ตอนที่11 บทที่ 11 น่าตื่นเต้น
1/
ตอนที่11 บทที่ 11 น่าตื่นเต้น
ฮองเฮามากรัก
(
)
已经是第一章了
ตอนที่11 บทที่ 11 น่าตื่นเต้น
บทที่ 11 น่าตื่นเต้น เต๋อเฟยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของไท่โฮ่ว ดังนั้นการที่นางนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง จนชุดขาวเปื้อนฝุ่น และไท่โฮ่วมาพบภาพนี้เข้าพอดิบพอดี ต่อให้อีกฝ่ายเป็นถึงหวงตี้ก็ยังยากจะรับมือ ทว่า... นี่คือเสวี่ยฮุ่ยหมิ่น นางแค้นที่คนทั้งสองแสร้งเมินเมื่อหลายวันก่อน จวบจวนวันนี้นางยังคงจำได้ชัดขึ้นใจ “ถวายบังคมไท่โฮ่ว” ไท่โฮ่วเดินตรงปรี่มายังข้างเต๋อเฟย ไม่สนใจคนรอบข้างที่ยอบตัวเคารพ ใบหน้างามแม้สูงวัยพุ่งสายตาคมกริบมายังเสวี่ยฮุ่ยหมิ่นราวกับจะคอยกดดันคาดคั้นเอาความจริง “หวงตี้ เหตุใดเต๋อเฟยจึงมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้” ดวงตาคมกล้าของไท่โฮ่วจ้องเขม็งเล็งไปที่หวงโฮ่ว แต่ปากกลับเอ่ยถามหวงตี้ที่อยู่ข้างกาย ราวกับนางได้โทษหวงโฮ่วว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องดังกล่าว แต่ไม่ต้องการคำแก้ตัวใด ๆ จากอีกฝ่าย เสวี่ยฮุ่ยหมิ่นเห็นดังนั้น นางจึงยกแขนใช้ชายแขนเสื้อบังปากตนเอง ทำเหมือนว่านางแค่กำลังซับริมฝีปาก แล้วกระซิบบอกกับลี่กุนจวิ้นเฉินให้ตอบตามที่นางบอก “ท่านบอกไปว่าท่านเองก็ไม่รู้เช่นกัน” “เสด็จแม่ ลูกเองก็ไม่ทราบเช่นกัน เมื่อครู่กำลังสนทนากับเต๋อเฟยอยู่ดี ๆ นางก็ลนลานรีบกล่าวขออภัยเอง ลูกกับหวงโฮ่วยังไม่ได้กล่าวโทษนางเรื่องใดเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” “เต๋อเฟย ลุกขึ้นมา” ไท่โฮ่วสั่งเด็กสาวในชุดขาวข้างตัว ครั้นเต๋อเฟยลุกขึ้นยืน นางจึงถามต่อ “ใครทำอะไรเจ้า” สิ้นคำถามไท่โฮ่ว เสวี่ยฮุ่ยหมิ่นถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความสนใจ หญิงวัยกลางคนผู้นี้เลือกที่จะใช้คำว่า ‘ใครทำอะไร’ ทั้งที่สมควรเป็น ‘เจ้าทำผิดอะไร’ นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไท่โฮ่วจะกล้าเปิดเผยท่าทีลำเอียงออกมาชัดเจนมากขนาดนี้ หรือบางทีอาจเป็นเพราะเจ้าตัวต้องการจะประกาศว่าตนเองหนุนหลังเต๋อเฟย... น่าตื่นเต้นเสียจริง... “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพคะ ไท่โฮ่วอย่าได้ทรงเป็นกังวลไปเลย” เต๋อเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “จะไม่ให้ไอเจียเป็นกังวลได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าเป็นเหมือนบุตรสาวคนหนึ่งของไอเจีย