ตอนที่ 2   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 2
“เฮียเคกลับมาแล้วว” เสียงของคิน น้องชายของผมดังลั่นเมื่อผมกลับมาทานข้าวในวันอาทิตย์ วันที่ทางบ้านของผมตั้งกฏเอาไว้ว่า ทุกวันอาทิตย์ ทุกคนต้องมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ผมหันไปพยักหน้าเล็กน้อยให้กับไอ้คิน ที่ดีใจที่ผมกลับมาบ้านวันนี้ มันไม่ได้พิศวาสอะไรผมหรอกครับ เพียงแต่มันรอรับของจากผมก็เท่านั้นเอง ผมโยนของที่มันต้องการใส่และมันก็กระโดดรับอย่างแม่นยำ ไอ้คินมันเป็นสายเดียวกับไอ้เคนหรือเคนตะ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มของผม สายเล่นรถ แข่งรถ วันก่อนไอ้เคนออกรถใหม่ที่มันเอาไปแต่งเพิ่มเติม ทำให้ทั้งแรงและเร็ว สมใจนักซิ่งและแน่นอนไม่พลาดที่ไอ้คินจะไปยืมรถเพื่อนผมมาเสร็จสับเรียบร้อย แต่ติดตรงที่เป็นภาระผมที่ต้องเอากุญแจรถมาให้มันในวันนี้น่ะสิ “ขอบคุณนะครับเฮียเคสุดหล่อ ผมลองของแป๊บ เดี๋ยวมา ฝากบอกม๊าด้วย” ไอ้คินมันรีบพูดพร้อมกดรีโมทที่รับได้เมื่อไม่นานมานี้ ก่อนจะกระโดดขึ้นรถใหม่ที่ผมขับมาซึ่งนั่นก็คือของไอ้เคนไปในทันที หวังว่ามันจะกลับมาทันข้าวเย็นอย่างที่บอกนะ ไม่งั้นคงเป็นผมที่ต้องฟังแม่บ่นตลอดการกินอาหารแน่นอน “กลับมาแล้วครับแด๊ด ม๊า” “เหนื่อยมั้ยลูก มาๆ นั่งพักก่อน” แม่ของผมค่อยๆ เดินออกมาทีละก้าวอย่างมั่นคงจนถึงโถงบ้านตามเสียงเรียกของผม พร้อมกับพ่อของผมที่เดินตามมาติดๆ “คิดถึงม๊านะครับ เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นเยอะเลยนะ สงสัยกำลังใจดี” ผมเข้าไปกอดแม่ของผมเอาไว้ ก่อนจะผละออกมา แล้วส่งยิ้มไปทางพ่อของผม แม่ของผมท่านเพิ่งจะเริ่มเดินได้เมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่เอง ก่อนหน้านี้ท่านนั่งวีลแชร์มาตลอด แต่ด้วยการทำกายภาพบำบัดต่อเนื่อง จนในที่สุดก็เริ่มเดินได้ แม้จะยังไม่คล่องก็ตามที แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก สาเหตุที่แม่ผมเป็นแบบนี้ เนื่องจากเมื่อหลายปีก่อนผมเข้าใจว่าประสบอุบัติเหตุ แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมถึงรู้ว่ามันไม่ใช่.. “กำลังใจดีอะไรละ บ่นแม่ทู๊กกวัน” “แหม แด๊ดก็ไม่อยากบ่นม๊าแกหรอก ถ้าม๊าแกไม่ขยันเดินทั้งวันจนล้มน่ะ ..