ตอนที่ 3
“พี่พลอย กลับมาก็ดีเลย มาดูนี่เร็ว” ทันทีที่ฉันกลับมาถึงบ้าน เสียงของน้องสาวฉันก็เรียกมาแต่ไกล พร้อมกวักมือไวๆ ให้ฉันไปนั่งข้างๆ ตรงโซฟาที่เธอนั่งอยู่
พิงค์เป็นน้องสาวต่างมารดา แต่ความสัมพันธ์ของเรา เหมือนพี่น้องคลานตามกันมาก็ไม่ปาน
ฉันเป็นพี่ก็จริง แต่ถ้าตามหลักแล้วคนที่มาทีหลังคือแม่ของฉันเอง แม่เป็นแฟนเก่าของพ่อ หลังเลิกกันได้ปีกว่าๆ พ่อก็แต่งงานกับแม่ของพิงค์ มันไม่ได้เป็นความผิดของใคร เพราะทั้งพ่อและแม่ต่างเลิกรักกันแล้ว และจากกันด้วยดี ติดตรงที่แม่ไม่บอกพ่อว่ามีฉันอยู่ในท้องขณะนั้นนั่นเอง
แต่สุดท้ายความก็แตก เมื่อแม่ของฉันไม่มีเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลอาการป่วยของฉันตอนฉันยังเป็นเด็ก ทำให้แม่ต้องมาขออ้างสิทธิ์ความเป็นพ่อช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย
พ่อให้ความช่วยเหลือเต็มที่ รวมถึงแม่ใหญ่ แม่ของพิงค์ด้วย ท่านเป็นคนจิตใจดี ไม่ได้คิดว่าฉันคือลูกของแฟนเก่าหรืออย่างไร พวกท่านสมทบเงินจนอาการป่วยของฉันหายเป็นปกติ และยังให้ฉันกับแม่เข้ามาอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันอีก แม่ฉันไม่อยากให้ฉันขาดพ่อและเรื่องค่าใช้จ่ายก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่คนเป็นแม่ต้องการให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด ทำให้แม่ตัดสินใจพาฉันเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยกัน แต่แม่ขอแยกอยู่โดยไปอยู่ตัวบ้านหลังเล็กในบริเวณเดียวกัน เพราะยังไงตอนนี้พ่อและแม่ก็มีสถานะเพียงเพื่อนเท่านั้น การอยู่บ้านหลังเดียวกันแม่ฉันมองว่าไม่เหมาะสมเท่าที่ควร ซึ่งอีกฝ่ายก็เห็นสมควรตามนั้น แต่เพิ่มเติมให้มีทางเชื่อมจากบ้านใหญ่ไปสู่บ้านเล็กได้ ภายในอาคาร
พ่อฉันถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมพอสมควร ทำให้แม่เลือกที่จะขอร้องพ่อว่า เรื่องฉันเป็นลูกให้เก็บเป็นความลับ เพราะฉะนั้นในสื่อ พ่อจะมีลูกเพียงคนเดียวคือยัยพิงค์ ส่วนนามสกุลฉันก็ไม่ได้ใช้ของพ่อ ฉันก็ไม่ได้ติดขัดอะไร มันก็แค่ภายนอก แต่การกระทำนั่นสำคัญกว่า
ที่ผ่านมาพ่อและแม่ใหญ่เลี้ยงดูฉันไม่ต่างจากที่เลี้ยงยัยพิงค์แม้แต่น้อย และแม่ใหญ่ยังปฏิบัติกับฉันเสมือนลูกแท้ๆ อีกคน จนฉันอดซาบซึ้งไม่ได้
แต่ก็มีช่วงหนึ่งในวัยเด็ก ที่ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมฉันมีแม่สองคนและคนที่เข้ามาทีหลังก็คือแม่ของฉัน มันทำให้ฉันน้อยใจและเกิดปมเล็กๆ ว่าฉันคือลูกเมียน้อย รวมถึงโดนเพื่อนร่วมชั้นล้อเลียนอีก แต่ยัยพิงค์ก็เป็นคนปกป้องฉันมาตลอด เพราะพิงค์เป็นคนที่เข้มแข็งซึ่งแตกต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง แต่พอโตมาฉันก็เริ่มได้ความแกร่งมาจากยัยพิงค์ติดตัวอยู่บ้าง