จากบ้านมาไกล อยู่ตัวคนเดียวในวังหลวง เกิดใครรังแกเจ้าขึ้นมา คงเป็นเหมือนตราบาปสำหรับคนแก่อย่างไอเจีย” จากบ้านมาไกล? อยู่ตัวคนเดียว? ใบหน้าของเสวี่ยฮุ่ยหมิ่นแข็งขึงทันควัน คำพูดของไท่โฮ่วทำให้นางโมโหจนอยากจะอาเจียนออกมาเสียตรงนั้น แต่เดิมเต๋อเฟยอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เข้าวังมาก็มีไท่โฮ่วคอยดูแลประคบประหงม อีกทั้งยังมีสาวใช้จากจวนเก่าตามติดมารับใช้ใกล้ตัว แล้วจะเรียกว่าจากบ้านมาไกล ใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้อย่างไร หากเต๋อเฟยเป็นอย่างที่ไท่โฮ่วกล่าว แล้วเสวี่ยฮุ่ยหมิ่นเล่า นางจะน่าสงสารมากเพียงใด กุ้ยเฟยเห็นเสวี่ยฮุ่ยหมิ่นไม่พอใจ นางอยากจะใช้ฝีปากตนเองช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นถึงไท่โฮ่ว นางจึงทำได้เพียงสะสมความแค้นไว้ลงกับเต๋อเฟยภายหลัง ในเมื่อไม่ว่าอย่างไร พวกนางทั้งหมดต่างก็ต้องติดอยู่ในวังหลังไปทั้งชั่วชีวิตด้วยกันอยู่ดี “ขอบพระทัยไท่โฮ่วที่เมตตาหม่อมฉันเพคะ” “แล้วนั่นพวกเจ้าแต่งตัวอะไรกัน สีสันฉูดฉาดอย่างกับพวกนักแสดงงิ้ว เห็นเต๋อเฟยหรือไม่ว่าแต่งกายเช่นไรถึงได้ดูงามสง่าเหมาะสมกับผู้หญิงของจักรพรรดิ” ครั้นเอาใจหลานรักเสร็จ ไท่โฮ่วก็เริ่มกดให้สตรีคนอื่นดูต่ำกว่าเต๋อเฟย โดยการแสดงความไม่พอใจเรื่องที่พวกนางแต่งตัว ถึงแม้มันจะดูดีเหมาะสมกับแต่ละคน ทว่าไท่โฮ่วยังพยายามหาคำพูดมากล่าวดูถูกเหล่านางสนมจนได้ ขณะเดียวกันที่หวงโฮ่วได้ยินเช่นนั้น นางก็แทบจะสวมหน้ากากหวงโฮ่วผู้แสนดีไม่ได้อีกต่อไป แม้จะรู้ว่านางไม่ควรพูดหากไม่มีใครอนุญาต แต่จะปล่อยให้คนของตนถูกเหยียดหยามไม่ได้ “หม่อมฉันต้องขออภัยหากสนมเอกทั้งเจ็ดแต่งกายได้ไม่ถูกใจไท่โฮ่ว เพียงแต่... หากไท่โฮ่วอยากจะกล่าวโทษใครสักคน โปรดกล่าวกับหม่อมฉันเถิดเพคะ ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นผู้สั่งให้พวกนางแต่งกายเช่นนี้เอง” หากไท่โฮ่วเข้าข้างเต๋อเฟย เช่นนั้นแล้วก็ไม่แปลกที่เสวี่ยหวงโฮ่วจะยื่นมือมาปกป้องสนมเอก “หวงโฮ่วอย่าได้โทษตนเองเลยเพคะ หม่อมฉันชอบชุดที่หวงโฮ่วเลือกมามากเลย สวมใส่แล้วเดินเหินสะดวกและยังงดงามช่วยให้หม่อมฉันดูเป็นตัวของตัวเองอีก หากจะมีใครมิชอบก็ให้มาวิจารณ์ที่หม่อมฉันเองเถิดเพคะ” เจาหรงผู้เชี่ยวชาญการแพทย์และมีนิสัยเป็นผู้ใหญ่มากที่สุดเอ่ยช่วยเสวี่ยฮุ่ยหมิ่นในทันที เมื่อมีคนเอ่ยเข้าข้างหวงโฮ่ว