บทที่ 11 ครอบครัวจอมปลอม   1/    
已经是第一章了
บทที่ 11 ครอบครัวจอมปลอม
บทที่ 11 ครอบครัวจอมปลอม “ซีเอ๋อ ใช่เธอหรือเปล่า?” จิ่งเจิ้นหง ได้ตามออกมา ในแววตามีความฮึกเหิม เป็นคู่สายตาที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ อีกทั้งยังมีน้ำตานิดหน่อยปรากฏออกมาแวบหนึ่ง หากว่าไม่ได้รู้ว่าในใจของเขานั้นไม่เคยที่จะเป็นห่วงคิดถึงเธอเลย จิ่งซีจะต้องถูกน้ำตาอันจอมปลอมนี้ทำให้ตื้นตันใจแน่ๆ น่าเสียดาย เธอไม่มี! เธอได้แต่เพียงมองไปยังเขาด้วยความสงบเงียบ 3 ปีที่ไม่ได้พบ กาลเวลากลับไม่เคยทิ้งร่องรอยใดๆไว้บนหน้าเขาเลย ทั้งตัวแต่งกายด้วยชุดสูทที่ตรงทื่อ ยิ่งเพิ่มความเด่นของความอิ่มเอิบมีชีวิตชีวาให้เขา จิ่งซีกับเขาได้จ้องมองซึ่งกันและกันอย่างเงียบสงัดไปกี่วินาที ริมฝีปากที่ปิดสนิทเพิ่งจะเปิดออกช้าๆ: “พ่อ ไม่ได้เจอกันนานแล้วจริงๆ” ปรากฏถึงท่าทางการพูดที่เย็นชาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ได้เงียบสงบลงอยู่ในห้องโถงของงานเลี้ยงที่มีการกระจัดกระจาย อีกทั้งยังมีความรู้สึกหนึ่งที่ทุกคนก็ล้วนแต่ฟังออกในเรื่องของระยะห่างกับความเข้ากันไม่ได้ แต่คล้ายกับว่าจิ่งเจิ้นหง ไม่มีความรู้สึก เขามีอารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าพร้อมกับมือของจิ่งซี: “ใช่ นานแล้วก็ไม่ได้พบกัน เด็กอย่างเธอนี้ เมื่อไปต่างประเทศก็นานหลายปี และก็ไม่รู้จักติดต่อกับที่บ้าน เมื่อกลับมาแล้วก็ไม่รู้จักกลับบ้าน เธอรู้หรือไม่ว่าพ่อเป็นห่วงเธอมาก อีกทั้งยังส่งคนออกตามหาเธอไปทั่ว?” เมื่อ จิ่งซี ได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นก็คิดว่ามันช่างน่าขำอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ ทำไมเธอถึงไม่ติดต่อกับที่บ้านมานานหลายปี หรือว่าเขาไม่ชัดเจนเหรอ? อีกทั้งทำไมเธอถึงไม่กลับบ้าน หรือว่าเขาไม่ควรที่จะชัดเจนกว่าใครๆเหรอ? จะเสแสร้งตีสีหน้าจริงใจทำไม ให้ใครดูล่ะ? ดวงตาของ จิ่งซี ที่ซ่อนการถากถางไว้ในเสียงหัวเราะ กำลังคิดจะเปิดปาก แต่จิ่งหรงกลับถูกเขาจู่โจมด้วยการก้าวไปข้างหน้าและจับมือของเธอไว้ พร้อมทั้งได้พูดด้วยสีหน้าที่เสแสร้งแสร้งแกล้งทำเป็นดีใจ “น้องจิ่งซี เธอมาร่วมงานหมั้นของฉันกับซู่เหลาโดยเฉพาะเลยใช่ไหม? เธอยกโทษให้ฉันหรือยัง......” “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” จิ่งซีเกือบจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ในการสะบัดหลังมือของจิ่งหรงออกไป อดีตในการคบค้าสมาคม ทุกครั้งที่เธอถูกจิ่งหรงแตะตัวก็มีแต่เรื่องไม่ดี