ความสัมพันธ์ของครอบครัวฉันอาจจะผิดแผกไปจากครอบครัวคนอื่น แต่กาลเวลาได้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า ครอบครัวฉันไม่ได้แปลก แต่เป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น และการมีแม่สองคนไม่ได้เป็นเรื่องน่าอาย แต่กลับเป็นความอบอุ่นคูณสองมากกว่า
“มีอะไรหรอ พิงค์” ฉันเดินตรงไปหาพิงค์ที่เรียกฉันก่อนหน้านี้
“นี่ๆ เฮียเคของพี่พลอยไง ดูสิมีคนถ่ายมา ขนาดเผลอยังหล่อเลย อ่ะๆ เดี๋ยวส่งภาพไปให้นะ”
“แกนี่มันหูตาเยอะจริงๆ สมกับเป็นน้องรักของพี่ ..ไหนอะ พี่ไม่เห็นได้รูปเลย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ยัยพิงค์จะส่งรูปแอบถ่ายเฮียเคให้ฉัน มันเป็นคนสังคมเยอะ ทำให้ได้รูปมาง่าย ต่างจากฉัน แค่เจอตัวจริงยังยากเลย จะเอาอะไรกับรูปถ่ายของเขาละ
“ส่งแล้วๆ ใจเย็นๆ สิเจ้”
ฉันมองดูรูปเฮียเคในมือถือ จนเผลออมยิ้มไม่ได้ ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น มันก็ผ่านมา 4 ปีแล้ว แต่ความรู้สึกในหัวใจ มันเหมือนเพิ่งผ่านมา 4 วินาทีเอง
ฉันยังคงใจเต้นแรงเสมอ กับผู้ชายคนนี้ แม้จะมองผ่านเพียงภาพบนหน้าจอสมาร์ทโฟนก็ตาม
และเรื่องนี้ก็มีเพียงยัยพิงค์คนเดียวที่รู้ ว่าเฮียเค คือรักแรกของฉัน และยังรักมาจนถึงทุกวันนี้
“นี่ พี่พลอยทนมาได้ไง ตั้งหลายปี ทำไมไม่รุกเข้าไปจีบเลย มหาลัยก็อยู่ที่เดียวกัน ..พิงค์นะ อุตส่าห์ยุพ่อให้ส่งพี่เรียนที่นี่เพื่อจะได้เจอเฮียเค แต่นี่ก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว ไม่มีความคืบหน้าอะไรเล้ยยยย ถ้าเป็นพิงค์นะ จับทุบหัวลากเข้าห้องตั้งแต่วันแรกที่เหยียบมหาลัยแล้ว”
พิงค์เป็นสาวแรงๆ หน่อยแต่ก็ไม่ได้มั่วผู้ชาย หรือบ้าผู้ชายอย่างที่เธอแสดงออกหรอก เธอเป็นคนตรงๆ คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น เป็นคนก๋ากั่น กล้าได้กล้าเสีย ต่างกับฉัน ที่เป็นคนเรียบร้อย อ่อนไหวง่าย ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงไม่กล้าสู้ใคร แต่ถ้าเดี๋ยวนี้ ใครคิดจะมารังแกฉัน ฉันคิดว่าฉันก็น่าจะสามารถร้ายตอบได้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของคนตรงหน้าฉันตอนนี้ละมั้ง ก็อย่างว่าแหละ เราอยู่ใกล้ๆ ใครนิสัยมันก็ต้องซึบซับกันมาบ้างเป็นธรรมดา
“จะบ้าเหรอ แค่นี้ พี่ก็พอใจแล้ว”
“ก็เป็นซะแบบนี้ แล้วเมื่อไรเจ้จะจับเฮียเคได้สักทีเนี่ย!”
“จับเจิบอะไร น่าเกลียด ..ไม่คุยด้วยละ ไปอาบน้ำดีกว่า”
ฉันรีบเดินออกจากตรงนั้นด้วยความเขินอาย พร้อมได้ยินเสียงหัวเราะของยัยพิงค์ไล่หลังมา
“ฟอดดดด แก้มของแม่อร สดชื่นจริงๆ เลย”
“ซนจริงๆ ทำตัวเป็นลูกลิงไปได้ ..แล้วเป็นไงบ้าง เรียนวันนี้สนุกมั้ย” แม่อรหรือแม่แท้ๆ ของฉัน ละจากการทำขนมไทยตรงหน้า แล้วหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล สมกับเป็นกุลสตรีไทยอันดับหนึ่งในใจฉัน
“ก็สนุกดีค่ะ ส่วนเรื่องซนนั้น ถ้าพลอยเป็นลูกลิง ยัยพิงค์ก็คงเป็นทวดลิงแล้วล่ะค่ะ”
“มันน่าตีนักเชียว แม่พูดถึงลูกอยู่ยังไปพาดพิงคนอื่นอีก”
“ฮ่าๆ ว่าแต่แม่ทำอะไรอยู่หรอคะ” ฉันพูดพร้อมมองวัตถุดิบที่กองอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว
“ขนมทองเอกน่ะ เห็นคุณจิตบอกว่าอยากทาน” คุณจิตที่ว่าก็คือแม่ใหญ่ แม่ของพิงค์นั่นเอง
“พอดีเลย พลอยจะขอเปลือกไข่หน่อย เพิ่งไปเจอการประยุกต์เอาเปลือกไข่มาทำเป็นกระถาง พลอยจะเอามาทำคลิปซะหน่อย”
นอกจากฉันจะเป็นนักศึกษาปี 2 คณะวารสารศาสตร์ มหาลัย SIANTA แล้ว ฉันยังมีอีกบทบาทหนึ่ง คือ ยูทูปเบอร์ หรือ การสร้างเนื้อหาในรูปแบบวิดีโอแล้วเอาไปวางไว้ในเว็บยูทูปนั่นเอง
เรื่องมันเกิดมาจากเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากฉันเป็นคนชอบประดิษฐ์สิ่งของต่างๆเอง ทั้งสมุด รองเท้า กระเป๋า จนเพื่อนๆ มาขอขั้นตอนการทำกันเยอะมาก แรกๆ ฉันก็บอกเป็นรายบุคคล แต่หลังๆ คนที่อยากรู้เริ่มเยอะมากขึ้นจนฉันบอกไม่ไหว ฉันเลยอัดเป็นวีดีโอแล้วส่งให้เพื่อนดูแทน เพื่อนฉันเลยแนะนำให้เอาลงยูทูป ฉันเลยลองทำดู ปรากฏว่ากระแสตอบรับดีเกินคาด มันดีถึงขนาดที่ว่าทำให้ฉันมีรายได้เข้ากระเป๋าตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาคุณพ่ออีกเลย
“งั้นฝากพลอยจัดการส่วนของไข่หน่อยละกัน แม่ขอไปเตรียมถั่วก่อน”
“จัดไปค่า” ฉันบรรจงล้างมือเรียบร้อย ก่อนจะค่อยๆ ตอกไข่ออกมาตรงปลายมน แล้วแยกเปลือกไข่ ไข่แดงและไข่ขาวออกจากกัน
อืม..ไข่ขาวก็ไม่ได้ใช้.. งั้นขอเป็นอีกคอนเทนท์เลยละกัน
ฉันจัดการขอไข่ขาวที่ไม่ได้ใช้จากแม่เป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะเริ่มเปิดกล้องแล้วถ่ายวีดีโอ
“สวัสดีค่ะ วันนี้มาพบกับพลอยใสเอง.. พอดีว่าวันนี้แม่พลอยทำขนมทองเอก แล้วมันใช้แต่ไข่แดง พลอยเลยมีของเหลือใช้ตั้งสองอย่างแน่ะ นั่นก็คือ ไข่ขาวและเปลือกไข่...” ฉันพูดหน้ากล้องด้วยความเคยชิน เพราะทำมาเป็นปีแล้ว พร้อมลงมือจับนู่นจับนี่ทำอย่างธรรมชาติ
“..แต่นแต๊น ใครจะไปรู้ว่าไข่ขาวใสๆ เหลวๆ นั้นสุดท้ายจะกลายมาเป็นขนมปังไข่ขาวที่น่ากินแบบนี้ รสชาติก็อร่อยด้วยนะ เหมาะมากๆ เลยสำหรับใครที่อยากลดความอ้วน ไม่มีน้ำตาลไม่มีแป้งไม่มีคอเลสเตอรอล แถมยังอร่อยอีกด้วย ส่วนไข่ขาวที่เหลืออยู่นี่กับเปลือกไข่ จะเอาไปทำอะไรต่อนั้น ติดตามได้ในคลิปต่อไป ..อย่าลืม subscribe ให้ด้วยน้าา ..วันนี้พอแค่นี้ก่อน ..บายๆค่าา”
ฉันกดปิดวิดีโอที่อัดเรียบร้อย ก่อนจะเริ่มอัดใหม่ คือเอาไข่ขาวมาทำที่มาส์กสิวเสี้ยนและเปลือกไข่เอามาทำกระถางต้นไม้ตกแต่งในบ้าน
เท่านี้ฉันก็มีคอนเทนท์ให้ลง สามคลิปแล้ว ได้พักไปหลายวันเลย
“เหนื่อยมั้ยลูก” แม่ที่ดูฉันพูดอยู่คนเดียวมาเป็นเวลานาน ก็ถามออกมาพร้อมลูบหัวฉันไปมา
“ไม่เหนื่อยค่าาา ไหนน ขอชิมขนมทองเอกฝีมือแม่อรหน่อยสิ” ฉันเอื้อมไปหยิบขนมทองเอกที่แม่ทำเสร็จพอดี
เพี้ยะ!
