ตอนที่ 3
“แม่จะลองคุยกับเขา...อย่างน้อยที่สุดเขาก็เคยผูกพันกับลูก เขาเคยรักลูก ถ้าเขายังไม่มีใครตอนนี้ บางที...เราอาจจะใช้สิ่งนี้ให้เป็นประโยชน์สำหรับการตกลงในอนาคต”
อณัศยาถึงกับอึ้งและได้แต่นิ่งเงียบ โดยปกติเธอไม่เคยมีปากเสียงกับมารดาหากก็ไม่ปรารถนาให้ลีลาทำในสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกเพราะฟังดูเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป มารดาของเธอพูดถูก...ทศรัสมิ์อาจเคยรักเธอ หากแต่เวลาที่เขาหายไปถึงสามปีนั้นอาจยาวนานมากพอที่เขาจะมีคนอื่น และที่สำคัญเขาต้องเจ็บช้ำจากชีวิตครอบครัวที่ต้องพ่ายพังเพราะแม่ของเธอซึ่งเขาอาจเกลียดเธอไปด้วย เขาอาจลืมเธอแล้ว หญิงสาวคิดถึงตรงนี้ก็เริ่มหดหู่
จริงสินะ บางที...เขาอาจจะมีคนอื่นเข้ามาในชีวิตแล้วก็เป็นได้
ความคิดของอณัศยาถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้งเมื่อรถหรูที่เธอและมารดานั่งมาจอดลงที่หน้างานศพของธนาดล หญิงสาวพลิกข้อมือดูหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาจวนสามทุ่ม เธอก้าวลงจากรถและเดินตามมารดาเข้าไปในบริเวณที่ตั้งศพของผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีฐานะเป็นพ่อเลี้ยงและเป็นพ่อของผู้ชายที่เธอยังรักเขามาก มีผู้คนมากหน้าหลายตาที่เข้ามาร่วมงานสวดอภิธรรมศพซึ่งล้วนเป็นบุคคลในแวดวงธุรกิจและสังคมชั้นสูง สักครู่ก็มีหญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อแขนยาวและนุ่งโสร่งสีดำเดินเข้ามาก่อนพูดขึ้น
“คุณลีลา...ไม่ทราบว่าได้พบทนายพิธานหรือยังคะ?”
“พบแล้วล่ะป้านิ่ม...แล้ว...เห็นเขาบอกฉันว่าคุณทศรัสมิ์กลับมาแล้ว และตอนนี้เขาก็อยู่ที่นี่”
ลีลาถามขึ้นขณะชะเง้อมองหาลูกชายของธนาดลโดยไม่สนใจแขกเหรื่อที่เข้ามาในงานศพ ป้านิ่มซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของตระกูลพีรพัชรสกุลหันไปรอบ ๆ ก่อนจะหันกลับมายังลีลาอีกครั้ง
“คุณทศน่ะหรือคะ เมื่อกี๊ดิฉันยังเห็นคุณหนูเดินอยู่แถวนี้เลยค่ะ เอ...หรือว่าคุณหนูจะออกไปไหน จะให้ดิฉันไปตามให้ไหมคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก” ลีลาตัดบท “ฉันจะเข้าไปรอข้างในก็แล้วกัน อีกเดี๋ยวเขาคงกลับมา...ถ้าป้านิ่มเห็นทศรัสมิ์ก็บอกเขาด้วยแล้วกันว่าฉันรอพบเขา”
ลีลาเดินอาด ๆ เข้าไปนั่งที่โซฟาปล่อยให้อณัศยายืนอยู่กับแม่บ้านที่มองไปรอบ ๆ พลางเกาหัว
“เมื่อกี๊ป้าเห็นคุณทศอยู่แถวนี้นะคะ...ถ้ายังไงถ้าป้าเจอคุณหนูก็จะรีบบอกให้นะคะว่าคุณลีลารออยู่...เอ้อ...คุณหนูแยมหิวหรือเปล่าคะนี่ จะทานอะไรก่อนไหมคะ”
“ไม่ล่ะค่ะป้า...แยมไม่หิว”
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปนั่งข้างในเถอะค่ะ คืนนี้แขกมาเยอะมาก”
“ป้านิ่มเข้าไปข้างในก่อนเถอะนะคะ แยมขออยู่แถวนี้ก่อน เดี๋ยวตามเข้าไปค่ะ”
“คุณแยม”
“คะ?”
อณัศยาเอียงหน้ามองแม่บ้านคนเก่าแก่ที่ดึงมือเรียวบางของเธอไปจับไว้ ป้านิ่มมองใบหน้ารูปไข่ใต้กรอบเรือนผมยาวดำสนิทด้วยความเพ่งพิจารณา
“ป้าพึ่งสังเกตวันนี้ชัด ๆ นะคะว่าคุณแยมสวยขึ้นมาก...เอ้อ...ป้าแค่อยากถามน่ะค่ะว่าไม่มีคุณท่านแล้ว คุณแยมกับคุณลีลาจะยังอยู่ที่บ้านหลังนั้นใช่ไหมคะ”
คำถามนั้นทำให้หญิงสาวเงียบไปกระทั่งป้านิ่มเอ่ยต่อว่า
“ที่ป้าถามคุณแยมแบบนี้ไม่ใช่เพราะเหตุผลอย่างอื่นหรอกนะคะ แต่ป้ากำลังคิดว่าถ้าไม่มีคุณผู้ชายแล้ว ที่บ้านของท่านทุกอย่างจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”
น้ำเสียงของผู้พูดเจือไว้ด้วยความเป็นกังวลและฟังดูเศร้า อณัศยาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน แววตาคู่สวยหม่นแสงลงเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
“แยมกับคุณแม่ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านของคุณลุงธนาดลหรอกนะคะ...เอ้อ...หลังจากนี้มันก็คงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของบ้านที่แท้จริง”
“เจ้าของบ้านที่แท้จริง?”
ป้านิ่มมีสีหน้าไม่เข้าใจกระทั่งหญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงใสเพื่อกลบความคลางแคลงใจที่เกิดขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกนะคะป้านิ่ม...แยมขอออกไปเดินเล่นแถวนี้สักแป๊บนะคะ”
ร่างแน่งน้อยรีบตัดบทและผละออกมากับความคิดที่ยังวุ่นวนในหัว หญิงสาวเดินห่างออกจากศาลาสวดอภิธรรมและตรงไปยังสระบัวซึ่งมีแสงไฟสว่างไสวแต่ปราศจากผู้คนพลุกพล่าน เธอต้องการสมาธิ จริง ๆ แล้วเธอตื่นเต้นมากต่างหากที่จะได้เจอทศรัสมิ์อีกครั้ง หญิงสาวแทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่และกลัวเหลือเกินว่าป้านิ่มซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงของเขาตั้งแต่เด็กจะจับสังเกตเอาได้ กลัวป้านิ่มจะเห็นความประหม่าที่ฉายเต็มดวงตาของเธอ แต่แล้วความคิดทุกอย่างต้องหยุดชะงักลงในฉับพลันเมื่อสายตาคู่นั้นมองเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ริมสระบัว ร่างสูงใหญ่ของบุรุษในชุดสูทสีดำสนิท แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่ในอาภรณ์แบบไหน อณัศยาก็จดจำ ใครคนนั้น ได้เสมอ