บทที่ 16 เมียเก็บที่ถูกเลี้ยงดู   1/    
已经是第一章了
บทที่ 16 เมียเก็บที่ถูกเลี้ยงดู
บทที่ 16 เมียเก็บที่ถูกเลี้ยงดู ตาของจิ่งซีปิดลงช้าๆ ยอมรับชะตาชีวิตรอตัวเองล้มลง บนเอวมีพละกำลังในการประคับประคองร่างกายของเธอไว้ คือเขา โห้จูนถิง! “ยังดีไหม?” โห้จูนถิง ปลายคิ้วที่น่าดูได้ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งมีน้ำเสียงต่ำที่หนักแน่นที่ยังมีเสน่ห์เสียงนั้น ทำไมไม่ให้เธอล้มลงก็ดี? จิ่งซีมีสีหน้าที่จาวซีดแต่มุมปากกลับยกสูงขึ้นต้องการจะเหน็บแนมอย่างโดดเดี่ยว เธอยื่นมือผลักโห้จูนถิงที่ประคองเธอออก เดิมทีที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของเธอ ไม่ควรแล้วก็ไม่คิดที่จะฉุดดึงความสัมพันธ์กับโห้จูนถิง เพียงแต่น่าเสียดายคนที่เดินโซซัดโซเซคนหนึ่งยังไม่ทันเดินไปได้สองก้าว โห้จูนถิงก็เดินขึ้นไปด้านหน้านำเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอกอย่างมั่นคง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง “โอ้อวดอะไร?” “รบกวนเธอช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่จะได้ไหม?” ใบหน้าเล็กๆที่ยกขึ้นเต็มไปด้วยคำขอร้อง น้ำเสียงก็เหลือแต่เพียงความเศร้าเช่นกัน เธอไม่อยากจะอยู่ที่ที่ถูกคนทำเหมือนเธอเป็นตัวตลกที่นี่ต่อไป ใจของโห้จูนถิงเคร่งเครียดมากอย่างไม่มีที่มาที่ไป โอบกอดจิ่งซีด้วยแขนตรงออกจากโรงแรมโดยไม่พูดอะไรสักคำ “บนตัวเธอยังมีบาดแผล ฉันส่งเธอไปโรงพยาบาลจัดการสักครู่” ไปโรงพยาบาล? โรงพยาบาลก็จะรักษาแผลของร่างกายได้แต่กลับรักษาความสิ้นหวังในใจไม่ได้ “ไม่ต้องแล้ว” จิ่งซีส่ายหัว อีกทั้งพูดด้วยแววตาที่เด็ดเดี่ยว “คุณโห้ ไหว้วานเธอส่งฉันไปที่มหาวิทยาลัย A!” หลังจากที่โห้จูนถิงได้มองเธออย่างลึกซึ้ง ก็พูดขึ้นอย่างจืดจางออกมาสองคำ “ขึ้นรถ” เบาที่นั่งหน้าคนขับของ โห้จูนถิง ก็ยังเป็นอย่างที่ก่อนหน้านี้ที่จิ่งซี ขึ้นผิดรถไมบัคคันนั้น แต่เวลานี้เธอได้ตกอยู่ในเรื่องที่เศร้าเสียใจพวกนั้นที่เกิดขึ้นในงานหมั้นเมื่อตะกี้นี้อย่างชัดเจน โห้จูนถิงก็ไม่มีความหมายที่จะเปิดปาก เงียบแบบนี้ไปตลอดทางจนถึงประตูของมหาวิทยาลัย A “ขอบคุณ!” ก่อนลงรถจิ่งซีก็ไม่ลืมที่จะพูดขอบคุณกับโห้จูนถิง แต่ว่าท่าทางที่จากไปกลับยังคงใจลอยๆไม่ชัดเจนเหมือนเดิม เมื่อเห็นเงาเล็กๆบางๆนั้นหายไปในขอบเขตของสายตา โห้จูนถิงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้งแล้ว ในแววตาของเขามีความลึกและเงียบก็แตกต่างไป หลังจากที่กลับถึงหอพัก จิ่งซีได้จัดการบาดง่ายๆ จากนั้นก็ได้ปีนไปนอนบนเตียง ประสบการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่ดูเหมือนว่าได้สิ้นเปลืองพลังร่างกายของเธอทั้งหมดแล้ว เธอต้องการพักผ่อนสักหน่อย กำลังวังชากับร่างกายได้เหนื่อยล้าควบคู่ไป จิ่งซีที่นอนอยู่บนเตียงได้เลอะเลือนจนนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว รอเธอตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แม้กระทั่งเวลาทำงานนอกเวลาก็ผิดพลาดไปหมดแล้ว จิ่งซีหงุดหงิดคว้าจับไปที่ผม