม่รู้ว่าแสงสลัว ๆ อย่างนี้จะทำให้ฝู้หยุนเซียวมองเห็นหรือเปล่า
เธอกลัวว่าถ้าเธอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา จะยิ่งทำให้เขาสังเกตเห็นได้
แต่ว่า ฝู้หยุนเซียวได้แต่เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้าง ๆ เขา จากนั้นก็ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้ไป๋ซู แล้วก็โอบไป๋ซูเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
ราวกับไม่เห็นฉากที่ฝู้จิ่งหวยยั่วโมโหเขาด้วยการจูบไป๋ซู เขาได้แต่โอบกอดไป๋ซูพาเธอเดินไปยังรถของเขา
ไป๋ซูไม่ได้ขัดขืน ขาของเธอขยับตามฝู้หยุนเซียวไปด้านหน้า หลังจากขึ้นไปบนรถแล้ว ในขณะที่ฝู้หยุนเซียวยื่นทิชชูให้ไป๋ซูเช็ดน้ำตาตัวเองนั้น ไป๋ซูก็ได้ยิ้มออกมาให้เขา
“สามีคะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเช็ดน้ำตาให้”
ไป๋ซูแทบจะกลับมาเป็นปกติเหมือนอย่างที่เคยเป็นเวลาที่อยู่ต่อหน้าเขา แต่ทว่า ฝู้หยุนเซียวที่มองหน้าเธออีกครั้งนั้น ไม่มีท่าทีอ่อนโยนเลยสักนิด
ไป๋ซูจ้องไปยังฝู้หยุนเซียว แล้วกัดปาก นี่เป็นครั้งแรกที่ฝู้หยุนเซียวเย็นชาใส่เธอ
ที่ผ่านมา พวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวกันดี
เธอคอยทำตัวเชื่อฟังเขาให้เขาสบายใจ ส่วนเขาก็รับหน้าที่ดูแลเอาใจใส่
“สามีคะ ฉันผิดไปแล้ว”
ไป๋ซูให้กำลังใจตัวเองในใจ แล้วพูดเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อน
“ทำอะไรผิดเหรอ?”
ฝู้หยุนเซียวหันตัวกลับมามองไป๋ซู สายตาเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ผิดตรงที่...ไม่ควรใกล้ชิดกับฝู้จิ่งหวย”
ไป๋ซูกัดปากตัวเอง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากอธิบาย
“เขากอดเธอแล้วใช่ไหม?”
ฝู้หยุนเซียวจ้องหน้าไป๋ซู เอ่ยถามออกไปทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
ตอนที่เขาออกมา เขาก็เห็นชัด ๆ แล้วว่าไป๋ซูกำลังอยู่ในอ้อมกอดของฝู้จิ่งหวย
ไป๋ซูพยักหน้ายอมรับ
“เขาจูบเธอแล้วใช่ไหม?”
ฝู้หยุนเซียวถามต่ออีก น้ำเสียงยิ่งฟังดูเย็นชาถึงที่สุด
ไป๋ซูพยักหน้ายอมรับอีกครั้ง
ถึงแม้เธอไม่ได้เต็มใจ แต่ฝู้จิ่งหวยก็จูบเธอไปแล้ว!
“จูบยังไง?”