ร่างกายของเธอจึงได้มีความรู้สึกกีดกันออกมาอย่างอัตโนมัติ แต่ทว่าแรงที่เธอสะบัดออกไปไม่มาก จิ่งหรงกลับโซซัดโซเซต่อเนื่องกันออกไปกี่ก้าว หากไม่ใช่เห้อซู่เหลาประคองเขาไว้จากด้านหลัง ก็เกรงว่าคงจะล้มลงอยู่บนพื้น “น้องสาว……น้องสาว……” จิ่งหรง มองไปยังจิ่งซีอย่างขี้ขลาด ในแววตามีความงงงันอยู่บ้าง แล้วก็ยังมีการได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีคนพบเห็นจำนวนไม่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะมีความสงสาร อีกทั้งยังมีสายตาของการประณามที่โถมเข้าใส่จิ่งซี ตามกันมา คล้ายกับว่าเขาได้ทำเรื่องที่เลวร้ายจนไม่สามารถที่จะอภัยให้ได้ “ซีเอ๋อ เธออย่าโกรธ หรงเอ๋อเขาคือว่าไม่ได้เห็นเธอมานานมากแล้ว จึงดีใจมาก อีกทั้งก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เธอกลับมาได้มันก็ดีมากแล้วจริงๆ ไม่ได้เจอกันมานานขนาดนี้ รีบมาให้น้าเล็กมองดูว่าเธอผอมลงไปหรือยัง” เวลานี้ ถังเชี่ยนก็เสแสร้งทำท่าทีที่สนิทสนมเป็นกันเอง มีอารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้ามองไปยังจิ่งซี เป็นใบหน้าที่มีการดูแลรักษาที่เหมาะสมเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลย้อยลงมา อีกด้านหนึ่งก็ยื่นมือที่มีอาการสั่นอย่างคนแก่ออกมา เขาต้องการที่จะสัมผัสไปบนหน้าของจิ่งซี แต่จิ่งซีกลับไม่ให้เขาสัมผัส เธอมีท่าทางนั้นที่ถอยไปข้างหลังกี่ก้าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า คล้ายกับว่าได้พบกับงูพิษแล้ว ท้ายสุดก็มีความหวาดกลัวอยู่บ้าง “นี่ก็คือคุณหนูสองที่เกิดจากภรรยาตามกฎหมายคนนั้นของบ้านตระกูลจิ่งไหม?” “แม่เลี้ยงกับพี่สาวของเขาก็ปฏิบัติต่อเขาค่อนข้างดีนี่ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น?” แขกผู้มาเยือนทั้งหมดต่างก็ไม่เข้าใจการกระทำของจิ่งซี แต่จะมีเพียงจิ่งซีเท่านั้นที่เข้าใจ นี่ถึงจะเป็นความชำนาญในการคำนวณแผนในใจของผู้หญิงจริงๆ ยังคงจำได้ในปีนั้นที่จิ่งเจิ้นหงเพิ่งจะนำถังเชี่ยนพาเข้ามาในบ้าน เวลานั้น เธอก็เพียงแค่ยังรับฐานะที่ได้เปลี่ยนแปลงของเขาไม่ได้ จึงได้กีดกัน แต่เขากลับแสดงท่าทางเสแสร้งของการเป็นแม่ที่ดี มีความรักใคร่เอ็นดูอีกทั้งมีความดีต่างๆต่อเธอ แต่ในที่ลับตาคนกลับทำการกระทำอย่างอื่น ตอนนั้นเธอยังอายุน้อยไม่เข้าใจการโจมตีในการบีบคั้นซึ่งกันและกัน เธอสนใจเพียงแค่ได้ระบายอารมณ์อย่างเต็มที่ มีคำพูดที่ไร้สิ่งกีดขวาง และก็ไม่สนใจคนอื่นว่าจะเชื่อคำพูดเธอหรือไม่ ผลสุดท้ายก็สำเร็จแล้วจิ่งเจิ้นหงยิ่งอยู่ก็ยิ่งเมินเฉยไม่สนใจเธอ จนกระทั่งทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ถูกทิ้ง ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นถังเชี่ยนคนนี้ก่อขึ้นเองทั้งสิ้น! ในใจของจิ่งซีมีความไม่สงบอยู่บางอย่างกะทันหัน ในวันธรรมดาได้ถูกเขากดดันจนมีความโกรธแค้นฝังอยู่ในกระดูก เริ่มมีความกลัดกลุ้มล้นทะลักออกมา ยิ่งไปกว่านั้นก็คือตอนที่เขาใช้หางตามองไปอย่างรวดเร็ว ก็ได้เห็นมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นอย่างเหยียดหยามของจิ่งหรงแวบหนึ่ง ทำให้เกือบจะหุนหันพลันแล่นไป จะต้องรีบออกไปจากที่นี่! จิ่งซีได้บอกตัวเองในใจแบบนี้ ปากก็มีการกระทำโต้ตอบพร้อมกัน: “ฉันเพียงแค่ผ่านที่นี่พอดิบพอดี หากว่าไม่มีเรื่องอะไร ฉันไปก่อนแล้ว” เมื่อคำพูดหล่นออกไป เธอก็ไม่รอการโต้ตอบของพวกเขา หมุนตัวต้องการไป ท่าทางของจิ่งเจิ้นหงได้หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง: “ซีเอ๋อ เธอ......” ทำให้ จิ่งหรง วิ่งเหยาะๆไปข้างหน้า ออกแรงดึงไปที่มุมกระโปรงของจิ่งซี พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงที่สะอึกสะอื้น: “น้องจิ่งซี เธอจะไปแบบนี้ไม่ได้ ปีที่ผ่านมานี้พ่อคิดถึงเธอมาโดยตลอด ฉันรู้ว่าในใจเธอโกรธฉัน หากว่าไม่ใช่เพราะฉัน ตอนนั้นเธอก็คงจะไม่ถูกส่งให้ไป......แต่พ่อเขาใส่ใจเธอมากจริงๆ เธอจะอยู่ต่อได้ไหม อยู่คุยเป็นเพื่อนเขาสักกี่คำ?” เมื่อจิ่งซีได้ยินคำนี้ทำให้คิดว่ามันช่างน่าหัวเราะ เธอกับจิ่งเจิ้นหงมีอะไรที่จะต้องพูดกัน? ในเมื่อเขาได้เลือกจิ่งหรงเป็นลูกสาวของเขา และได้ทิ้งเธออย่างไม่สนใจใยดี อย่างนั้นแล้วระหว่างพวกเขาก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดคุยกันแล้ว จิ่งซีไม่คิดที่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่มากเกินไป กำลังตัดสินใจที่จะดึงมุมกระโปรงกลับมา ผลสุดท้ายก็ได้ยินถึงซู่เหลาพูดอย่างกะทันหัน: “จิ่งซี ในเมื่อมาแล้ว ก็เข้าร่วมงานหมั้นของฉันกับหรงหรงให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปเถอะ เธอก็เป็นคนของบ้านตระกูลจิ่ง อีกทั้งแขกผู้มาร่วมงานมากมายก็ยังอยู่ นำพวกเขาผึ่งลมไว้แบบนี้ มันแย่แค่ไหน?” เห้อซู่เหลา จากที่จิ่งซีได้ปรากฏตัวเวลานั้น ก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรเลย เพียงแต่ใช้สายตาที่ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่งในการจ้องมองเธอ ยังคงจำได้ว่าสองเดือนก่อน จิ่งซีมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังมองไปยังเขา อีกทั้งยังเป็นภาพที่พูดอย่างสะอิดสะเอียน......