ยังไม่ทันที่จะเอื้อมไปหยิบขนมในจาน ฝ่ามืออรหันต์ก็ประทับมาตรงมือฉันซะก่อน
“มือไปจับเศษดินมาอยู่หยกๆ ยังจะมาหยิบกินอีกนะ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเลย มอมแมมหมดแล้ว นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้วด้วย ไว้รอกินมื้อเย็นพร้อมบ้านหลังโน้นเลยแล้วกัน”
“ค่าาา” ฉันพูดจบก็วิ่งขึ้นไปอาบน้ำตามคำสั่งคุณแม่ทันที
ทุกเย็น ทางบ้านฉันและบ้านพิงค์ จะไปกินข้าวเย็นที่บ้านใหญ่ทุกวัน นี่ล่ะ ที่ฉันบอกว่า สถานะไม่สำคัญเพราะตอนนี้ฉันมีครอบครัวหลังใหญ่ที่อบอุ่นมากถึงสองหลังเลยล่ะ
.
.
.
ครบหนึ่งร้อยรูปแล้วหรอเนี่ย
ตอนนี้ฉัน กำลังเซฟรูปที่ยัยพิงค์ส่งให้เมื่อตอนบ่าย เข้าอัลบัมรูปในมือถือ
‘you’re my hero’
บางคนอาจจะมอง แค่หนึ่งร้อยรูปเองแต่ถ้าสำหรับเฮียเค มันไม่ใช่แค่มันเป็นตั้งหนึ่งร้อยรูปมากกว่า
เพราะสมาชิกในกลุ่มเฮียทุกคน โดยเฉพาะเฮียเคไม่ชอบออกสื่อใดๆ ทั้งสิ้น รูปถ่ายแทบไม่มี เท่าที่ฉันเคยได้ยินนะ ถ้าหากมีลงเมื่อไรเฮียเคก็เจาะข้อมูลไปลบโดยเฉพาะเลยล่ะ อีกไม่นานรูปนี้อาจจะโดนลบฉันต้องบันทึกไว้ก่อน
ฉันนั่งเปิดเลื่อนดูรูปไปมา ฉันมีรูปตั้งแต่ที่เฮียอยู่ ม.ปลาย ก็ช่วงที่เขามาช่วยฉันนั่นล่ะ จนมาถึงรูปปัจจุบันนี้
เขาดูไม่เปลี่ยนไปเท่าไร เปลี่ยนแค่ทรงผมและกล้ามเนื้อที่ดูแน่นมากขึ้น
หลังจากดูรูปครบแล้ว ฉันก็เปลี่ยนไปหยิบสมุดสีชมพูหวานแหววที่ทำเองขึ้นมากอดไว้ พร้อมกันนอนหลับตาพริ้มก่อนจะหลับด้วยความสุขไปในที่สุด
.
.
.
