ตอนที่22 XX
“คุณภาคิน!?...”
“ขอโทษที่นะที่หายไปนาน ที่เหลือให้ฉันจัดการเอง ไปพักกันซักหน่อยเถอะ” ผมพูดพลางรู้สึกผิดอยู่ในใจเล็กน้อยที่หายไปนานจนทำให้สมาชิกร่วมปาร์ตี้ต้องลำบากกันแบบนี้ ทั้งๆที่น่าจะทำประโยชน์ได้มากกว่านี้แท้ๆ แต่ตั้งแต่ตอนนี้ไปผมจะเป็นคนป้องปกพวกเขาต่อเอง
สายตาของผมพลันจ้องไปยังเพื่อนร่วมปาร์ตี้ที่กำลังสู้กับเหล่าอันเดดอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ ศรเงาถูกยิงออกไปข้างหน้าโดยมีเป้าหมายคือหัวของพวกอันเดดเหล่านั้น
ฟิ้วว...ฉึก....ผ๊วะ...
หัวของเหล่าอันเดดระเบิดหายไปในพริบตา สร้างความตกใจให้แก่เพื่อนร่วมปาร์ตี้อย่างมาก ผมยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ พลันยิงศรเงาออกไปช่วยผู้เล่นอื่นๆที่กำลังลำบากกันอยู่อีกชุดหนึ่งด้วยความรวดเร็วจนไม่มีใครสังเกตเห็นแม้แต่คนเดียวเพราะเวลานี้พวกเขาต้องตั้งสมาธิกับการต่อสู้เอาไว้จนไม่สนใตสิ่งอื่นนอกจากศัตรูตรงหน้า
ศรเงาพุ่งเฉียดร่างของเหล่าอันเดดเกิดเป็นรอยแผลขนาดเล็กมากที่แทบจะมองไม่เห็นไปทั่วทั่งร่างของมัน ถ้าจะถามว่าทำไมถึงไม่ฆ่ามันให้ตายๆไปเสีย คำตอบคือไม่อยากเป็นจุดเด่นไงล่ะ ลำพังแค่ระเบิดหัวอันเดดคลาส 6 ได้แค่การโจมตีเดียวก็เด่นมากพอแล้ว ถ้าจะให้ทำแบบเดียวกันทั้งหมดผมคงไม่มีเวลาส่วนตัวเพราะต้องมาคอยตอบข้อสงสัยของพวกผู้เล่นที่อยากรู้ไปซะหมดทุกอย่าง
แต่การโจมตีเพียงแค่นั้นของผมได้สร้างโอกาสความได้เปรียบมากมายจนทำให้ผู้เล่นได้โต้กลับบ้างแล้ว พวกเขาก็คงจะรู้สึกแปลกใจกันอยู่ไม่น้อยเมื่อจู่ๆศัตรูตรงหน้าที่ไล่ตอนพวกเข้าแทบตายตั้งแต่ต้น แต่มาตอนนี้กลับมีท่าทีที่แปลกไป พวกมันดูอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด การโจมตีของพวกมันง่อยลงทันตาเห็น กลุ่มผู้เล่นไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปรีบระดมสกิลใส่พวกอันเดดคนงานเหมืองแบบจัดเต็มจนพวกมันกลายเป็นแสงหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงกลุ่มผู้เล่นที่ยังรอดชีวิตไม่กี่สิบคน และโถงถ้ำโล่งๆเพียงเท่านั้น
หลังจากทีจัดการพวกมันไปเรียบร้อยแล้ว กลุ่มผู้เล่นก็เห็นพ้องกันว่าควรจะพักซักหน่อยเพื่อเตรียมตัวก่อนถึงห้องบอส พวกเขาใช้เวลาพักกันไม่นานก็เริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง ตอนนี้กลุ่มผู้เล่นเหลือกันไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำไป นอกนั้นตายไปกันหมดโดยไม่สามารถชุบชีวิตได้ทันเวลา ตำแหน่งบางอย่างขาดหายไปนั่นจึงทำให้พวกเขาตัดสินใจรวมกลุ่มกันให้มากกว่าเดิมเพื่อเติมเต็มตำแหน่งที่ขาดหายไป
เมื่อกลุ่มสำรวจเหมืองเดินทางมาจนถึงหน้าห้องบอสแล้ว แต่จะบอกว่าเป็นห้องบอสซะทีเดียวก็ไม่ได้เนื่องจากมันไม่มีประตูกั้นเอาไว้ พื้นที่ตรงนี้เปิดลานโถงกว้างใหญ่เหมาะแก่การต่อสู้ รอบๆขอบผนังถ้ำเต็มไปด้วยแร่นาๆชนิดที่จะสามารถทำเงินมหาศาลให้พวกเขาได้หากนำมันออกไปได้ทั้งหมด แต่ทันทีที่เข้ามายังอาณาเขตของบอส บรรยากาศพลันเปลี่ยนไปกลายเป็นความอึดอัด ความกดดัน ความรู้สึกเหมือนจะถูกฉีกกระชากอยู่ตลอดเวลา จิตสังหารที่เข้มข้นกระจายอยู่ในอากาศจนหายใจติดขัดอยู่หน่อยๆ
“เฮ้ยๆ......แบบนี้มันไม่ตลกแล้วนะเห้ย บรรยากาศน่ากลัวชิบ”
“รู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลยว่ะ...”
“ทุกคนอย่าแตกตื่น! ระวังตัวกันไว้ ใกล้ถึงตัวบอสแล้ว!”
“ใจสู้กันหน่อยสิวะ! ถ้าฆ่าบอสได้ พวกเราก็จะรวยกันแล้ว พวกแกเห็นแร่พวกนั้นมั้ย อีกไม่ช้ามันจะเป็นของเราแล้วโว้ยยย!”
“ใช่ๆ เอาหน่อยโว้ยย”
สารพัดคำพูดปลุกใจที่ถูกพ่นออกมาจากปากของแต่ละคน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงลมปากแต่มันสามารถเพิ่มขวัญกำลังใจได้ดีทีเดียวในสถานการณ์แบบนี้ แต่แล้วความมั่นใจทั้งหมดกลับต้องดิ่งลงเหวลึกทันที เมื่อมีบางสิ่งที่เห็นแล้วมันบั่นทอนสภาพจิตใจทันทีที่เห็นมันปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
แมงมุมยักษ์ดวงตาสีแดงฉาน ขาเป็นปล้องทั้ง 8 ยาวเรียวแข็งดุจเหล็กกล้า ตัวมันสูงใหญ่ราวตึก 3 ชั้น ออร่าน่ากลัวค่อยๆแผ่ออกมาจากตัวของมัน ผู้เล่นที่มองไปยังดวงตาสีแดงเลือดนั้นต่างตัวแข็งขนลุกซู่ในทันที
บอส แมงมุมทมิฬ Class 7 LV. 754 ธาตุ ดิน ปรากฏตัวค่ะ
เมื่อเสียงประกาศดังขึ้นในหัวของผู้เล่นทุกคน แต่ละคนล้วนตัวแข็งทื่อทำอะไรกันไม่ถูก หัวหน้ากลุ่มสำรวจตั้งสติได้ก่อนใครจึงตะโกนเรียกคนอื่นให้รีบไปประจำตำแหน่งของตัวเองให้เร็วที่สุด
“คลาส 7 ! ตายแน่ๆงานนี้” ซิคพูดขึ้นมาพลางมองบอสอย่างกล้าๆกลัวๆ ระดับของบอสตรงหน้ามันเลยคลาสของพวกเขาเยอะเกินไปแล้ว
“อย่าทำตัวขี้ขลาดไปหน่อยเลยน่า เรามีคุณภาคินอยู่ทั้งคน จะมีอะไรต้องกลัวอีก ใช่ไหมล่ะ?” ลูดี้พูดยิ้มอย่างสบายใจพลันหันมามองที่ผม ผมได้แต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรกลับไปพลางจ้องไปที่บอสตรงหน้าโดยไม่ละสายตาลง
“นี่ พวกพี่อย่าไปรบกวนคุณภาคินเข้ามากสิ แค่นี้เราก็ได้เขาช่วยไว้มากแล้ว หัดเกรงใจคนอื่นบ้างสิคะ!” จอยยืนทำท่าทางต่อว่าพี่ๆของเธอ แต่พวกเขาดูเหมือนจะไม่ฟังเธอเลย จนกระทั่งผมเดินเข้าไปพูดกับพวกเขา
“พวกนายอยากได้แร่ทั้งหมดนี้มั้ย?”
.
.
.
.
