บ้านสกุลหยาง
“หยางไห่หลิน งั้นหรอเป็นชื่อที่เพราะมาก ข้าจะจำชื่อเจ้าไว้เจ้าถือเป็นคนแรกเลยที่เข้ามาคุยกับข้าหลังจากออกจากบ้านมา” ไห่หลินยิ้มๆเธอเองก็รู้สึกถูกชะตากับสตรีตรงหน้ามาก เธอเป็นผู้หญิงที่ร่าเริงสดใสแต่ก็ยังดูไร้เดียงสา หากเธอปล่อยสตรีตรงหน้านี้ไปด้วยรูปโฉมที่งดงามกลัวว่าจะต้องถูกคนหลอกไปเข้าหอนางโลมเป็นแน่
“แล้วหลังจากนี้ท่านจะทำอะไรต่อ”
“ข้าก็ยังไม่รู้เหมือนกันข้าเพิ่งออกจากบ้านมาข้างนอกเป็นครั้งแรกจึงคิดจะเที่ยวเล่นให้พอใจแล้วค่อยกลับบ้าน” สิ่งที่ธิดามังกรพูดทำให้ไห่หลินตกใจมาก เเม้หญิงสาวตรงหน้าเธอจะสูงชุดผ้าฝ้ายธรรมดาแต่หน้าตาของนางกลับงดงาม ดูสิขนาดที่พวกนางกำลังยืนคุยอยู่ที่นี่มีชายหนุ่มมากมายมองพวกนางตาเป็นมัน หากปล่อยนางไว้คนเดียวคงไม่แคล้วถูกอันธพาลรังแกหรือโจรป่าจับตัวไป
“ข้าว่าท่านกลับบ้านไปก่อนเถอะ แล้วค่อยออกมาเที่ยวพร้อมกับผู้ติดตามมันจะปลอดภัยสำหรับท่านมากกว่า” ยังมีสิ่งใดที่จะทำร้ายมังกรคนนี้ได้อีก คนไม่ดีต่างหากที่ควรจะต้องเกรงกลัวเธอ ถ้าดูท่าทางไห่หลินจะเป็นห่วงเธอจากใจจริงธิดามังกรจึงไม่พูดออกไปว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์น้อยนักที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดทำให้ร่างกายของเธอมีบาดแผลได้ อีกอย่างหากเธอแสดงอิทธิฤทธิ์มากเสด็จพ่อของเธอต้องการหาตัวเธอเจอเเน่
“แต่บ้านของข้าอยู่ไกลจากที่นี่มากการจะกลับไปคงเป็นเรื่องยาก” ธิดามังกรเลี่ยงที่จะพูดความจริงหากเธอกลับบ้านไปตอนนี้คงถูกเสด็จพ่อกักขังไปอีกหลายหมื่นปี เธอยังเที่ยวไม่หนำใจเลยน่าจะปล่อยโอกาสดีๆอย่างนี้หลุดลอยไปได้ยังไง เเต่ไห่หลินกลับคิดอีกแบบเธอรู้สึกสงสารสตรีตรงหน้านี้ขึ้นมา ออกมาเผชิญโลกภายนอกเพียงคนเดียวแต่เธอก็อดนับถือความใจกล้าของนางไม่ได้ที่กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“หากท่านไม่รังเกียจท่านจะมาพักที่บ้านของข้าชั่วคราว แล้วส่งจดหมายเรียกให้คนทางบ้านท่านมารับ” ไห่หลินยื่นข้อเสนอให้กับธิดามังกร เธอรู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงตรงหน้านี้มากไม่อาจทำใจปล่อยให้ไปเผชิญชะตากรรมข้างนอกคนเดียว หากหน้ามาพักที่บ้านของเธออย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็จะปลอดภัยดีกว่าออกไปพักข้างนอกคนเดียว
“ได้หรือ ข้าสามารถไปพักที่บ้านของเจ้าได้จริงๆหรือ” ธิดากำลังกังวลอยู่พอดีเพราะในตัวของเธอไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเงินอยู่เลยและไม่รู้ว่าจะไปหาที่พักดีๆได้จากที่ไหนเมื่อมีคนเสนอที่พักมานางจึงรู้สึกสนใจมาก