“ลูกชะนีมาแล้ววว” ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปในห้องเรียนก่อนเวลาและเดินตรงไปยังกลุ่มเพื่อนของฉันที่นั่งอยู่กันครบ เสียงใหญ่ที่ถูกดัดก็กระแทกเข้ามาใส่หูฉันทันที
เจ้าของเสียงนั่นก็คือ กรหรือชื่อในวงการคือ เกรวี่ ใช่แล้ว มันเป็นสาวสวยในร่างผู้ชายนั่นเอง
“มีอะไรรึเปล่าเกรวี่”
“จะมีอะไรซะอีกละ ก็เรื่องเดิมๆ มีเพื่อนดังก็ต้องทำใจ ฮ่าๆ” เพื่อนฉันอีกคน ชื่อลูกศรหรือเรียกสั้นๆ ว่าศร สาวเปรี้ยวคมเข้มที่สุดในกลุ่ม เอ่ยออกมา
เรื่องเดิมๆ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องผู้ชาย ตั้งแต่ที่ฉันทำคลิปนั่น ก็มักจะมีผู้ชายมาขายขนมจีบผ่านยัยเกรวี่หรือเพื่อนๆ ฉันเสมอ ส่งของมาให้บ้างละ ดอกไม้บ้างละ ฉันก็รับเอาไว้ เพราะยังไงก็มองว่าเป็นแฟนคลับ แต่บางรายก็มาขอเบอร์โทรหรือรุกเข้ามาอย่างจริงจัง ฉันก็ย้ำกับเพื่อนทุกคนว่าห้ามเด็ดขาด ห้ามสานความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น
“เออ เรื่องเดิมๆ คนเดิมๆ เอาไปย่ะ อีลูกชะนี” เกรวี่ยื่นช็อกโกแลตรูปหัวใจกล่องใหญ่พร้อมการ์ดใบเล็กๆ ส่งมาให้ฉัน แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะหยิบ ก็โดนเพื่อนตัวแสบของฉันอีกคนคว้าไปซะก่อน
“ไหนๆ มีข้อความด้วย ขออ่านหน่อย อะแฮ่มๆ ..
ช่วงนี้พี่งานยุ่ง ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ค่อยได้มาหา ..
คิดถึง ...ลี..
ปล. ตอนนี้พี่อยู่เกาหลีเลยซื้อช็อกโกแลตมาฝาก หวังว่าจะชอบนะครับ”
“อ่อ ที่แท้ก็พี่ลีนี่เอง นึกว่าหนุ่มที่ไหนซะอีก” ทันทีที่ยัยมินเพื่อนฉันอีกคนอ่านการ์ดจบยัยศรก็แทรกมาทันที
“โอ๊ยย หลัวฉัน ทำไมแสนดียังงี้อ่าาา ..แกไปเจอเขามาเหรอ อีตุ๊ด!”
มินพูดออกมาด้วยความเคลิบเคลิ้มก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงกระแทกกระทั้นใส่เกรวี่
“ได้เจอก็ดีสิ อิดอก ก็ตอนรอพวกแกที่หน้าห้องนั่นล่ะ ..มีคนฝากเอามาให้แก ฉันก็เลยรับไว้แทน.. ช่วงนี้พี่ลีคงงานยุ่งจริงๆ อะแหละ ไม่เห็นพี่ลีมาส่งแกหลายวันแล้วนิ ฉันก็นึกว่าจะท้อใจเลิกจีบแกแล้วซะอีก.. อืม รสนี้อร่อยนี่แฮะ ..รสอะไรวะ..” เกรวี่พ่นออกมายาวเหยียดใส่ฉันพร้อมกับจัดการช็อกโกแลตที่ฉันเพิ่งได้มาหยกๆ เข้าปากเรียบร้อยและหยิบกล่องมาอ่านรสชาติของช็อกโกแลตด้วยใบหน้าจริงจัง ก่อนจะเริ่มหยิบชิ้นที่สองเข้าปากต่อ
“อืม”
“อืม??…พี่ลีส่งของมาให้ แถมอร่อยขนาดนี้ มึงพูดแค่ว่า อืมเนี่ยนะ!! นี่ถามจริง เมื่อไหร่มึงจะใจอ่อนกับพี่ลีวะ นี่ก็แสนดี๊แสนดี ดีจนกูละเสียดายของ หล่อก็หล่อ รวยก็รวย ไม่น่ารสนิยม......ดีขนาดนี้เลยยย แหะๆ” ยัยเกรวี่บ่นกระปอดกระแปดใส่ฉัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันชินแล้วล่ะ ฉันเลยแกล้งดึงกล่องช็อกโกแลตที่มันกำลังหยิบชิ้นที่สามออกมา มาไว้กับตัวของฉันแทน
เปลี่ยนเป็นชมฉันขึ้นมาทันทีเลยนะ ยัยเกรวี่!