ในเวลานี้เหล่ากลุ่มผู้สำรวจเหมืองแร่รวมพลังกันครั้งสุดท้ายเพื่อจำกัดบอสตัวนี้ทิ้งไปเสีย เพื่อที่จะรอดกลับไป และขนสมบัติต่างๆ รวมถึงแร่หลากชนิดพวกนี้กลับไปข้างนอกให้ได้
ตัวแทงค์ที่ทำงานอย่างหนักคอยรับการโจมตีอันหนักหน่วงบอส กลุ่มแนวหน้าคอยทำดาเมจสลับกับกลุ่มนักเวทย์จากแนวหลัง ผู้เล่นสายนักบวชคอยฮิว และบัพอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าดามเมจที่พวกเขาทำได้นั้นยังคงไม่มากพอจะสังหารบอสตัวนี้ลงได้
บอสประจำเหมืองเองก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แมงมุมทมิฬพ่นเส้นใยหนาคลุมพื้นที่โดยรอบเอาไว้จนกลายเป็นคุกดีๆนี่เอง ผู้เล่นที่ติดอยู่ข้างในต่างถูกบอสแมงมุมขย้ำอยู่ฝ่ายเดียว ด้วยความต่างของระดับ การต่อสู้ที่ไม่เป็นระบบ อีกทั้งจำนวนที่เหลือเพียงน้อยนิด กลุ่มผู้เล่นจึงยากที่จะต่อกรกับมัน
ทางด้านปาร์ตี้ของหัวหน้ากลุ่มใหญ่
“คุณโทมัสครับ ขืนเป็นแบบนี้พวกเราได้มือเปล่ากลับไปแน่ครับ!” สมาชิกร่วมปาร์ตี้คนหนึ่งพูดขึ้นขณะร่ายเวทย์โจมตีบอสที่กำลังพัวพันอยู่กับการต่อสู้อื่นอยุ่อยู่
“บ้าเอ้ย พวกแกก็รีบๆฆ่ามันสิวะ มัวแต่พูดแล้วเมื่อไหร่มันจะตายกันหะ!” โทมัสหัวหน้ากลุ่มผู้คนพบเหมืองแร่แห่งนี้ตอบออกไปอย่างเดือดดาล เขากำหมัดแน่นด้วยความโมโหร้าย สมบัติอยู่ตรงหน้าแท้ๆแต่กลับไม่สามารถนำกลับออกไปได้ หากจะขุดแร่ซะตอนนี้คงจะโดนเจ้าบอสแมงมุมนั่นฆ่าทิ้งไปเสียก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นถึงผู้เล่นคลาส 7 ก็ตามที แต่การจะสู้กับบอสระดับนั้นด้วยคนเพียงแค่นี้ มันคงจะเป็นเรื่องที่ตลกร้ายจนเกินไป
“ไม่ไหวแล้ว มันแข็งแกร่งเกินไป!”
“พวกเราต้านไว้ไม่อยู่แล้ว อ๊ากก.....”
“บ้าเอ้ยยย”
“มาได้เท่านี้หรอเนี่ย!”
อ๊ากกก ตุบ เผล๊ะ อัก.....
แมงมุมทมิฬปลดปล่อยออร่าสีดำไปทั่วทั้งห้องโถงถ้ำส่งผลให้เหล่าผู้เล่นติดสถานะหวาดกลัวกันยกใหญ่ มันค่อยๆใช้เท้าเป็นปล้องของมันไล่บี้ผู้บุกรุกตรงหน้าจนไม่เหลือชิ้นดี เหล่าผู้เล่นตายอนาถไม่เหลือซาก และกลายเป็นแสงหายไปอย่างรวดเร็ว
ทั่วทั้งโถงถ้ำกลับมาเงียบสงบอีกครั้งทิ้งไว้เพียงร่องรอยของการต่อสู้อย่างดุเดือดเพียงเท่านั้น บอสแมงมุมทมิฬทำท่าทางราวกับว่ามันกำลังชื่นชมผลงานของมันอยู่ แต่มันไม่ได้รู้สึกเลยว่ามีบางอย่างกำลังซ่อนตัวอยู่อย่างแนบเนียนจนแม้แต่มันก็ไม่สามารถสัมผัสถึงการมีตัวตนได้เลย
“สุดยอด! บอสตัวนี้โหดเป็นบ้าเลย”
“นี่พวกเราจะสู้กับมันไหวแน่หรอเนี่ย ขนาดเจ้าพวกนั้นยังไม่รอดเลยนะ?”