ขณะที่ฝู้หยุนเซียวพูดประโยคนี้จบเขาก็ได้บีบคางไป๋ซูไว้แน่น ดึงเธอเข้ามาใกล้ตัวเอง จากนั้นก็เอาปากประกบลงบนปากของไป๋ซู
ความรุนแรงของจูบในครั้งนี้แฝงด้วยการลงโทษอย่างร้ายกาจ แต่ไหนแต่ไรมา ฝู้หยุนเซียวไม่เคยใช้กำลังกับเธอแบบนี้
เขาพยายามจูบเธอให้เธอเปิดปากออกเพื่อที่จะสอดแทรกลิ้นเข้าไป เขาถลกกระโปรงของไป๋ซูออก แล้วยื่นมือเข้าไปสัมผัสด้านใน
ที่ผ่านมา ฝู้หยุนเซียวไม่เคยบังคับฝืนใจเธอมาก่อน ไป๋ซูตกใจจนตัวสั่นเล็กน้อย เธอหลับตาปี๋ เพื่อฝืนยอมรับการกระทำของเขา
ขนตาเธอสั่นระริก น้ำตาเธอไหลเอ่อออกมาอีกครั้ง ในขณะที่มือของฝู้หยุนเซียวค่อย ๆ ล้วงเข้าไปในกระโปรงของไป๋ซู เขาก็ได้เอ่ยถามเธออย่างโมโหอีกครั้ง
“ตรงนี้ล่ะ? หลังจากที่เธออยู่กับฉันแล้ว เขายังเคยได้สัมผัสมันอีกหรือเปล่า?”
ไป๋ซูรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที
“ก่อนหน้านี้ล่ะ? ผู้ชายที่เธอเคยนอนด้วย ตอนที่คบกับฉันแล้ว ก็คือเขางั้นเหรอ?”
ประโยคนี้ ทำเอาไป๋ซูตัวสั่นไหวทั้งตัว
ผู้ชายคนนั้น...เป็นใคร เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
เธอกัดปากแล้วส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าฝู้หยุนเซียวไม่ค่อยเชื่อเธอ ดวงตาของเขาจ้องไป๋ซูตาไม่กะพริบ ไป๋ซูสบตากับฝู้หยุนเซียวตรง ๆ แล้วกัดฟันพูดว่า “ไม่ใช่เขาจริง ๆ เป็นใครนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ ตอนนั้นฉันอยู่ที่โรงแรม...”
ติ๊ง......
ไป๋ซูยังพูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
บนหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นชื่อของหวางเสี่ยวถง
ไป๋ซูมองไปยังโทรศัพท์แต่ไม่ได้กดรับสาย แต่สายเรียกเข้าจากหวางเสี่ยวถงเหมือนมีเรื่องด่วนอะไร โทรเข้ามาไม่หยุด ในที่สุด ฝู้หยุนเซียวก็ลุกขึ้น แล้วปล่อยไป๋ซูออก จากนั้นก็ออกปากสั่งเธอ “รับสาย”
ไป๋ซูลังเลเล็กน้อย แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็กดรับสาย เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาที่สุด
“ฮัลโหล?”
“หม่าม๊า......”
เสียงเล็กเสียงน้อยของเด็กดังขึ้น เป็นไป๋เสี่ยวไป๋ลูกสาวของไป๋ซูนั่นเอง ไป๋ซูตกใจจนต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ
เธอค่อย ๆ ชำเลืองมองฝู้หยุนเซียว แต่เหมือนฝู้หยุนเซียวจะไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงจากปลายสายเท่าไหร่นัก เธอจึงได้ตอบกลับไปเสียงเบา ๆ “อืม...ทำไมล่ะจ๊ะ คิดถึงแม่แล้วใช่ไหม?
“อืม! ไป๋ไป๋คิดถึงหม่าม๊า!”
ขณะที่ไป๋เสี่ยวไป๋กำลังพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยอยู่นั้น โชคดีที่หวางเสี่ยวถงมาเอาโทรศัพท์ไปคุยพอดี
“เฮ้อ เสี่ยวไป๋ ทำไมแอบเอาโทรศัพท์แม่ทูนหัวไปใช้อีกแล้วเนี่ย?”