ไห่หลินพยักหน้าธิดามังกรแม้ว่าการเชิญคนแปลกหน้าเข้าไปในบ้านจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนะแต่เธอเชื่อใจว่านางต้องไม่ใช่คนไม่ดีอย่างแน่นอน
“แต่ก่อนที่จะไปที่บ้านข้าขอไปทำธุระก่อนท่านจะไปกับข้าก็ได้นะ”
“ได้เลยข้าเองก็อยากจะเดินสำรวจเมืองนี้อีกสักหน่อย” ธิดามังกรเดินตามไห่หลินมาที่ร้านผ้าเเพรขนาดใหญ่ร้านหนึ่ง ตัวร้านมีความสูงถึง 2 ชั้นเสาและหน้าต่างถูกแกะสลักเป็นลวดลายอย่างประณีตงดงาม ภายในตัวร้านเรียงรายไปด้วยผ้าแพรหลากหลายหน้าร้านป้ายไม้จันทน์ขนาดใหญ่ตัวอักษรสีทองดูมั่นคงแข็งแกร่ง ‘ร้านผ้าสกุลหยาง’ เป็นร้านผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทุกคนในสกุลหยางต่างขายผ้ากันมาทุกรุ่นนานนับร้อยปีด้วยชื่อเสียงที่ถูกสั่งสมมา เหล่าลูกค้าลูกค้าต่างเดินเข้าไปในร้านอย่างไม่ขาดสายพนักงานก็รีบออกมาต้อนรับลูกค้ายังยิ้มแย้ม ทันทีที่พนักงานคนหนึ่งเห็นไห่หลินก็รีบวิ่งเข้ามาโค้งคำนับเธอ
“สวัสดีคุณหนูขอรับ”
“ผู้จัดการร้านอยู่ไหมข้ามีเรื่องจะรบกวนเขาหน่อย” พนักงานชายคนนั้นรับทราบและวิ่งเข้าไปในร้านจากนั้นไม่นานก็มีชายแก่คนนึงเดินออกมาจากหลังร้าน
“คุณหนูมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้ขอรับ” ชายแก่คนนั้นพูดไห่หลินอย่างนอบน้อม ไห่หลินยื่นห่อผ้าให้กับผู้จัดการร้าน
“นี่เป็น..ขนมดอกกุ้ยที่ข้าทำเองฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้วข้าจึงปักเสื้อกันลมมาชุดหนึ่ง ได้ยินว่าท่านพี่สั่งให้ท่านส่งผ้าแพรจากร้านไปให้เขา 3 คันรถรบกวนผู้จัดการร้านช่วยส่งสิ่งของเหล่านี้ไปให้ท่านพี่ด้วย”
“โธ่..คุณหนูช่างใส่ใจคุณชายเหลือเกินคุณชายจะต้องดีใจมากแน่ๆ” ผู้จัดการร้านรับห่อผ้ามาและให้พนักงานนำไปเก็บให้เรียบร้อยพร้อมส่งไปกับขบวน ไห่หลินยิ้มแย้มใบหน้างามหมดจดดูสดใสแม้ไม่เพริศพริ้งสะดุดตา หากแต่ยิ่งมองกลับยิ่งทำให้คนหลงใหลในรอยยิ้มอ่อนหวานที่อยู่บนใบหน้าของนางเสมอ นางยืดห่อผ้าห่อหนึ่งให้กับผู้จัดการร้าน
“ขนมดอกกุ้ยขอให้ท่านนำไปแบ่งให้กับพนักงานในร้านด้วยนะ” ผู้จัดการร้านมองหอบผ้าในมือไห่หลินด้วยสายตาที่ซาบซึ้ง คุณหนูของพวกเขาจิตใจดีมาตั้งแต่เด็กคอยดูแลพนักงานที่ต่ำต้อยอย่างพวกเขาเป็นอย่างดี
หลังจากไห่หลินฝากของไปให้ท่านพี่แล้วนางก็พาธิดามังกรมาที่บ้านเมื่อคนเฝ้าประตูเห็นคุณหนูของตัวเองกลับมาแล้วก็รีบเปิดประตูให้เธอเข้าไปทันที
“คุณหนูกลับมาแล้วเหรอขอรับทำไมถึงไม่นำสาวใช้ไปด้วยล่ะขอรับ ทุกคนต่างวิ่งหาคุณหนูไปทั่วทั้งจวน” พ่อบ้านวิ่งออกมาต้อนรับคุณหนูของตนเขาบ่นไปมาไม่หยุด
“สาวใช้พวกนั้นปกติพวกเขาก็ยุ่งมากอยู่แล้วจึงไม่อยากรบกวนเเถมข้าก็ไม่ได้ไปไหนไกลแค่นำของไปให้ที่ร้านส่งให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เเม้ไห่หลินจะพูดแก้ต่างแต่พ่อบ้านก็ยังไม่หยุดบ่น
