บทที่ 18 การแสดงละครความรักของพี่น้องที่ทำให้คนรังเกียจ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 18 การแสดงละครความรักของพี่น้องที่ทำให้คนรังเกียจ
บทที่ 18 การแสดงละครความรักของพี่น้องที่ทำให้คนรังเกียจ ช่วงเช้าจิ่งซีกับส้งหยู่เวยมีเรียน กินอาหารเช้าง่ายๆนิดหน่อยก็ไปที่ห้องเรียน เป็นไปตามที่คิดไว้ เธอเพิ่งจะปรากฏตัวอยู่ในห้องเรียนบริเวณรอบๆล้วนแต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ “จิ่งซีคนนี้ไม่ใช่ไปเป็นเมียเก็บแล้วเหรอ ทำไมถึงยังมีหน้ามาเรียนอีก?” “ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่แน่หนังหน้าของคนอื่นเขานี้อาจจะสร้างด้วยกำแพงเมือง” เสียงไม่ดัง แต่ทุกคำก็เข้าหู “คนพวกนี้ไม่ได้แยกแยะเลยจริงๆ จิ่งซีเธอรอก่อน ฉัน......” “ไม่ต้องให้ความสนใจ” จิ่งซีหัวเราะเล็กน้อยเธอทำให้ส้งหยู่เวยหยุดด้วยความโกรธต่อเหตุการณ์ที่ไม่เป็นธรรม หลังจากนั้นก็คล้ายกับว่าอะไรก็ไม่ได้ยินจากนั้นก็ได้เลือกที่นั่งพร้อมเข้าไปนั่ง ถึงแม้คู่กรณีไม่สนใจที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ก็ดูคล้ายกับได้สูญเสียความหมายไปแล้ว การรวมกลุ่มกันของฝูงชนก็กระจัดกระจายไปตามกัน เนื้อแท้ในจิตใจของจิ่งซีก็ช่างเข้มแข็งและยิ่งใหญ่เกินไปแล้วจริงๆ หากว่าเปลี่ยนมาเป็นเธอละก็คงจะขึ้นไปทะเลาะกับคนสักตั้งหนึ่งนานแล้ว ก้นบึ้งในหัวใจของส้งหยู่เวยได้แต่ทอดถอนใจ และก็ได้นั่งลงตรงด้านข้างของจิ่งซีอย่างรวดเร็ว แต่เพิ่งจะนั่งลง ฝูงชนที่เงียบลงไปก็เกิดความวุ่นวายอีกแล้ว จิ่งซีเงยหน้ามองก็เห็นถึงผู้ชายที่ยืนย้อนแสงอยู่ตรงหน้าเธอ เขาก้มหัวลง นำหน้าม้าที่แตกกระจายปิดลงมา แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการมองนัยน์ตาที่อ่อนโยนของเธอในตอนนี้ “จิ่งซี ฉัน......” หลินหลันได้ยิ้มเขินอายอย่างกะทันหัน “ฉันหาเธอเพราะมีเรื่องบางอย่าง” คนดีๆอย่างหลินหลันมาหาเธอยังจะสามารถมีเรื่องอะไร? จิ่งซี วิจารณ์อยู่ในใจ แต่บนใบหน้ากลับยิ้มอย่างมีมารยาท “อย่างนั้นพวกเราออกไปคุยที่ประตูเถอะ” “ดี” ชายหญิงหน้าตาดี คนหนึ่งเดินไปข้างหน้าอีกคนเดินถอยหลังออกไปจากห้องเรียนแล้ว ด้านหลังก็ยังมีเสียงหยอกล้อดังขึ้น คนที่รอดูละครมาโดยตลอดอย่างสวี่เคอซินก็เพราะหลินหลันมาถึงก็ได้บีบฝ่ามือแน่น เธอได้มีสายตาที่เฉียบคมในการมองตามพวกเขาจนออกจากห้องเรียนไป “รุ่นพี่หลินหลัน เธอมาหาฉันมีเรื่องอะไร?” จิ่งซีกับหลินหลันได้รักษาระยะห่างหนึ่งเมตร อีกทั้งก็ถามขึ้นอย่างจืดจาง “จิ่งซี เรื่องบนฟอรั่ม......ฉันเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องจริง” “ขอบคุณค่ะรุ่นพี่” แม้ว่าในใจจะมีความแปลกใจ แต่ก็ยังมีการขอบคุณอย่างจืดจาง เชื่อหรือไม่เชื่อ เธอก็ยังคงคือจิ่งซี “อย่างนั้นหากว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรละก็......” หลินหลันเห็นว่าจิ่งซีต้องการจะหมุนตัวหลับไปอย่างฉับพลัน จึงได้มีน้ำเสียงที่มีความสั่นแต่กลับเปิดปากพูดอย่างแน่วแน่เป็นพิเศษ: “จิ่งซี ฉันชอบเธอ หวังว่าเธอจะให้โอกาสฉันสักครั้งในการปกป้องเธอ” “……” นี่ถือว่าคือการสารภาพ? บนใบหน้าของจิ่งซียังคงเป็นรอยยิ้มที่จืดจาง “ขอโทษรุ่นพี่” หลังจากนั้นก็ไม่ได้หันหลังเดินเข้าไปยังห้องเรียนแล้ว ทิ้งไว้แต่หลินหลันยืนอยู่ตรงที่เดิมคนเดียว ก้นบึ้งของหัวใจที่โศกเศร้าและทุกข์ทนมองไปที่เงาเล็กๆบางๆนั้น “จิ่งซี รีบพูดว่ารุ่นพี่หลินหลันมาหาเธอมีเรื่องอะไร?” จิ่งซีเพิ่งจะกลับมาถึงห้องเรียนนั่งลง หัวของ ส้งหยู่เวยก็เข้ามาใกล้แล้ว มีท่าทางที่คิ้วขมวดขึ้นสีหน้าก็เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของสิ่งต่างๆ จิ่งซีถลึงตาใส่เธอ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง “เธอตั้งใจเรียนให้ดีเถอะ ระวังอีกสักครู่อาจารย์ผู้ทำลายล้างจะทำลายเธอจนราบเป็นหน้ากลอง!” ส้งหยู่เวยเพิ่งจะต้องการเปิดปาก สายตาก็เพ่งเล็งไปถึงคนในคำพูดของจิ่งซี ผู้ทำลายล้าง ——อาจารย์ในสาขาของพวกเขาเดินเข้ามาในห้องเรียน ทำให้เธอตกใจจนรีบกลับไปนัยน์ตาดำได้ตกลงดูหนังสือโดยเป็นท่าทางของนักเรียนที่ดี จิ่งซีมองเห็นส้งหยู่เวย ในท่าทางนั้น ‘ความหวาดกลัว’มุมของริมฝีปากก็ได้โค้งงอ ไม่ไปคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้ หยิบโทรศัพท์ออกจากเริ่มปัดไปที่หน้าเว็บ วันนี้เธอจะต้องเริ่มหางานใหม่ถึงจะได้! สิ่งที่จิ่งซีไม่รู้ก็คือ การกระทำทั้งหมดของเธอได้ตกอยู่ในสายตาของสวี่เคอซินคนที่อยู่ไม่ไกล เมื่อคิดถึงเมื่อกี้ที่หลินหลันมาหาจิ่งซีตัวคนเดียว เธอก็อิจฉาจนจะตายแล้ว “อาจารย์ เพื่อนร่วมชั้นเรียนจิ่งซีกำลังเล่นโทรศัพท์” ในห้องเรียนมีเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้จิ่งซีได้เป็นจุดสนใจอีกครั้ง อีกทั้งเธอยังไม่ทันได้นำโทรศัพท์วางกลับไป ก็ได้ยินถึง ‘อาจารย์ผู้ทำลายล้าง’เปิดปาก: “จิ่งซี ออกไปยืนหน้าห้องเรียน” ก้นบึ้งของหัวใจของจิ่งซีจนปัญญาแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางโต้ตอบ เธอได้ยืนขึ้นและออกไปจากห้องเรียน ก่อนที่จะออกไปก็ได้เห็นสายตาที่ลำพองใจของสวี่เคอซิน แม้ว่าจะเพราะว่าสวี่เคอซินจะเป็นผู้รายงาน ทำให้เธอพลาดที่จะเรียนสาขาในคณะ แต่โชคยังดีที่ว่าได้ดูข่าวประกาศรับสมัครงานที่น่าสนใจไปกี่ที่ หลังจากนั้นสองสามวัน จิ่งซีเมื่อได้ยินเสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้นก็ได้เหยียบวิ่งไปด้านนอก อย่างไรก็ตามการรับสมัครงานพาร์ทไทม์ก็มีจำนวนน้อย อีกทั้งตอนที่จิ่งซีไปสัมภาษณ์งานกี่ที่ก็ล้วนแต่ถูกค่ำรื่นหูแจ้งให้ทราบว่าตอนนี้พวกเขารับสมัครกำลังคนเพียงพอแล้ว “จะทำยังไงล่ะ?” สายตาเห็นเงินในกระเป๋าน้อยลงไปทุกวัน หากว่ายังหางานทำไม่ได้ละก็กลัวว่าแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็กินไม่ได้แล้ว ในใจของจิ่งซีไม่ใจร้อนไม่ได้ “อย่ารีบร้อนจิ่งซี อยากจะหางานที่ดีนี้ได้ก็ต้องค่อยๆหา” ส้งหยู่เวยเห็นเธอวิ่งไปกลับทุกวันก็รู้สึกเห็นใจมาก “อีกอย่าง เรื่องเงินก็ไม่ต้องกังวล ฉันให้เธอยืมได้” “ได้” จิ่งซีพยักหน้าไปมา แต่วินาทีหลังจากนั้นก็ได้แบกกระเป๋าจะออกไปอีกแล้ว เธอรู้ว่าส้งหยู่เวยตัวเธอเองนั้นก็ไม่มีกินมีใช้ อีกทั้งอาศัยการยืมก็ไม่ใช่การวางแผนที่ยาวนาน จิ่งซีเชื่อว่าเธอจะไม่โชคร้ายขนาดนี้ตลอดไป สวรรค์ไม่เอาเปรียบคนขยัน ท้ายสุดหลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์เธอก็สามารถหางานพาร์ทไทม์ได้ที่ห้องอาหารระดับสูงที่หนึ่ง แม้ว่าพนักงานบริการกับผู้ช่วยนักออกแบบงานเดิมที่เธอคิดไว้ทั้งหมดจะต่างกันมาก แต่ว่าเวลาทำงานทำตอนกลางคืนก็สามารถสับหลีกจากเวลาเรียนได้ ไม่ต้องเป็นกังวลปัญหาเรื่องเงิน สิ่งที่สำคัญที่สุดเงินเดือนและสวัสดิการไม่เลว หากว่าประพฤติตัวดีละก็ยังมีทิปพิเศษ เพียงแต่ว่าตอนที่สัมภาษณ์ผู้จัดการห้องอาหารต้องการให้จิ่งซีมาทำงานในคืนนั้นเลย จิ่งซีก็ได้ตอบตกลงไปแล้วอย่างสบายๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่เธออยู่ที่ประเทศอังกฤษก็เคยอยู่ที่ห้องอาหารระดับสูงทำงานรับจ้างมาแล้ว ก็ถือว่ามีประสบการณ์ เธอเชื่อว่าเพียงพอที่รับมือกับมันได้ แต่ว่าจิ่งซีคิดไม่ถึงว่าวันแรกที่เธอทำงาน ครั้งแรกที่เธอเสิร์ฟอาหารก็ได้พบกับคนคุ้นเคยและ ยังคงเป็นคนคุ้นเคยประเภทนั้นที่ดีที่สุดชีวิตนี้ก็ไม่ต้องพบกันอีก——จิ่งหรง จิ่งซีอยากจะหันหัวกลับแล้วไปมาก แต่คิดถึงในกระเป๋ากางเกงเหลือเหรียญเงินไม่เท่าไหร่ จึงทำได้เพียงกัดฟันปกป้องรักษารอยยิ้มเล็กๆบนร่างกายพร้อมเดินขึ้นไปด้านหน้า “ทั้งสองท่านรบกวนสักหน่อย รบกวนสั่งอาหาร” ท่าทางของจิ่งซีเป็นมืออาชีพมาก แต่ก็ยังเห็นถึงความเยาะเย้ยเหน็บแนมนั้นภายใต้นัยน์ตาดำของจิ่งหรง “เอ๊ะ นี่ไม่ใช่น้องสาวที่มีพ่อคนเดียวกันต่างแม่คนนั้นเหรอหรงหรง ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังสวมใส่ชุดของพนักงานบริการ?” นำหน้าเปิดปากก่อนคือเพื่อนของจิ่งหรง โดยมีน้ำเสียงที่เจตนาทำเป็นแปลกใจแต่เต็มไปด้วยความเหน็บแนมเหมือนกัน “ใช่สิน้องจิ่งซี ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?” จิ่งหรงได้แลกเปลี่ยนสายตากับเพื่อนสนิท พูดตามเขาต่อไป “หากว่าเธอขาดเงินละก็บอกพี่ก็ได้แล้ว บ้านตระกูลจิ่งของพวกเราก็ไม่ได้ขาดเงินกี่หยวนนั้น ทำไมถึงทำลายตัวเองแบบนี้ล่ะ?” เขาได้แสดงท่าทางของพี่สาวที่ดีออกมาได้คล้ายกันทีเดียว “ก่อนอื่นตอนนี้ฉันไม่ใช่คนของบ้านตระกูลจิ่ง” จิ่งซีแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจคำพูดเหน็บแนมพวกนั้น บนใบหน้ายังคงปกป้องรักษารอยยิ้มเล็กๆของร่างกาย “รองลงมา หากว่าทั้ง2ท่านยังไม่ได้คิดว่าจะกินอะไร อย่างนั้นฉันก็ออกไปบริการลูกค้าคนอื่น” “หรงหรงอา ตามที่ฉันเห็นก็คือเธอที่ใจอ่อน” เพื่อนสนิทของจิ่งหรงเมื่อได้ยินน้ำเสียงของจิ่งซีก็จงใจพูดโปรยขึ้น “ทำไมเธอก็ไม่จำให้นานๆ ครั้งที่แล้วในงานหมั้นเขาได้ลงมือทำร้ายเธอจนบาดเจ็บขนาดนั้น ทำไมเธอยังสนใจว่าเขาจะเป็นหรือตายล่ะ หากว่าเป็นฉัน......” “เจียเจียห้ามพูดจาซี้ซั้วเหลวไหล!” จิ่งหรงเสแสร้งส่งเสียงตำหนิ ทันทีหลังจากนี้ก็นัยน์ตาก็ได้ห้อยลงมา ปรากฏให้เห็นท่าทางที่เป็นทุก “ไม่ว่าจะพูดยังไงจิ่งซีก็คือคุณหนูสองของบ้านตระกูลจิ่ง เป็นน้องสาวฉัน” โอ้ ดอกบัวขาวดอกนี้ แสดงละครแสดงได้จนหยุดไม่ได้แล้ว จิ่งซีไม่อยากที่จะดูจิ่งหรงแสดงละครประเภทนี้ ‘ความรักของพี่น้อง’ต่อแม้แต่นิดเดียว ตอนที่เธอหมุนตัวกลับต้องการจะไป จิ่งหรงก็ได้เงยหน้าเรียกเธออย่างกะทันหัน “น้องจิ่งซี พวกเราต้องการรับประทานอาหาร รบกวนเธอจัดการที่นั่งพิเศษ อย่างนี้ อยู่ที่นี่สักครู่เธอก็สามารถที่จะรับประทานอาหารร่วมกันกับพวกเราได้”
已经是最新一章了
加载中