“เห้ อย่ากลัวสิ อย่างน้อยพลังชีวิตของมันก็เหลือแค่ครึ่งเดียวแล้วนะ”
“เฮ้อ ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ คิดถูกกันแล้วใช่มั้ย ที่เลือกวิธีนี้”
“นั่นสิ เราต้องแอบไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย”
“พวกพี่หยุดบ่นกันได้แล้วนะคะ!”
“นี่พวกนาย...ถึงเวลาแล้ว พอฉันให้สัญญาณขอให้ทุกคนรีบไปประจำตำแหน่งของตัวเองตามแผนที่วางไว้ เข้าใจแล้วใช่มั้ย?”
“ครับ/ค่ะ!!”
“เอาล่ะ ไปได้!”
ทันทีที่ได้รับสัญญาณ สมาชิกร่วมปาร์ตี้ของผมต่างวิ่งไปประจำตำแหน่งของตัวเองอย่างรวดเร็ว โดยมี ซิค และลูดี้ รับหน้าที่ยืนเป็นแนวหน้าคู่กัน ถอยหลังถัดมาเป็นเพลตัน เซอิน เป็นฝ่ายโจมตีสนับสนุน ตามด้วยจอยทำหน้าที่บัพฮิวต่างๆ ปิดท้ายด้วยผมอยู่หลังสุดทำหน้าที่คุ้มกันจอย และเป็นตัวดาเมจหลัก
ผมเริ่มเปิดการโจมตีด้วยการยิงศรเป็นจำนวนมากเข้าก่อกวนการมองเห็นของมัน อีกทั้งยังสามารถสกัดการเคลื่อนไหวของบอสแมงมุมทมิฬได้ในระดับหนึ่ง จอยเห็นดังนั้นจึงช่วยอีกแรง เธอยกคทาไว้ตรงกลางอกพลางพึมพำร่ายบทสวด จากนั้นบังเกิดเป็นแสงจ้าไปทั่วทั้งโถงถ้ำ บอสแมงมุทมิฬที่มีสายตาดีเยี่ยมอยู่แล้วจึงได้รับผลกระทบแบบสุดขีด ส่งผลให้มันไม่สามารถมองเห็นศัตรูตรงหน้าได้เลย
ซิคอาศัยจังหวะนี้พุ่งเข้าใต้ท้องบอสจากนั้นเปิดเบอร์เซิร์กโหมดเข้าไล่ฟันขาของมันไม่ยั้งจนบอสต้องเสียการทรงตัวไป ลูดี้เปิดใช้ทักษะของตัวเอง โล่ของเขาเกิดแสงเรืองรองขยายใหญ่ขึ้นจากเดิมหลายเท่าตัว เขาคอยปัดป้องการโจมตีของบอสที่กำลังโจมตีอย่างสะแปะสะปะเนื่องจากถูกบดบังวิสัยทัศน์อย่างหนักหน่วง
ทางด้านเซอินคอยหาโอกาสเหมาะๆหลบการโจมตีของบอสแล้วคลุกเข้าวงใน เธอกระชับดาบในมือแน่นจากนั้นเริ่มร่ายระบำเพลงดาบอันพลิ้วไหวเข้าใส่บอสแบบไม่ยั้งมือ เพลตันเองก็เริ่มร่ายสกิลเช่นเดียวกัน ทันทีที่ชายหนุ่มร่ายสกิลเสร็จ ผนังถ้ำเกิดสั่นไหว หินย้อยแหลมคมพุ่งตกลงมาราวกับห่าฝน บอสที่ไม่ทันได้ระวังตัวจึงโดนการโจมตีเข้าไปเต็มๆ
กีซ.....!