“คราวหน้าคุณหนูอย่าได้ทำแบบนี้อีกนะคุณหนูเป็นถึงบุตรคหบดีเจ้าของร้านผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองออกไปไหนมาไหนจะไม่มีคนใช้ติดตามไปด้วยได้ยังไงกัน เอ๊ะ!! แล้วแม่นางท่านนี้ใครกัน” พ่อบ้านเท่าเอาแต่บ่นไปมาเลยไม่ทันสังเกตว่ามีดรุณีหน้าตางดงามยืนอยู่ด้วย
“นางเป็นสหายของข้าเกิดหลงทางกับคนที่บ้านจึงจะมาค้างที่นี่สักหลายวันรอคนที่บ้านมารับ ขอให้ท่านพ่อบ้านเตรียมห้องให้นางด้วย” ไห่หลินพูดหลีกเลี่ยงความจริงไปนิดหน่อยเพื่อรักษาชื่อเสียงให้กับธิดามังกร
“ข้าน้อยจะเตรียมห้องไว้ให้ขอรับ” พ่อบ้านรับทราบแล้วรีบสั่งให้สาวใช้ไปทำความสะอาดห้องรับรองให้เรียบร้อย
ไห่หลินเป็นบุตรสาวของคหบดีพ่อค้าผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองที่กำเนิดจากฮูหยินเอกแต่น่าเสียดายที่นางสิ้นใจไปหลังจากให้กำเนิดไห่หลินเพียงไม่กี่วัน เธอยังมีพี่ชายร่วมมารดาอยู่อีกคนชื่อ หยางจื่อถง ที่ตอนนี้กำลังศึกษางานเพื่อรับช่วงต่อบิดาของเขาอยู่นอกเมืองบางครั้งไห่หลินก็ขอให้ที่ร้านส่งผ้าและข้าวของต่างๆไปให้พี่ชายที่นอกเมืองบ้าง
“ท่านพ่ออยู่ไหม”
“นายท่านอยู่ที่ห้องหนังสือขอรับ”
“งั้นข้าจะไปหาท่านพ่อก่อน” ไห่หลินต้องแจ้งเรื่องธิดามังกรให้ท่านพ่อได้รับรู้จึงเดินตามพ่อบ้านไปที่ห้องหนังสือที่ที่บิดาของนางนั่งทำงานเป็นประจำทุกวัน เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องหนังสือเธอก็ได้ยินเสียงโวยวายออกมาจากภายในห้อง
“ท่านพี่ จะทำแบบนี้กับตงเหม่ยไม่ได้นะเจ้าคะ”
ภายในห้องหนังสือมีหญิงอายุราวประมาณ 30 แต่ใบหน้ายังคงงดงามแต่งกายด้วยเครื่องประดับหรูหราทั้งตัวเธอคนนั้นก็คือฮูหยินรอง เธอเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองแต่เพราะหลงรักบิดาของไห่หลินตั้งแต่แรกพบ จึงได้ขอร้องบิดาที่เป็นถึงเจ้าเมืองใช้เส้นสายที่มีจนสามารถได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักสมใจ แต่น่าเสียดายที่เขามีฮูหยินเอกอยู่แล้ว เธอจึงต้องแต่งเข้ามาในฐานะของฮูหยินรองอย่างช่วยไม่ได้ เธออยากได้ตำแหน่งฮูหยินเอกมาโดยตลอดแต่บิดารักมารดาของไห่หลินมากถึงแม้นางจะจากไปแล้วแต่เขาก็ไม่เคยยกตำแหน่งฮูหยินเอกให้กับใครเลย ฮูหยินรองมีลูกสาวกับบิดาของไห่หลิน 1 คนชื่อ หยางตงเหม่ย เเต่หลังจากที่ฮูหยินเอกจากไปเพราะให้กำเนิดไห่หลิน บิดารู้สึกสงสารที่ไห่หลินต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็กจึงทุ่มเทความรักให้กับลูกสาวคนเล็ก ทำให้ต่งเหมยและฮูหยินรองรู้สึกไม่พอใจมาก