ผมเป็นห่วงคุณนะครับ ที่รัก” พ่อของผมพูดให้ผมฟัง ก่อนจะหันไปพูดกับภรรยาสุดที่รักของพ่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล มันก็อดไม่ได้ที่ผมจะยิ้มออกมา ก่อนหน้านี้แม่ของผมเดินไม่ได้ คนที่อยู่เป็นกำลังใจช่วยเหลือม๊าก็คือแด๊ดของผมเอง ท่านรักม๊ามาก และก็ชอบสวีทหวานต่อหน้าลูกๆ อย่างผมมากเช่นกัน “ขอโทษนะคะที่ทำให้เป็นห่วง ฉันอยากจะเดินได้เร็วๆ จะได้ไม่เป็นภาระของคุณไง” “ที่รัก ห้ามพูดแบบนี้อีกนะ คุณไม่เคยเป็นภาระของผม รู้ไว้ด้วยถึงคุณจะเดินไม่ได้ตลอดไป ผมก็จะไม่มีวันทิ้งคุณ” “อะแฮ่มๆ มิสเตอร์แอนด์มิสซิสฟรองค์ครับ กรุณาลดความหวานต่อหน้าลูกอย่างผมบ้างนะครับ” ผมพูดแซวแทรกกลางขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้แด๊ดกับม๊าผม มองกันหวานเชื่อมจนเหมือนลืมไปแล้วว่ามีผมอยู่ตรงนี้ แต่ถึงผมจะพูดแซวไป ผมก็ยังอดที่จะยิ้มให้กับภาพตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี “ฮ่าๆ เออ..แล้วไอ้คินละ อยู่ไหน เมื่อกี้ม๊าเห็นมันแว๊บๆ” ม๊าทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อนเรื่องที่ผมแซวไป “มันออกไปขับรถเล่น เดี๋ยวก็กลับมาครับ “เห้อ คุณดูสิ ไอ้คินโตจนจะยกกิจการให้อยู่แล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กๆ เล่นรถอะไรอยู่ได้ กลับมานะ ฉันจะบ่นให้หูชาเลยทีเดียว” นั่นไง คิดไว้ไม่มีผิดเลย บ่นยาวแน่งานนี้ นอกจากม๊าจะหันไปบ่นกับสามีสุดที่รัก ก็หันมาบ่นกับผมอีกยาวเหยียด ทางบ้านของผม ทำกิจการเกี่ยวกับระบบการศึกษาทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ชั้น อนุบาล มัธยม ยันมหาลัย รวมไปถึงสถาบันติวเตอร์ต่างๆ ทั้งทางวิชาการและทางสายอื่นๆ สถาบันเหล่านี้เปิดในไทยเป็นหลัก และมีบางส่วนที่เปิดในประเทศอังกฤษ ประเทศบ้านเกิดของพ่อผมเอง ส่วนแม่ของผมก็เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เลยทำให้ผมเรียก พ่อว่าแด๊ด และเรียกแม่ว่าม๊า บ้านผมมีพี่น้องสามคน คนโตคือเฮียไค ช่วงวัยเด็กทางบ้านผมมีเรื่องทำให้เฮียต้องไปเป็นลูกบุญธรรมของลุงผมที่อยู่ประเทศอังกฤษ ทำให้ตอนนี้นอกจากกิจการทางสายสีเทาของลุงแล้ว เฮียยังดูแลกิจการของแด๊ดม๊าที่อยู่ในอังกฤษอีกด้วย นานทีปีหนถึงจะกลับมาบ้านสักครั้ง ต่อมาคือผม เค เป็นคนกลาง ตอนนี้ดูแลกิจการเฉพาะสถาบันหลักโรงเรียนและมหาลัยที่อยู่ในไทย รวมถึงมหาลัยที่ผมกำลังเรียนอยู่ตอนนี้ด้วยเช่นกัน ผมเรียนคณะบริหาร ร่วมกับเพื่อนรักในกลุ่มสามคน คือไอ้ไนท์ และไอ้ซัน ส่วนไอ้เคนที่กล่าวไปก่อนหน้า มันเรียนวิศวะคนเดียว และจริงๆ มีสมาชิกอีกคนแต่ผมขอข้ามไปละกัน อันที่จริงพวกเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับคณะที่เรียนสักเท่าไร เพราะพวกเราเน้นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมกันเอง ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมอยู่แล้ว บางทีเผลอๆ อาจจะรู้มากกว่าที่อาจารย์ในมหาลัยบางคนสอนซะอีก นอกจากนั้นพวกเราทุกคนต่างก็มีกิจการที่ทางบ้านส่งต่อให้รับผิดชอบกันทุกคน เพราะฉะนั้น การที่เราเรียนมหาลัยปีสาม ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่พวกเราทุกคนคือ นักธุรกิจในคราบนักศึกษานั่นเอง ใครๆ ต่างก็เรียกกลุ่มผมว่า เจ้าชายปีศาจ แต่ความจริงแล้วพวกเราก็แค่เป็นมนุษย์ธรรมดาที่ขยัน สมองไว รู้จักช่องทางการใช้ชีวิตและเอาตัวรอดในสังคมนี้ได้ดีกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง จนใครหลายๆ คนก็ขนานนามว่า กลุ่มของผมคือการรวมตัวกันของคนอัจฉริยะ รวยและมีอำนาจ ทุกคนในกลุ่มของผม เราคบกันตั้งแต่ประถม อาจจะมีบางช่วงตอนเด็กที่แต่ละคนแยกย้ายไปศึกษาต่างประเทศกันบ้าง แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ของเราก็ยังแน่นแฟ้นเหมือนเดิมจนถึงทุกวันนี้ ยกเว้นสมาชิกบางคนในกลุ่มที่ผมขอข้ามไปตั้งแต่แรก ถ้าพูดถึงกิจการที่เพื่อนผมแต่ละคนรับผิดชอบ หนักๆกันทั้งนั้น เพราะไอ้พวกนั้นไม่ได้มีแต่เพียงธุรกิจสีขาว แต่ยังต้องคุมธุรกิจสีเทาหรือเรียกง่ายๆ คือเป็นมาเฟียนั่นเอง มีเพียงผมคนเดียว ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายทางนี้ แต่ด้วยความที่เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ทำให้ผมต้องเข้าเรียนศิลปะการต่อสู้ การป้องกันตัวและการเอาตัวรอดเมื่อถูกลอบทำร้ายไปด้วยกันกับพวกมัน ใครหลายคนมองว่า ผมเป็นคนดีที่สุดของกลุ่ม อืม..มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าไม่มีใครมาปลุกความเป็นปีศาจในตัวผมซะก่อนและตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เพราะมันมีเรื่องให้ปีศาจร้ายในตัวผมมันโดนปลุกขึ้นมาแล้วล่ะ อีกไม่นานหรอก ปีศาจตัวนี้ก็คงจะตื่นขึ้นมา อีกไม่นาน..... มาที่คนสุดท้ายน้องสุดท้องกันดีกว่า ไอ้คิน คนที่ออกไปขับรถเล่นในเวลานี้นั่นเอง และยังมีตำแหน่งตัวแสบของบ้าน ที่ให้ม๊าบ่นได้ทุกวันและตอนนี้ม๊ากำลังยกกิจการสถาบันติวเตอร์ทั้งหมดในไทยให้มันไป ถึงมันจะทำตัวเหมือนเที่ยวเล่นไปวันๆ แต่บทจะจริงจังกับงานขึ้นมา ผมว่ามันก็ไม่แพ้พวกผมหรอกครับ “เหมือนมีใครบ่นถึงผมรึเปล่านะเมื่อกี้” “มาได้แล้วเหรอ ไม่ใช่เอารถเจ้าเคนไปชนใครมานะ” ม๊าของผมพูดพร้อมชี้หน้าน้องชายตัวดีของผมที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะอ้อมเข้าไปกอดม๊าอย่างออดอ้อน “ผมขับเล่นแค่ในบริเวณบ้านเอง