มันร้องออกมาอยากเจ็บปวด มันคงคาดไม่ถึงว่าผู้เล่นกลุ่มเล็กๆนี้จะทำให้มันเจ็บปวดได้เร็วขนาดนี้เมื่อเทียบกับกลุ่มก่อนหน้าเมื่อครู่แล้วต่างกันลิบลับเลย
บอสแมงมุมเริ่มตั้งหลักได้บ้างแล้ว มันเริ่มฝืนตอบโต้กลับไปพร้อมกับพ่นใยแมมมุมครอบพื้นที่ให้กลายเป็นคุกอีกครั้งหวังจะกำจัดผู้บุกลุกให้สิ้นข้างในนี้เสีย แต่แล้วความหวังของมันต้องพังทลายไปเมื่อผมจัดการเผาใยของมันจนไม่เหลือซาก อีกทั้งยังเพิ่มความแรงในการยิงก่อกวนในแต่ละครั้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมันถึงขั้นทรุดลงไปนอนกับพื้น
ตอนนี้บอสเริ่มโมโหเป็นอย่างมากที่มันไม่สามารถทำอะไรได้เลย และในที่สุดมันเกิดติดสถานะอัมพาตจากการที่โดนโจมตีอย่างหนักหน่วงจนตัวด้านชาไป สมาชิกปาร์ตี้ทุกคนเห็นดังนั้นจึงได้ระดมสกิลแบบจัดเต็มใส่ไม่ยั้งจนมันต้องถอดใจยอมแพ้ และกลายเป็นแสงหายไปตามระเบียบ
“เย้...นี่พวกเราทำได้จริงๆหรอคะเนี่ย!” จอยพูดด้วยความดีใจ รอยยิ้มบนใบหน้ายังเทียบไม่ได้กับความรู้สึกในตอนนี้ กองสมบัติที่โผล่ออกมาเพิ่มทันทีหลังบอสตาย สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นมันมีค่ามากมายเหลือเกิน ถ้ามีสมบัติมากมายขนาดนี้แล้วล่ะก็ เธอคงจะปลดหนี้ที่สะสมมานานได้เสียที เผลอๆอาจจะตั้งตัวเป็นหลักเป็นแหล่งก็ยังได้เลย
“ใช่แล้วจอย พวกเราจะรวยกันแล้วว ฮ่าๆๆ” ซิคโผลเข้ากอดจอยด้วยความดีใจสุดขีด พลันน้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆไหลรินออกมาด้วยความปลื้มปิติ
“เห้ๆ ให้มันน้อยๆหน่อย ที่เราทำได้ก็เพราะแผนของคุณภาคินไม่ใช่หรือไง? อย่าดีใจจนลืมกันสิ” ลูดี้พูดขัดจังหวะไว้ ทุกคนที่ได้ยินก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากไม่มีผม พวกเขาคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก อวยตัวเองสุดๆเลยล่ะ^^....
“ทุกคนเองก็มีฝีมือดีเยี่ยมอยู่แล้ว ถ้าได้ฝึกฝนตัวเองให้มากกว่านี้ และมีไอเทมดีๆใช้ พวกนายก็เก่งได้ไม่แพ้ฉันหรอกนะ เลิกพูดมากแล้วรีบเก็บสมบัติพวกนี้มาแบ่งกันเถอะ” ผมพูดปัดพลางเดินสำรวจไปรอบๆ แต่ละคนก็แยกย้ายกันเก็บของเช่นกัน มีเพียงซิค กับลูดี้เท่านั้นที่รับหน้าที่ขุดแร่ เนื่องจากมีค่า STR หรือค่าสถานะด้านพละกำลัง ที่มากกว่าคนอื่น จึงถูกใช้แรงงานไป
ผมปลีกตัวออกมาเดินสำรวจกองสมบัติไปเรื่อยๆเพื่อหาของที่น่าสนใจเผื่อจะเจอของดีเข้า เพราะกองสมบัติในเหมืองแร่ส่วนมากจะมีของแปลกๆหายากดรอปออกมาด้วยเป็นปกติ ผมจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป เดินไปเดินมาผมก็สะดุดตากับสิ่งหนึ่ง มันมีรูปร่ายคล้ายชิ้นส่วนเศษโลหะเก่าๆที่แตกออกมา ผมเห็นดังนั้นจึงก้มเก็บขึ้นมาแล้วตรวจสอบดู
ชิ้นส่วนของราชันย์
เศษชิ้นส่วนของสัญลักษณ์แห่งราชันย์ที่แท้จริง ผู้ใดที่สามารถรวบรวมได้ครบจะถูกขนานนามว่าราชันย์ที่แท้จริง ผู้ที่อยู่เหนือเหล่าราชันย์ทั้ง 9 ธาตุ และได้รับพลังที่ทุกคนล้วนหวั่นเกรง
“เส้นทางสู่ราชันย์ที่แท้จริงงั้นหรอ....!?”