เหล่านางสนมทั้งหลายที่ชื่นชอบชุดแต่งกายของตนเองในตอนนี้ต่างก็พากันช่วยพูดให้หวงโฮ่วกันทั้งสิ้น “จริงอย่างที่เจาหรงว่า หม่อมฉันชอบชุดที่หวงโฮ่วทรงมอบให้มากเลยเพคะ แต่ก่อนหม่อมฉันไม่กล้าที่จะสวมใส่ชุดสีน้ำตาลในวังหลวงมาก่อน เพราะคิดว่าอาจจะทำให้ดูมอมแมมเหมือนมาจากดิน แต่หวงโฮ่วกลับสามารถทำให้หม่อมฉันสวมใส่ชุดสีน้ำตาลแล้วดูมีความเป็นหญิงมากขึ้นกว่าเดิมอีกเพคะ” ซงอี๋ สตรีผู้มาจากบ้านป่าเมืองเถื่อนเอ่ยชื่นชมเสวี่ยฮุ่ยหมิ่นเช่นกัน นางไม่ถนัดเรื่องการแต่งกายให้สมเป็นสตรีเมืองหลวง จึงมักปล่อยให้เหล่านางกำนัลคอยดูแล และแต่งกายตามแบบคนอื่นเขาไปวัน ๆ แต่พอเสวี่ยฮุ่ยหมิ่นสั่งตัดเย็บชุดใหม่มาให้ นางถึงได้กลับมารู้สึกเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง “พวกเจ้าดูจะรักกันเสียจริงนะ” ไท่โฮ่วส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ หลังเห็นคนมากมายปกป้องเสวี่ยฮุ่ยหมิ่น นางย่อมรู้ตัวดีว่าไม่อาจทำอะไรสตรีตีสองหน้าบนแท่นบัลลังก์นั้นได้ นางจึงทำได้เพียงส่งสายตาดุดันไปยังร่างบางในชุดสีแดง ก่อนจะเดินไปนั่งยังที่นั่งของตนเอง “ข้าชักไม่แน่ใจแล้วว่าสนมเหล่านั้นคือสตรีของข้าหรือของเจ้ากันแน่” ลี่กุนจวิ้นเฉินกระซิบถามเสวี่ยฮุ่ยหมิ่น น้ำเสียงติดตลก “ของของท่าน ก็คือ ของของข้า มิใช่หรือ” เสวี่ยฮุ่ยหมิ่นระบายยิ้มให้กับอีกฝ่าย “ช่างกล้าเสียจริง” ลี่กุนจวิ้นเฉินขยับนั่งตัวตรงอีกครั้ง แล้วส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอด้วยความสนุก การประชันขันแข่งในงานเลี้ยงของเสวี่ยฮุ่ยหมิ่นอาจจะเรียกว่าการแสดงได้ไม่เต็มปาก เพราะนางไม่ได้จำกัดความสามารถใด ๆ ของผู้เข้าแข่งขัน ครั้นการแสดงบรรเลงเพลงจากนักดนตรีต่างแดนจบลง และเหล่านางกำนัลได้ยกขนมของว่างออกมาถวาย เสวี่ยฮุ่ยหมิ่นก็ปล่อยให้นางกำนัลอาวุโสเริ่มเรียกนางสนมคนแรกออกมา โดยเริ่มจากชงเยวี่ยน สตรีผู้ห้าวหาญ “ถวายบังคม ฝ่าบาท ไท่โฮ่วและหวงโฮ่ว ในวันนี้พวกท่านคงมารวมตัวกันเพื่อที่จะแสดงความสามารถ หรือเผยสิ่งที่ทำให้พวกท่านนั้นดูมีค่ามากขึ้นไปกว่าเดิมเพื่อช่วงชิงตำแหน่งซูเฟย เพียงแต่ว่า...” ชงเยวี่ยนในชุดสีดำประดับเลื่อมระยิบระยับเผยรอยยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ ดวงตาสีนิลแฝงประกายสนุกสนานของนางจ้องมาที่เสวี่ยฮุ่ยหมิ่น “หม่อมฉันเบื่อกับการที่ต้องปฏิบัติตัวให้สมกับคำว่ากุลสตรี