ตอนที่ 461 เธอลงมืออย่างไม่แยแส

ตอนที่ 461 เธอลงมืออย่างไม่แยแส เมื่อต้องเผชิญกับคำนินทา จิรภาสเพียงให้Rickรีบจัดการให้เร็วที่สุด ดังนั้นในตอนที่เค.เอฟประชาสัมพันธ์ เมื่อมีเพียงวัตถุประสงค์เดียวก็จะเร็วยิ่งขึ้น เค.เอฟเพียงโชว์หลักฐาน เพื่อชี้แจงเพียงสองเรื่องให้ทุกคนได้ทราบ เรื่องแรกบริษัทจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของศิลปิน ไม่ว่าพวกเขาทั้งสามจะมีความเกี่ยวข้องกันเช่นไร เค.เอฟจะไม่เข้าไปแทรกแซง เรื่องที่สองความสัมพันธ์ของเจนจิราและสมภพ คนในวงการต่างรู้กันมากมาย เป็นการยืนยันชั้นดีแล้ว ทั้งสองเรื่องนี้ก็เพียงพอสำหรับการยืนยันแล้วว่าเค.เอฟไม่เคยกดขี่ธารี และยังพิสูจน์ได้ว่าสมภพไม่เคยทรยศเจนจิราตั้งแต่ต้น นักข่าวกลัวเรื่องจะยังไม่น่าสนใจพอ จึงดักรอจิดาภาที่หน้าประตูเค.เอฟ ถามเธอว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ เธอได้ใช้ความสัมพันธ์กระทำอะไรต่อธารีจริงหรือไม่ จิดาภายิ้มบางๆก่อนจะตอบ “หากฉันทำจริงๆ ชื่อของธารีคงหายไปจากวงการนี้แล้วค่ะ” นักข่าวที่ยื่นไมโครโฟนเข้าไป ในตอนนี้ความกล้าที่จะเอ่ยถามคำถามที่สองได้หายไปแล้ว นี่คือความกล้าหาญของภรรยาประธานเค.เอฟ เธอกล้าพูดกล้าทำ เมื่อลงมือทำจะไม่หนีหรือปัดความรับผิดชอบ และพฤติกรรมของจิดาภาในวงการบันเทิงนั้น ต่างเป็นที่รับรู้ด้วยถ้วนหน้ากันอยู่แล้ว เธอไม่มีทางทำเรื่องที่เลวร้ายอย่างนั้นแน่ คนบนโซเชียลเมื่อเห็นท่าทีของจิดาภา ก็รู้สึกว่าธารีนั้นน่าขันไปเสีย... “จิดาภามาเหนือมาก” “ไม่แปลกใจที่ประธานจิรภาสจะเลือกผู้หญิงคนนี้ ฉันรู้อยู่แล้วว่านั่นข่าวปลอม” ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลง เหล่าคนที่มองว่าเจนจิราข่มขู่สมภพได้ปิดปากไปแล้ว ที่นึกสงสัยว่าสมภพไม่มีความรับผิดชอบ ผู้ที่เหยียบย่ำคนทั้งสองก็ได้หุบปากไปแล้วเช่นกัน ที่น่าขำยิ่งกว่าคือคนที่คอยเยาะเย้ยจิดาภาก็ได้หายไปจากโซเชียลแล้วเช่นกัน เมื่อได้รับประสบการณ์จากเรื่องนี้แล้ว สัญญาระหว่างธารีและเค.เอฟก็ได้สิ้นสุดลงเช่นกัน ต่อให้เธออยากร้องเพลงก็ไม่ใช่ภายในประเทศอีกแล้ว ดังนั้นชาวโซเชียลบางคนจึงเห็นเธอเดินทางเที่ยวบินกลางคืน ไปซ่อนตัวที่ต่างประเทศแล้ว สมภพก็ได้กลับมายังสถานภาพความสัมพันธ์ในความลับอีกครั้ง เพียงแค่ในตอนที่มีกิจกรรม เขาถึงจะพาผู้ช่วยตัวเล็กออกมาด้วย เรื่องวันนั้นชายหนุ่มที่สารภาพครั้งใหญ่ที่ย่านในกลางเมืองนั้นราวกับแค่ฝันไป ชั่วฟ้าดินสลายได้เริ่มโปรโมทอย่างเป็นทางการแล้ว งานเลี้ยงฉลองปิดกล้อง จิดาภาก็ได้ไปในฐานะนางเอก ในงานเลี้ยงเธอได้เตรียมชุดเดรสสีดำหลวมๆ มา ดูเป็นผู้มีความสามารถ เมื่อเห็นรูปร่างไม่ชัด คนจึงดูไม่ออกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ชนุดมรู้สึกว่าท่าทางของจิดาภาในตอนนี้ดีกว่าตอนแพ้ท้องขึ้นแล้ว จึงเอ่ยแนะขึ้นมา “หากคุณยินดี ก็สามารถไปร่วมโปรโมทที่ต่างประเทศกับกองถ่ายของพวกเราได้นะครับ” จิดาภากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเอ่ยถามยิ้มๆ “เมื่อไหร่คะ” “อาทิตย์หน้า และการโปรโมทไม่ได้ใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่นัก ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณอย่างแน่นอน ผมแค่กำลังคิด หากคุณใช้โอกาสนี้ไปโชว์ตัวที่ตลาดภาพยนตร์นานาชาติมากขึ้น ย่อมส่งผลดีต่อการพัฒนาของคุณในอนาคตเป็นแน่ สามารถเป็นตัวแทนนักแสดงหญิงของประเทศเราที่สร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศได้” “ตลาดภาพยนตร์ภายในประเทศต้องพึ่งพาพวกคุณที่เป็นแกนกำลังสำคัญ” “ผู้กำกับชนุดมคะ คุณมองฉันสูงเกินไปแล้วค่ะ” จิดาภาไม่ได้ภูมิใจ เมื่อใคร่ครวญแล้วก็ตอบกลับชนุดมไป เธอต้องกลับไปปรึกษาสามีเสียก่อน แล้วจะให้คำตอบกับเขาก่อนเย็นพรุ่งนี้ หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน จิรภาสก็รู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ไม่เลวทีเดียว “การไตร่ตรองของชนุดมถูกแล้ว ถือเป็นจุดที่ไม่เลวสำหรับการร่วมงานแสดงภายในประเทศในอนาคตของคุณ” “ความจริงฉันไม่ได้จะเห็นแก่ตัว แต่ฉันมักจะได้ยินปู่พูดถึงเรื่องในอดีตบ่อยๆ รู้สึกว่านักแสดงในอดีตนั้นไม่มีโอกาสที่จะโดดเด่นขึ้นมาเลย ในตอนนี้ที่พวกเรามีโอกาส เราควรเผยแพร่ภาพลักษณ์ของนักแสดงภายในประเทศของเราใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็จะถือได้ว่านี่เป็นจุดแข็งของพวกเรา” “ครับ ผมฟังคุณทั้งหมดเลย” จิรภาสลูบผมของเธออย่างแผ่วเบา “เพียงคุณสัญญาว่าจะพักผ่อน ไม่ว่าจะไปที่ไหนผมก็จะไปกับคุณ” จิดาภายิ้มน้อยๆ “มีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ ฉันมาคิดดูแล้ว รู้สึกว่ายังไม่ควรประกาศเรื่องที่ฉันท้องออกไปก่อนค่ะ” “ทำไมครับ หรือว่าตระกูลวีรภัทรเมธีจะ...” “ไม่ใช่ค่ะ ฉันเพียงอยากได้สถานที่ที่สงบสุข หากประกาศออกไป ต้องมีคนคอยจับจ้องท้องของฉันแน่ ฉันไม่ต้องการให้ผู้คนรับรู้กันไปทั่ว เพียงฉันและลูกปลอดภัยแข็งแรง นั่นก็มากพอแล้ว” จิรภาสที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจ “แต่ข้างนอกยังคงนินทาว่าคุณท้องไม่ได้ ผมกลัวว่าคุณจะเป็นทุกข์” “ข่าวลือในวงการบันเทิงของฉันน้อยด้วยหรือคะ เพียงเรารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แค่นั้นก็พอแล้วนี่คะ” “และพวกเรายังต้องระวังญาณิดา” จิรภาสกุมมือของเธอไว้แน่น “ผมไม่ได้มองกว้างเท่าคุณ หากวันนี้คุณไม่พูดขึ้นมา ผมย่อมประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนได้รับรู้เป็นแน่ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับคุณ แต่ที่ผ่านมาผมทำตามคำขอของคุณมาตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน” เพียงแค่เธอต้องการ เขาพอใจจะทำตามอย่างเต็มที่ จิดาภาอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเขา ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข จิรภาสโอบไหล่ของเธอไว้ ทั้งสองแนบชิดใกล้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับอีกฝ่าย... ในวงการบันเทิงที่สกปรกนี้ มีเพียงบ้านของพวกเขาเท่านั้นที่อบอุ่นและปลอดภัยที่สุด เมื่อรู้ว่าจิดาภาจะต้องไปต่างประเทศเพื่อโปรโมทกับกองถ่าย ท่านจิรชยาก็โทรหาจิดาภาทันที “ในปีก่อนนั้นนักแสดงของพวกเราไม่ทัวร์ไปโปรโมทที่ต่างประเทศ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเลย พวกขาต่างดูถูกพวกเรา สาวน้อย ไปครั้งนี้เธอต้องสู้แทนปู่ด้วยนะ” “ทราบแล้วค่ะคุณปู่” จิรภาสคิ้วขมวดเล็กน้อยอยู่ด้านข้าง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอิจฉา “ผมรู้สึกว่าใจของปู่เปลี่ยนไปมากทีเดียว” จิดาภาหัวเราะร่า “คุณปู่รักคุณมาตั้งหลายปี ตอนนี้เมื่อเห็นหลายสะใภ้อย่างฉันกำลังมีเหลนให้ ก็ย่อมแบ่งความรักมาให้กับฉันด้วย พูดไปที่คุณปู่รักฉันก็เท่ากับรักคุณนะคะ” “พวกเราเป็นสามีภรรยากันนะคะ คุณอย่าอิจฉากันสิ” จิรภาสไม่ได้พูดอะไร เพียงจูบพรมใบหน้าของเธอชั่วครู่เท่านั้น หลังจากนั้นสองสามีภรรยาก็ปิดไฟลงเพื่อพักผ่อน เพียงแค่ค่ำคืนนี้จิรภาสหายไปในห้องน้ำนานแสนนาน ราวกับมีเสียงน้ำ เมื่อรอจนเขากลับเข้ามาในห้องนอน จิดาภาก็มองเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น” นัยน์ตาน้ำหมึกของจิรภาสทอประกายล้ำลึก น้ำเสียงแหบพร่า เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมคืนนี้ถึงได้รุนแรงนัก อาบน้ำเย็นมาสิบกว่านาที ยังช่วยอะไรไม่ได้เลย “ผมไม่เป็นไร คุณนอนเถอะ” “จิรภาสคะ...” จิดาภาลุกขึ้นนั่ง เรียกชื่อเขา ก่อนจะจูบมือเขาอย่างแผ่วเบา เธอเข้าใจดีมากกว่าทุกคน จิรภาสอดทนมากขนาดไหน เธอทนเห็นเขาเข้าไปอาบน้ำเย็นตอนกลางค่ำกลางคืนไม่ไหวแล้ว เขาทรมานตัวเอง เพราะกลัวว่าจะทำร้ายเธอและลูก “ฉัน... ฉันช่วยคุณเองค่ะ” “ผมไม่อยากทำร้ายคุณ เด็กดี นอนเถอะ” จิรภาสยับยั้งชั่งใจ “ก่อนหน้านี้ ฉันถามหมอมาแล้วค่ะ หมอบอกว่า ตอนนี้สภาพมั่นคงแล้ว เพียงระมัดระวังมากขึ้นก็ไม่มีปัญหาอะไร”