หลังจากนั้นเธอก็โทรศัพท์ให้แก่ผู้จัดการของบริษัทงานพาร์ทไทม์เพื่อต้องการที่จะอธิบาย แต่ทว่าเมื่อได้รับโทรศัพท์ ฝ่ายตรงข้ามก็ได้แจ้งว่าเธอได้ถูกไล่ออก ไม่มีการปรึกษาหารือเกี่ยวกับทางหนีทีไล่แม้แต่นิดเดียว จิ่งซี ไม่รู้ว่าได้วางสายโทรศัพท์ได้ยังไง “โผละ” เสียงตกลงบนพื้นที่ไม่ได้สนใจ หัวและไล่ได้ก้มต่ำลง ยังตั้งสติไม่ได้จากฉากงานหมั้นที่น่าอับอายขายขี้หน้านั้น อีกทั้งยังโดนไล่ออกอีก คำศัพท์อะไรตอนนี้ต่างก็ไม่พอที่จะบรรยายความรู้สึกตอนนี้ของจิ่งซีได้ แต่ทว่าเดิมทีจิ่งซีไม่รู้ว่าเพราะโห้จูนถิงส่งเธอกลับมาเรื่องนี้ ได้เกิดเป็นวิกฤตของการวิพากษ์วิจารณ์ของมหาชนที่จู่โจมมาทางเธอ จิ่งซีไม่รู้ว่าตัวเองจะนั่งอยู่ในความมืดได้นานแค่ไหน จนกระทั่งท้องร้องหิวประท้วงออกมา ถึงจะตื่นรู้ตัวว่าตัวเองยังไม่ได้กินของมาทั้งวัน เธอดิ้นปีนขึ้นมาจากบนเตียง ถึงแม้ว่าจะสูญเสียครอบครัว ความรัก ยังมีงาน แต่ก็ไม่สามารถประคองหนังท้องผ่านไปไม่ได้ ตอนที่จิ่งซีอยู่ในห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันนั้น ประตูของหอพักก็ได้มีเสียง “กุกกัก” เปิดออกแล้ว “หยู่เวย?” จิ่งซียื่นหัวออกมา “เธอ......ทำไมถึงเป็นเธอ?” คนที่ยืนตรงประตูไม่ใช่ส้งหยู่เวยที่เธอคิด อีกทั้งคือสวี่เคอซินเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่ง สวี่เคอซินกำลังจะเข้าประตู ก็ได้เห็นมุมริมฝีปากของจิ่งซีเป็นมุมริมฝีปากที่แข็งทื่อไม่กระดิกที่เธอเก็บกลับไปไม่ทันนั้น “อ้าว ดูไม่ออก เธอก็ยังมีความสุขนี่!” เมื่อสวี่เคอซินเปิดปากพูดก็มีท่าทางการพูดจาที่ปลิ้นปล้อนไม่จริงใจทำให้ดูไม่รู้แน่ถึงเจตนาที่แฝงอยู่ จิ่งซี บีบกำปั้นขึ้น แต่ไม่ได้โต้ตอบ หลังจากที่สวี่เคอซินหันกลับไปเพ่งเล็งมองบนตัวของจิ่งซีรอบหนึ่ง ก็เหมือนกับว่าได้พบผืนแผ่นดินใหม่อีกทั้งได้ร้องเสียงแหลมออกมา “หยาจิ่งซี บาดแผลพวกนี้บนตัวเธอก็คงจะไม่ใช่ถูกภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตบมาใช่ไหม?” สับสนยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบอะไร? คำพูดของสวี่เคอซินนั้นจิ่งซีฟังไม่ออกแม้แต่คำเดียว เนื่องจากปกติความสัมพันธ์ของเธอกับสวี่เคอซิน เธอก็ไม่อยากจะสนใจ จิ่งซี หมุนตัวหันกลับไปห้องน้ำ สวี่เคอซินกลับตามไปก่อกวนไม่หยุด “จุ จุ จุ ก่อนหน้านี้ฉันก็ได้ดูถูกเธอไปหน่อยจริงๆนะจิ่งซี” สวี่เคอซินยิ่งพูดก็ยิ่งมีอารมณ์มากขึ้น อีกทั้งก็มีน้ำเสียงที่ยั่วเย้าเหน็บแนมมากขึ้น “เป็นเมียเก็บยังจะกล้ามาโรงเรียนพูดจาโอ้อวดเสียงสูงแบบนั้นอีก ฉันว่า ทำไมภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายถึงไม่ทำลายหน้าที่แพศยาอย่างเธอนี้ให้ถึงที่สุดล่ะ เพื่อจะได้ไม่สร้างความหายนะทำร้ายคน......” “สวี่เคอซิน หากว่าเธอป่วยก็ไปโรงพยาบาล” จิ่งซีหันหลังกลับตำหนิเสียงต่ำไปคำหนึ่งอย่างอดทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว เห็นได้ชัดว่าร่างกายของสวี่เคอซินหดลง ในน้ำเสียงที่ยั่วเย้าเหน็บแนมก็เปลี่ยนเป็นจองหอง “เสแสร้งอะไรอ่ะ ทั้งโรงเรียนก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว หรือว่ายังคิดที่จะไม่ยอมรับ” “ปัง——” จิ่งซีนำแก้วน้ำที่ใช้ล้างหน้าแปรงฟันในมือวางลง จากนั้นก็หมุนตัวกลับมองไปที่สวี่เคอซิน “ทำไม? เธอมองฉันแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์!” สวี่เคอซิน ทั้งหมดเพราะแววตาที่เย็นชาไปทั่วตัวของเธอนั้น “จิ่งซี หากว่าฉันคือเธอก็คงจะย้ายออกไปให้เร็ว จะได้ไม่เอาพวกเราทั้งหอพักไปพัวพันด้วย!” เมื่อพูดคำนี้เสร็จก็ยังได้ทิ้งสายตาที่เย็นชา และใช้รองเท้าส้นสูงเหยียบย่ำเธอ “กุกกัก” และก็ได้จากไปแล้ว “คนนี้บ้าไปแล้วเถอะ!” จิ่งซีรู้ว่าสวี่เคอซินกับเธอนั้นไม่ถูกกันมาโดยตลอด แต่ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจเหมือนกัน หรือว่าจะต้องเป็นแบบนี้ถึงจะทำให้เธอพัฒนาขึ้นจากเดิมได้? แต่ว่ามันก็ไม่ถูกนะ เมื่อกี้ที่สวี่เคอซินพูดคือ ‘เป็นเมียเก็บคนอื่น ถูกภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตบ ทั้งโรงเรียนต่างก็รู้กันหมด’ นั้นมันหมายความว่าอะไร? จิ่งซีขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก จากนั้นก็รีบไปเปิดคอมพิวเตอร์เข้าไปบนฟอรั่มของการอภิปรายถกเถียงในโรงเรียน เพิ่งจะเข้าสู่ระบบหน้าแรก ทั้งหมดคือสถานการณ์รุนแรงดุจดังพายุพัดโหมเข้ามา “นักศึกษาหญิง A ใฝ่ต่ำเป็นเมียเก็บ แสดงความรักตรงประตูโรงเรียน?” ข่าวพาดหัวเรื่องจำพวกนี้ จิ่งซี ตื่นตกใจ เธอได้ถือโอกาสเปิดข่าวพาดหัว สิ่งที่ตามมาก็คือมีคำชัดแจ้งน่าเชื่อถือ ‘บรรยายตามข้อเท็จจริงในรายงานข่าวใช้ชื่อของผู้หญิงคนนี้แทนชื่อของตัวละครสำคัญ แต่ทว่าภาพต่อไปคือภาพที่มีความละเอียดสูงไม่ว่าใครเห็นก็ต้องสามารถจำได้ว่าคือใคร—— เป็นจิ่งซี นี่เองโดยเป็นฉากที่ก่อนหน้านี้เธอได้ขึ้นลงรถไมบัคของโห้จูนถิงเพื่อขอโทษเขา ฉากนั้น! “เชี่ยอะไรเนี่ย!” จิ่งซีได้ระเบิดคำหยาบออกมาอย่างไม่รู้ตัว รูปภาพแบบนี้ควบคู่ไปกับตัวหนังสือพวกนั้น หากว่าไม่ใช่เธอ เธอก็คงจะรู้สึกว่ามีเรื่องแบบนี้จริงๆเถอะ คิดถึงเมื่อสามปีก่อนเป็นตัวเองนี่เองที่เพราะข่าวลือซุบซิบ ถูกบีบบังคับให้ไปไกลถึงประเทศอื่น จิ่งซีรู้อย่างลึกซึ้งว่าข่าวลือโลกีย์พวกนี้เดิมทีก็ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ที่สามารถจะขัดขวางต่อข่าวลือไม่มีมูลที่ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ น่าเกลียด เป็นใครกันแน่? เดิมทีจิ่งซีคิดว่าจะต้องเสียความคิดและกำลังกายถึงจะสามารถหาคนโพสต์เผยแพร่เจอ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับคล้ายกับว่าด้วยเหตุนี้เพราะจึงภูมิใจและไม่ได้อำพรางชื่อ จิ่งซีรู้ได้อย่างรวดเร็วถึงผู้ที่เริ่มต้นโพสต์ข่าวนี้ซึ่งได้มาจากเกาซง——ประธานของสำนักข่าวใหญ่ A “เป็นกังวลเรื่องของชาวบ้าน ยุ่งเรื่องของชาวบ้านโดยที่ไม่รู้เรื่องจริงว่าเป็นยังไง คิดอยากจะใช้วิธีการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของฉันมาฉกฉวยสายตาของชาวโลกก็ต้องดูว่าฉันเห็นหรือไม่เห็นด้วย!” ในใจของจิ่งซีโมโหจนไม่สามารถที่จะหยุดได้ เธอได้ปิดคอมพิวเตอร์ และตัดสินใจที่จะไปหาเกาซง เพื่อให้เขาลบโพสต์และขอโทษ
已经是最新一章了
加载中