ต้องคอยเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพียงเพื่อไปเป็นเบี้ยล่างให้พวกบุรุษนั้นพึงพอใจ เหตุใดพวกเราเหล่าสตรีต้องมาแข่งขันกันเอง เหตุใดวันนี้เราถึงไม่มาเปิดเผยตัวตนของเราเอง แสดงให้ทุกคนได้เห็นตัวตนที่แท้จริง ว่าแท้จริงเรานั้นไม่ได้มีดีแค่ความงาม เป็นเพียงตุ๊กตาคอยประดับบารมี ที่หม่อมฉันอยากจะออกมาแสดงก็มีเพียงการแสดงความในใจเท่านี้เพคะ” ชงเยวี่ยนระบายความในออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและทรงพลัง การมาของนางเป็นการมาแบบที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว เหมือนกับพายุที่ก่อตัวขึ้นกะทันหัน ปลุกใจให้สตรีเกือบทั้งอุทยานรู้สึกฮึกเหิมพร้อมเพรียงกันทั้งหมด เสวี่ยฮุ่ยหมิ่นยิ้มกว้าง ขณะที่คนอื่นต่างยังตกอยู่ในอาการตะลึงงัน นางเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนแล้วปรบมือให้กับชงเยวี่ยนเสียงดังก้องกังวาน “ห้าวหาญ กล้าแสดงออก ไม่กลัวที่จะพูดความคิดของตน เปิ่นกงชื่นชอบสิ่งที่เจ้ากล่าวออกมามาก ชงเยวี่ยน” “ขอบพระทัยเพคะ หวงโฮ่ว“ “หวงโฮ่ว คำพูดของชงเยวี่ยนไม่ต่างอะไรจากการลบหลู่เลยนะพ่ะย่ะค่ะ” บุรุษวัยกลางคน หนึ่งในแขกจากราชสำนักกล่าวค้านขึ้นมาทันใด “ลบหลู่ ลบหลู่ผู้ใด ชงเยวี่ยนเพียงแค่กล่าวให้พวกเปิ่นกง ซึ่งเป็นสตรี ลุกขึ้นมาแสดงความเห็นให้มากขึ้นเท่านั้น หรือใต้เท้าหรงคิดว่าพวกเปิ่นกงเป็นเพียงตุ๊กตาไร้ความคิดดังเช่นที่ชงเยวี่ยนกล่าวหรือ หากเป็นเช่นนั้นก็คงเป็นท่านเองที่กำลังลบหลู่เปิ่นกง” “กระหม่อมมิกล้า” ใต้เท้าหรงก้มหน้าลงหลบสายตาคมกล้าของเสวี่ยหวงโฮ่วในทันที “ช่างไร้คุณสมบัติของกุลสตรี” ไท่โฮ่วเองก็อดวิจารณ์ออกมาไม่ได้ “แค่ออกมาตะโกนพูดเช่นนี้ ไอเจียไม่นับว่าเป็นการแสดงนะ” ทั้งชีวิตของไท่โฮ่ว นางเป็นเหมือนตุ๊กตาอย่างที่ชงเยวี่ยนกล่าว เมื่อมาได้ยินในสิ่งที่ตนเองไม่เคยเป็นจึงเกิดความไม่พอใจ ต้องการจะลากให้ผู้อื่นมาจมปลักอยู่ในวังวนเดิมของตนเองไปด้วยกัน “จะไม่เป็นการแสดงได้อย่างไรเพคะไท่โฮ่ว ในเมื่อชงเยวี่ยนออกมาแสดงความคิดเห็น ย่อมถือว่าเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งนะเพคะ” เสวี่ยฮุ่ยหมิ่นถามกลับ คำถามของนางเป็นเหมือนหมัดที่พุ่งเข้ากระแทกท้องไท่โฮ่ว ส่งผลให้สตรีวัยกลางคนถึงกับหาคำพูดโต้ตอบไม่เจอ ไม่มีใครกำหนดว่าการแสดงจะต้องเป็นแค่ร้องรำเต้นตามทำนอง ฉะนั้นที่ชงเยวี่ยนทำจึงไม่ผิดสักนิด นอกจากคำพูดของนางจะดูแรงกล้ามากเกินไปผิดจากธรรมเนียมกุลสตรีตามสมัยนิยม