กลัวสาวรอกินข้าวด้วยนาน ฟอดด ป่ะๆ ไปกินข้าวกันเถอะ” แล้วเย็นวันนี้ ก็เต็มไปด้วยบรรยากาศความสุขของครอบครัวผม เสียดายที่เฮียไคต้องไปทำงานที่นู้น นานๆ ทีจะได้กลับบ้านมา ถ้ากลับมารวมกันวันนี้คงมีภาพในความทรงจำที่ดีแน่ๆ มีทั้งเงิน ชื่อเสียง ความรักและพร้อมหน้าพร้อมตาของครอบครัว ภาพตรงหน้าผมตอนนี้เป็นภาพที่มีความสุขก็จริง แต่ใครจะรู้ว่ากว่าพวกท่านและผมจะมาอยู่ตรงจุดนี้ได้ ในอดีตเคยผ่านเรื่องที่แสนเลวร้ายมาขนาดไหน... . . . “คุณเคครับ นี่ข้อมูลที่สั่งเมื่อวันก่อนครับ” ธามหรือลูกน้องมือขวาของผม ส่งข้อมูลการประเมินคุณภาพครูของทุกโรงเรียนในเครือที่ผมทำการดูแลอยู่มาให้ ซึ่งตอนนี้มีทั้งหมดอยู่ 11 แห่ง ผมเชื่อว่าโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพ ต้องมาจากบุคลากรภายในโรงเรียนที่มีคุณภาพเช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นครู ผู้ให้ความรู้แก่อนาคตของชาติ เพราะฉะนั้นใครที่คิดจะมาเป็นอาจารย์หรือครูของโรงเรียนในเครือของผม ต้องมีคุณภาพและความสามารถในการเป็นครูที่แท้จริง ทุกปีนอกจากให้อาจารย์ประเมินกันเองแล้ว ทุกโรงเรียนผมจะแฝงบุคลากรเข้าไปสอดแนม ไม่ว่าจะอยู่ในนาม แม่บ้าน ภารโรง ยามหรือแม้กระทั่งนักเรียน บุคลากรทุกคน ไม่ว่าจะครู พนักงาน แม่บ้านหรือยาม อย่าหวังที่จะทำอะไรสกปรก อู้งานหรือคิดโกง เพราะไม่มีวันรอดสายตาผมไปได้อย่างแน่นอน ด้วยชื่อเสียงเรื่องนี้ ทำให้โรงเรียนของผมถึงจะมีค่าใช้จ่ายสูงแค่ไหน ผู้ปกครองทุกคนต่างก็อยากส่งลูกหลานมาเรียนกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นโรงเรียนในเครือของผมทั้งหมด ต้องจองเข้าเรียนล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งปี โดยเฉพาะอนุบาลที่ต้องจองล่วงหน้าสองปี ผมหยิบรายงานมาเปิดอ่านไปมาอย่างตั้งใจ ค่อยๆไล่ไปทีละหน้าอย่างใจเย็น ซึ่งพบว่า ปีนี้ทุกโรงเรียนคุณภาพดีขึ้นไม่ก็คงที่ยกเว้นอยู่ที่หนึ่ง ผมเปิดรายงานที่แสดงกราฟการประเมินที่ดิ่งลง แล้วส่งให้ธามดูพร้อมมองหน้ามัน “ได้ข่าวว่า มีการติดสินบนการให้คะแนนระหว่างครูกับผู้ปกครองของเด็กนักเรียน” ธามกล่าวออกมาอย่างรู้ใจว่าผมต้องการจะฟังอะไร แม้จะไม่ได้ปริปากออกมาสักคำ “ไล่ออก” ผมปิดเอกสารทั้งหมดลง ก่อนจะปัดมือให้ลูกน้องของผมออกจากห้องไป ไล่ออก...