หวางเสี่ยวถงพูดบ่นเสี่ยวไป๋พลาง พูดกับไป๋ซูพลาง “หลายวันมานี้ไป๋เสี่ยวไป๋คิดถึงเธอมากเลย ไม่ได้เจอเธอนานแล้ว เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉัน...สบายดี”
ไป๋ซูแอบชำเลืองมองฝู้หยุนเซียวอีกครั้ง ก่อนตอบออกไป
“สบายดีก็ดีแล้ว” หวางเสี่ยวถงลังเลสักครู่ จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “เนี่ย เธอรู้อะไรไหม? วันนี้มีคนมารับคณบดีสวีฉางซูที่โรงพยาบาลด้วยแหละ ฉันเพิ่งรู้ว่าสวีฉางซูเป็นเมียน้อยเขามาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนฝู้จิ่งหวยเป็นลูกนอกสมรสที่ไม่เคยได้รับการยอมรับ”
หวางเสี่ยวถงท่าทางยังมีเรื่องอะไรจะพูดต่ออีก แต่ไป๋ซูมองไปยังฝู้หยุนเซียวที่อยู่ข้าง ๆ ทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่ควรพูดต่อแล้ว เธอจึงได้บอกกับหวางเสี่ยวถงว่า “ตอนนี้ฉันอยู่กับสามี เดี๋ยวค่ำ ๆ ฉันค่อยคุยกับเธอนะ ฉันอยู่กับสามีก่อน”
เพียงแค่เอ่ยคำว่า สามี ขึ้นมา หวางเสี่ยวถงกับไป๋ซูเป็นอันรู้กันว่าต้องทำยังไง
หวางเสี่ยวถงจึงเอ่ยพูด บ๊ายบาย แล้ววางสายไป
ตอนที่ไป๋ซูหันไปมองฝู้หยุนเซียวอีกครั้ง ก็ดูเหมือนว่าฝู้หยุนเซียวจะหายโมโหลงไปบ้างแล้ว
แต่เขากลับมองออกไปยังด้านนอกรถ ตั้งแต่ที่ไป๋ซูตามฝู้หยุนเซียวขึ้นมาบนรถ ฝู้จิ่งหวยก็ไม่ยอมไปไหน ได้แต่อยู่มองพวกเขาอยู่ไกล ๆ อย่างนั้น
ตรงจุดนี้ ไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่
ฝู้หยุนเซียวเอ่ยปากพูดกับไป๋ซูหนึ่งคำ “ร้อง”
ไป๋ซูตะลึงงัน “ห๊ะ?”
ฝู้หยุนเซียวไม่รีรอให้ไป๋ซูตั้งตัว เขาก็ได้ยื่นมือไปลูบหน้าอกเธอ
“อ๊ะ!”
ไป๋ซูร้องออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นฝู้หยุนเซียวก็พูดเสียงเบา ๆ กับเธอว่า “จะให้ฉันจัดการเธอจริง ๆ หรือว่า...”
“อืมมม...สามีขา! อ๊า...อืมม!
ไป๋ซูหน้าแดงเถือก เธอตอบสนองได้รวดเร็วมาก เธอเข้าใจความหมายของฝู้หยุนเซียวแล้ว
การเล้าโลมของเขานั้น ทำเพราะอยากเย้ยฝู้จิ่งหวย อยากให้เขาตัดใจซะ
ไป๋ซูไม่มีทางเลือก เธอทำได้เพียงร่วมมือกับผู้ชายคนนี้...
หลายปีก่อน ตอนที่เขาจ้างเธอมาเป็นภรรยา เธอก็ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรในเรื่องความรักแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้...ตอนที่ฝู้จิ่งหวยทิ้งเธอไป ความรักของเธอก็ได้ตายลงไปด้วย
ฝู้จิ่งหวยจุดบุหรี่มวนหนึ่ง แสงสลัว ๆ ส่องประกายท่ามกลางความมืด สายตาของเขาจ้องมองมายังรถคันนั้นที่อยู่ด้านหน้า
จนถึงตอนที่รถเริ่มสั่นสะเทือนไปทั้งคัน แล้วมีเสียงร้องของไป๋ซูดังออกมา ในตอนที่สถานการณ์เห็นได้ชัดขนาดนี้
เขาก็อดไม่ไหว จึงได้ดับบุหรี่ แล้วเดินตรงมายังทางนี้