แต่นี่นับเป็นการเริ่มต้นก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน “หากไท่โฮ่วไม่มีอะไรจะค้านแล้ว เช่นนั้นหม่อมฉันจะขอให้เริ่มงานต่อไปเลยนะเพคะ” คนต่อมาเป็นชงหรง สตรีผู้มีพลังเวทมนตร์ดำ เคยถูกจับตัวไปในฐานะแม่มด และเกือบถูกเผาตายมาก่อน นางสวมใส่ชุดสีดำคล้ายกันกับชงเยวี่ยน แต่ชงเยวี่ยนนั้นใส่แล้วดูห้าวหาญดังสตรีชาญชัย แต่ชุดของชงหรงนั้นเสริมเน้นให้นางดูเป็นเหมือนสตรีลึกลับน่าค้นหา โดยเจ้าตัวมาในการแสดงระบำเปลือยเท้า เป็นการแสดงดั้งเดิมจากชนเผ่าของนางเอง ซึ่งการแสดงนี้ได้แฝงพลังลับอย่างหนึ่งเอาไว้ นั่นคือการเสริมความกล้าในตัวผู้ชมให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ที่ชมรู้สึกอยากที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมา และเรื่องดังกล่าวมีเพียงเสวี่ยฮุ่ยหมิ่นกับชงหรงเท่านั้นที่รู้ “บอกข้าทีว่าเจ้าไม่ได้รู้เรื่องอะไรพวกนี้มาก่อน” ลี่กุนจวิ้นเฉินที่รับชมเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยท่าทีสงบถามขึ้นมาในท้ายที่สุด เสวี่ยฮุ่ยหมิ่นเจ้าเล่ห์มาก นางวางแผนอะไรมักไม่เคยบอกใคร และทุกแผนของนางไม่เคยมีเพียงแผนเดียว หากแต่เป็นแผนซ้อนแผนและซ้อนแผนอีกทีหนึ่ง “ข้าเนี่ยนะ จะไม่รู้เรื่อง ท่านลืมไปแล้วหรือว่าใครกันที่มีอำนาจของวังหลังอยู่ในกำมือ” เสวี่ยฮุ่ยหมิ่นกระซิบตอบ ดวงตาหงส์คู่งามของนางแวววาวไปด้วยความสนุกอันน่าตื่นเต้น จนไม่อาจปิดเอาไว้ได้อีกต่อไป “เชื่อข้าเถิด พรุ่งนี้ข้าต้องได้ฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้กองท่วมหัวเป็นแน่” “ก่อนจะไปถึงพรุ่งนี้ ท่านช่วยข้าให้รอดพ้นเงื้อมมือจากไท่โฮ่วก่อนไม่ดีกว่าหรือ ข้าปลุกระดมสัญชาตญาณดิบเถื่อนในตัวสนมเอกมามากขนาดนี้ ใครจะกล้าเรียกข้าว่า ‘หวงโฮ่วผู้เพียบพร้อม’ ได้อีก” “เหตุใดพวกเขาจะเรียกเจ้าเช่นนั้นไม่ได้อีกเล่า ในเมื่อเจ้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย” เสวี่ยฮุ่ยหมิ่นนิ่งงัน ความหมายในประโยคคำพูดของลี่กุนจวิ้นเฉินคล้ายจะบอกว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้ทำอะไรผิด นางเพียงแค่นั่งอยู่เฉยๆ ข้างกายเขา เช่นนั้นจะไปกระทบชื่อเสียงของตนเองได้อย่างไร “จริงด้วยสิ นักแสดงหลังม่านมิจำเป็นต้องเดือดร้อนเสียหน่อย”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่11 บทที่ 11 น่าตื่นเต้น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A