เมื่อเห็นเธอในงานหมั้นอย่างกะทันหัน เขาก็ประหลาดใจมากจริงๆ ตอนนี้จิ่งซีพูดว่าต้องการจะไป เขารู้ตัวว่าต้องการทำให้เธออยู่ต่อ แต่คำพูดนี้เพิ่งจะพูดออกจากปาก จิ่งซีก็ชักสีหน้าที่เมินเฉยจ้องมองเขา หาคู่หมั้นเก่าในการเข้าร่วมงานหมั้นของเขากับชู้ เขาก็มีหน้าตาจริงๆ! จิ่งซีโกรธมากอีกทั้งได้หัวเราะ: “ดีสิ! หากว่าเธอคิดว่าจิตใจที่รู้บาปบุญคุณโทษของเธอยังสามารถไปต่อได้ อย่างนั้นฉันก็จะอยู่ต่อ!” คำตอบที่เต็มไปด้วยการประชดประชัน เห็นได้ชัดถึงการคาดการณ์ผลลัพธ์ของทุกคน พวกแขกผู้ร่วมงานต่างก็จ้องมองหน้ากัน กองกำลังทั้งตระกูลจิ่งและตระกูลเห้อ มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จิ่งหรงมีท่าทางโต้ตอบที่เร็วมาก เป็นฉากที่หยุดร้องไห้ในช่วงเวลาสั้นๆและได้ยิ้มออกมา: “น้องสาวเต็มใจที่จะเข้าร่วมในงานหมั้นของฉันกับซู่เหลา เป็นการแสดงให้เห็นว่าเต็มใจที่จะยกโทษให้ฉันแล้วใช่ไหม? มันดีมากเลยจริงๆ!” ถังเชี่ยน ก็มีเบ้าตาแดงๆอีกทั้งพูดว่า : “จิ่งซี เธอสามารถที่จะอยู่ต่อได้ มันดีมากแล้วจริงๆ” ดวงตาคู่ของ จิ่งเจิ้นหง ชุ่มฉ่ำ เขาได้ลากจิ่งซี ด้วยท่าทางที่ต้องการที่จะพูดคุยด้วยดีๆ เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวนี้ ในใจของจิ่งซีก็มีความเศร้ารันทดล้นทะลักออกมาอย่างกะทันหัน นี่ก็คือครอบครัวของเธอโอ้! เมื่อเสแสร้งขึ้นมา ก็เหมือนกันไม่มีผิดจริงๆเลย เธอรู้สึกว่าเหนื่อยมาก จึงได้ถือโอกาสหาข้ออ้างที่จะหลบอยู่ในมุมห้องโถงของงานเลี้ยง งานหมั้นเป็นไปอย่างคึกคักเสมือนไฟที่โหมไหม้อย่างรวดเร็ว ถือว่าจุดโฟกัสในลานกว้างเป็นเห้อซู่เหลากับจิ่งหรง มือจูงมืออย่างสนิทสนมตลอดทาง หันไปยกแก้วเหล้าเคารพแขกที่มาร่วมงานทีละคนทีละคน บนใบหน้าแขวนไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข จิ่งซีได้มองเห็นอยู่ภายใต้สายตา เธอไม่มีความเศร้าเสียใจ และก็ไม่มีความทุกข์ มีเพียงความรู้สึกชาเท่านั้น จิ่งเจิ้นหง กลับวิ่งมาที่จิ่งซีอยู่ตรงนี้หลายครั้ง บนพื้นผิวภายนอกดูเหมือนว่าจะใส่ใจเธอ แต่บนความเป็นจริงกลับกังวลว่าจิ่งซีจะขึ้นไปก่อความวุ่นวาย “ซีเอ๋อ เธอพักอยู่ตรงนี้คนเดียวก็ไม่ดี จะพูดยังไงเธอก็คือคุณหนูของบ้านตระกูลจิ่ง ไป พ่อพาเธอไปรู้จักกับแขกจำนวนหนึ่ง” เป็นอีกครั้งที่จิ่งเจิ้นหงไม่รู้ว่าจะปลอมแปลงออกมาจากไหน ทันใดนั้นก็เป็นท่าทางนั้นที่ได้จูงมือของจิ่งซีพร้อมพูดอย่างเป็นกันเอง ทำให้จิ่งซีมีความไม่แน่ใจบ้าง จนเข้าใจผิดได้คิดย้อนกลับไปเหมือนหลายปีก่อน ตอนที่เธอมักชอบที่จะออดอ้อนกับเขา
已经是最新一章了
加载中