“เรื่องของกินปากหวานขึ้นมาเลยนะมึงง.. เออ แต่กูก็เห็นด้วยกับมันนะพลอย เมื่อไหร่แกจะใจอ่อนวะ” ทันทีที่ศรพูดจบ สายตาเพื่อนซี้ในมหาลัยแห่งนี้ทั้งสาม ก็จ้องคาดคั้นคำตอบจากฉันทันที
“ฉันคิดกับเขาได้แค่พี่ชายจริงๆ อะ” ฉันพูดออกมา อย่างที่ใจคิดจริงๆ เมื่อประมาณปีที่แล้ว ฉันได้เจอกับพี่ลี ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เขาเข้ามาทักทายฉันแล้วก็จีบฉันตั้งแต่วันนั้น เราสองคนเริ่มต้นคุยๆกัน ฉันคิดจะเปิดโอกาสให้กับเขานะ แต่สุดท้ายฉันก็รู้ว่าฉันไม่สามารถให้ใครมาแทนที่เฮียเคได้จริงๆ ฉันเลยขอให้เขาเป็นพี่ชายของฉันแทน
“หรือว่าแกมีคนที่ชอบแล้ว บอกมาเลยนะ” ยัยศรพูดตามที่สันนิษฐานออกมาอีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงนั่นล่ะ
“มะ ไม่มี จะบ้าเหรอ พวกแกก็เห็นว่าฉันมีแต่เรียนกับทำคลิป เอาเวลาไหนไปแอบชอบใคร”
นอกจากพิงค์แล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าฉันชอบเฮียเค รวมถึงเพื่อนในกลุ่มด้วย
ไม่ใช่ว่าฉันอยากมีความลับกับเพื่อนหรอกนะ แต่ฉันแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องน่าอาย คนอย่างฉันเนี่ยนะ กล้าไปรักคนอย่างเขา แถมยังเพ้อมาตั้งสี่ปี ฉันเลยคิดว่าแอบชอบอยู่เงียบๆ คนเดียวแบบนี้ ฉันก็มีความสุขแล้ว และที่สำคัญเพื่อนฉันนะ แซวเก่งงง ฉันเลยเลือกที่จะไม่พูดออกไปอะ ดีที่สุดละ
“ก็จริง อย่างยัยพลอย อีกไม่นานฉันว่ามันก็คงกลายเป็นแม่ชีแล้วแน่ๆ รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียนจริงๆ..อืม..อร่อยจริงด้วย” มินพูดขึ้นมาพร้อมแกะช็อกโกแลตไปกินด้วย
“ใครจะไปเหมือนแกล่ะยะ นังมิน บ้าผู้ชายไปวันๆ” ยัยเกรวี่หันไปพูดกับมินทันควันพร้อมดึงกล่องช็อกโกแลตกลับมาไว้ที่ตัวมันและเริ่มกินชิ้นต่อไป
“ใครๆ ก็ชอบกันทั้งนั้นมั้ยละ สมาชิกจากกลุ่มเจ้าชายปีศาจ หล่อแซ่บกันทู๊กคน ใครไม่บ้าผู้ชายกลุ่มนี้ ก็บ้าแล้ว” ยัยมินแก้ตัวทันที ซึ่งเป็นคำแก้ตัวที่เป็นเรื่องจริง กลุ่มของเฮียเคหล่อทุกคนจริงๆ แต่ใจฉันก็มีแค่คนเดียว
“ก็มียัยพลอยใสคนหนึ่งไง ที่ไม่ได้บ้าผู้ชายกลุ่มนี้ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเราเป็นตัวแทนแกเองนะ” ยัยศรพูดออกมา พร้อมตบลงบนหลังมือฉันเบาๆ เพื่อให้ฉันหายห่วง พร้อมกับร่วมวงกันกินช็อกโกแลตกับอีกสองคนด้วย
ฉันทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ ส่งไปเท่านั้น
เอือก..ฉันนี่แหละ คนบ้าตัวยงเลย!!!
“ยัยเกรวี่ สรุปพี่ลีซื้อให้ยัยพลอยหรือมึง แดกจนหมดกล่องแล้ว ยัยพลอยยังไม่ได้กินเลย!”
“เชี่ย หมดแล้วหรอวะ!..โอ๊ยยย..กูจะอ้วนมั้ยเนี่ย!!!”
นี่ละ คนรอบตัวฉันมีแต่คนดีๆ ทั้งนั้นเลย.. ฉันเลยกลายเป็นคนดี คนเรียบร้อยไปทันที เมื่ออยู่กับยัยพวกนี้
ส่วนเรื่องจริงฉันเป็นคนยังไงน่ะเหรอ อืม.. ก็คงดีแหละมั้ง?!