“คุณชายจางเป็นคู่หมั้นของไห่หลินมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้อายุของไห่หลินก็ถึงวัยออกเรือนเเล้วจะให้นางไม่แต่งกับเขาได้ยังไง”
“แต่ท่านพี่ก็รู้ว่าตงเหม่ยหลงรักคุณชายจางมาเนิ่นนาน แต่นางยังคงรักมั่นหวังจะแต่งงานกับคุณชายจางเพียงผู้เดียวไม่คิดแต่งงานกับใคร ถึงขนาดปฏิเสธแม่สื่อมากมายทำให้อายุล่วงเลยมาจน 19 ปีถือว่าเลยวัยออกเรือนไปแล้ว”
คุณชายจาง หรือ จางอี้เซียว บุตรชายคนโตของนายท่านจางเจ้าของร้านเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง บิดาเขาเป็นเพื่อนสนิทของบิดาไห่หลิน ทั้งสองจึงให้คำสัญญาไว้ว่าจะให้ลูกชายลูกสาวของทั้งคู่แต่งงานกัน ไห่หลินเป็นลูกที่เกิดจากผู้หญิงเอกจึงได้หมั้นหมายกับคุณชายจางตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งสองตระกูลสนิทสนมกันอย่างใกล้ชิดทำให้คุณชายจางแวะเวียนมาที่บ้านตระกูลหยางเป็นประจำ ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาและท่วงท่าอันสง่างามจนได้สมญานามว่าสุภาพบุรุษแห่งเมืองหลวง ทำให้ตงเหม่ยพี่สาวของไห่หลินหลงรักคุณชายจางตั้งแต่แรกพบ และใฝ่ฝันที่จะได้แต่งงานกับคุณชายจาง
“ท่านพ่อลูกจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้นนอกจากคุณชายจาง” ภายในห้องนอกจากนายท่านและผู้หญิงร้องยังมีดรุณีวัย 19 ปีอีกคนเธอมีเครื่องหน้าที่งดงามเหมือนกับมารดาแต่ถูกปกปิดไปด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะกับเครื่องประดับที่ประโคมแต่งจนดูเกินวัยเด็กสาววัย 19 ปี
“ไม่ได้ คุณชายจางเป็นคู่หมั้นของไห่หลินเจ้าเลิกหวังซะเถอะตัดใจจากคุณชายจางซะเดี๋ยวพ่อจะหาคุณชายที่เหมาะสมให้เจ้าเอง” นายท่านอย่างพูดอย่างเด็ดขาดไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมเปลี่ยนใจ ตงเหม่ยจึงเริ่มร้องไห้ออกมาเธออายุ 19 ปีแล้วเลยวัยออกเรือนไม่ใช่บุปผาแรกแย้มอีกต่อไปคุณชายที่ไหนจะมาขอเธอแต่งงานอีก ตงเหม่ยวิ่งออกมาจากห้องทั้งน้ำตาทำให้เธอเผชิญหน้ากับไห่หลินที่ยืนอยู่หน้าห้องพอดี ตงเหม่ยมองไห่หลินด้วยสายตาที่เคียดแค้น ถ้าไม่มีหล่อนสักคนคุณชายจางก็จะเป็นของเธอ ท่านพ่อก็จะรักแต่เธอคนเดียวจะไม่พูดจาทำร้ายจิตใจเธอขนาดนี้
“ทั้งหมดมันเป็นเพราะแกคนเดียว”
ตงเหม่ยในหัวใจเต็มไปด้วยความชิงชังเธอพูดเข้าไปหวังจะตบใบหน้าของไห่หลิน ไห่หลินแม้จะไม่ได้มีใบหน้าดงามจนน่าตื่นตะลึง แต่ความงามที่อ่อนหวานบริสุทธิ์เหมือนดอกไม้ทำให้นางถูกขึ้นแท่นเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในเมือง ใบหน้าที่งดงามนี้ทำให้ตงเหม่ยไม่ใช่สาวงานอันดับ 1 ในเมือง เเถมแม่ก็เป็นถึงฮูหยินเอกไม่เหมือนกับนางที่เป็นเพียงบุตรสาวของฮูหยินรอง คุณชายจางถึงไม่เคยหันมาสนใจเธอเลย หากไห่หลินตายไปซะได้ก็ดี…