นั่นอาจจะเป็นการลงโทษที่ธรรมดาทั่วไป แต่ไม่ใช่การไล่ออกในฐานะครูหรือบุคลากรของโรงเรียนในเครือ GBrain แน่นอน เพราะหลังจากนี้ ครูคนนั้นจะกลายเป็นบุคคลติด blacklist ไปเรียบร้อย นอกจากจะไม่ได้ทำอาชีพครูในทุกโรงเรียนอีกต่อไปแล้ว บริษัทในเครือของไอ้ไนท์ ไอ้เคน ไอ้ซัน ก็ไม่สามารถเข้าทำงานได้เช่นกัน ซึ่งบริษัทไอ้สามคนนั้น ก็ปาไปเกือบหนึ่งในสี่ของประเทศแล้วละ คิดจะมาเป็นบุคลากรของผม ไม่มีคุณภาพจริง อย่ากล้ามาเป็น ไม่งั้นชีวิตคุณอาจจะได้รู้จักกับคำว่าลำบากที่แท้จริง แต่กลับกันถ้าหากคุณมีคุณภาพมากพอ คุณก็จะได้รู้ถึงความสบายที่แท้จริงเช่นกัน.. สิ้นเสียงประตูห้องปิดลง ผมเงยหน้าพิงพนักเก้าอี้ใหญ่ เพื่อพักสายตาสักครู่ เพราะวันนี้ทั้งวันผมดูเอกสารค่อนข้างเยอะ ทั้งยังจ้องหน้าคอมกับการพยายามหาวิธีแฮกข้อมูลบางอย่างจนเหนื่อยล้า อีกไม่กี่เดือนสินะ หึหึ.. . . . ณ ผับ Demon ผับนี้เป็นของเพื่อนผมเอง ผับไอ้ซันและห้อง VIP1 เป็นที่ประจำของกลุ่มผมที่ต้องมาเจอเพื่ออัพเดทเรื่องราวทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนกัน แต่ดูแล้ววันนี้คงชวด เพราะไม่ทันได้พูดคุยสักเท่าไร ไอ้พวกเพื่อนเวรพวกนี้ก็สั่งผู้หญิงมานั่งประกบรายคนกันเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ ผมก็ต้องหยุดการสนทนาชั่วคราว แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบโน๊ตบุ๊คคู่ใจ ลงมือเขียนโปรแกรม งานอดิเรกของผมเมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางเพื่อนรักที่นั่งคั่วสาวข้างกายที่ผมเห็นจนชินตา ผมเพิ่งเริ่มศึกษาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ได้ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโปรแกรม หรือการแฮกระบบ จนใครหลายคนก็ขนานนามให้ผมว่า อัจฉริยะทางด้านซอฟต์แวร์ แต่อันที่จริงมันมีที่มา ว่าทำไมผมถึงเริ่มสนใจ.. แน่นอน มันไม่ได้มาจากความชอบหรอก.. “ไอ้เค มึงไม่สนใจทำแบบกูบ้างเหรอ? มันดีนะเว้ย!” ขณะที่ผมกำลังจดจ่อกับโปรแกรมตรงหน้า เสียงไอ้ซัน คนที่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า หิ้วผู้หญิงไม่ซ้ำวัน ก็เอ่ยออกมาด้วยสายตากวนตีนพร้อมกับมือของมันที่อยู่ไม่นิ่ง ทั้งบีบและวนไปวนมาแถวส่วนที่เนินนูนของผู้หญิงข้างกายอย่างไม่แคร์สายตาของใครในห้อง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันพูดประโยคแนวนี้ออกมาและทุกครั้งผมก็ทำเช่นเดิม คือมองหน้ามันนิ่งๆ ก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งตรงหน้าต่ออย่างไม่แยแสกับสิ่งที่มันพูด “กูเริ่มกลัวว่ามึงจะเป็นเกย์ไปจริงๆ แล้วนะเนี่ย แต่เอาเถอะถึงยังไงมึงก็เพื่อนกู” ไม่นานเสียงไอ้ไนท์ก็ตามมาสมทบอีกคน พร้อมกับเอื้อมมือมาตบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ แต่ผมมองว่ามันกวนตีนผมมากกว่า ไอ้นี่กวนตีนทุกคนไปเรื่อย แต่เอาจริงๆ ผมว่าก็เป็นกันทั้งกลุ่มนั่นล่ะ “ของไม่ได้ใช้เลย ระวังมันจะพังนะเว้ย” และสุดท้ายเสียงของเพื่อนรักของผมอีกคน ไอ้เคน ก็ไม่พลาดที่จะพูดออกมาร่วมอุดมการณ์ของเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ผมทำเพียงเงยหน้ามองพวกมัน แล้วก็พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “สัส!!” ก่อนจะก้มลงไปเขียนโปรแกรมต่อ นี่ล่ะครับ เพื่อนผมแต่ละคน มีอันต้องแขวะผมเรื่องนี้ทุกครั้ง แต่ผมก็ชินแล้วและไม่ได้ใส่ใจ เพราะผมก็มีอุดมการณ์ของผมเองที่หนักแน่นเช่นกัน อารมณ์เรื่องแบบนี้ผมก็มี แต่ผมไม่สามารถที่จะทำกิจกรรมบนเตียงกับผู้หญิงที่เพียงต้องการ one night stand หรือผู้หญิงหิวเงินที่โดนจ้างมา หรือผู้หญิงที่ต้องการผมแค่ภายนอกแบบฉาบฉวยหรือผู้หญิงแบบไหนก็ได้ ที่ปราศจากความรัก ทั้งทางผมและทั้งทางเธอคนนั้น ที่ผ่านมาผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจเลยสักคน นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ไอ้พวกเพื่อนเวรผมเอ่ยประโยคก่อนหน้านี้ออกมา แต่ก็อย่างที่บอก ผมไม่สน เอาเวลาไปโฟกัสกับงาน ลูกน้องผม แล้วก็เป้าหมายบางอย่างในอนาคตของผมก็เพียงพอแล้ว “จริงๆมึงเอาไปซ้อมๆ ก่อนก็ได้ ของจริงมึงจะได้ทำเป็นไง ครั้งแรกมาแบบเด็กน้อย อายสาวนะโว๊ยย” ไอ้ซัน เพื่อนเวรมันยังคงพูดจาหวังดีกับผมต่อ “เออ ไม่ใช่จะทำ แล้วมาปรึกษาพวกกูนะ” ไอ้ไนท์หันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าขบขันเล็กน้อย “พวกมึงอย่าไปดูถูกมันนะเว้ย ใครจะไปรู้ มันอาจจะโหดกว่าพวกมึงก็ได้ ใช่ป่ะไอ้เค หึหึ” ไอ้เคนพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มเหยาะ ซึ่งผมก็รู้ว่ามันไม่ได้คิดแบบที่พูดหรอก ผมชินแล้วล่ะ ไอ้สามตัวนี้มันคะยั้นคะยอให้ผมเป็นแบบพวกมันเสมอ ไม่ก็พูดดูถูกปั่นประสาทผม แต่เสียใจ ผมไม่โง่เดินตามเกมพวกมันหรอก “ไร้สาระ” ผมพูดนิ่งๆ ก่อนก้มลงไปเขียนโปรแกรมต่อ “สัส ใจแข็งฉิบหาย นี่กูมีเพื่อนเป็นคนหรือเป็นหินกันวะ ฮ่าๆ” “กูว่าพูดไปเปล่าประโยชน์ว่ะไอ้ซัน รอแม่งมันเจอนางในฝันของมันก่อน ตอนนั้นค่อยรอมันคลานเข่ามาขอคำปรึกษาจากพวกเราแล้วกัน ฮ่าๆ” ผมทำเพียงปรายหางตาไปมองไอ้ไนท์ ก่อนจะกลับไปจ้องหน้าจอต่อ “กูอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ ว่ะ” ไอ้เคนพูดสมทบมาก่อน ก่อนจะหันไปสนใจผู้หญิงข้างๆ ต่อ มันจะมีจริงเหรอ ผู้หญิงที่ทำให้ผมต้องยอมมาคลานเข่าไปขอร้องพวกมัน..ไร้สาระสิ้นดี
已经是最新一章了
加载中