ตอนที่ 5
วันนี้ที่โรงเรียนได้รางวัล Best school of year ด้วยแหละ
...โรงเรียนของเฮีย
ดีใจด้วยนะคะ กับความประสบความสำเร็จอีกขั้น
โอ๊ยย.. ภูมิใจแทนพ่อแม่เฮียจังเลยย
\\ (◕‿◕) /
วันนี้ไปทำบุญมา เอาบุญมาฝากเฮียนะ
เอ้าาาา.. รับด้วยยจ้าาาา
(シ◕ ▽ ◕)シ
คนอะไร เล่นบาสได้โคตรเท่ห์
ฉันจะคอยเชียร์เฮียอยู่ตรงนี้นะ
มดตัวเล็กๆ ในอัฒจรรย์จักรวาล
٩(◕ ◡ ◕)۶
วันนี้เจอแมวตัวนึงในซอยที่เราเจอกันครั้งแรกด้วยละ
มันน่ารักมาก ก็เลยเอามาเลี้ยง
มันชื่อว่า... รักแรก ...
รักแรกเป็น..ลูก ฉันเป็น..แม่ ส่วนเฮียก็เป็น..พ่อ
งื้อออออ
o( /// )o
ไม่เคยเบื่อที่จะเขียนบันทึกนี้เลย
เหมือนที่ไม่เคยเบื่อที่จะคิดถึงเฮียเช่นกัน ...ง่อววว
(◕ ‿ ◕)
สุขสันต์วันเกิดนะคะ..เฮียเค
แม้เฮียจะกินเหล้า ก็ขอให้สุขภาพแข็งแรง
แม้เฮียจะไม่ยิ้ม ก็ขอให้มีความสุขในทุกวัน
แม้เฮียจะเก่งอยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จกว่านี้
แม้เฮียจะมีคนรักเยอะแล้ว ก็ขอให้มีคนรักเพิ่มไปอีก
ส่วนฉัน..ก็จะรักเฮียแบบนี้ตลอดไป
✿◕ ‿ ◕✿
วันนี้วันสุดท้ายที่เฮียจะเรียนที่นี่
หลังจากนี้ฉันจะไม่เจอเฮียแล้วเหรอ
ไม่เป็นไร ส่องรูปเอาก็ได้ เพราะฉันมีรูปเฮียเป็นอัลบัมเลยล่ะ คริคริ
(* ◡‿◡ *)
การได้คิดถึง ก็เหมือนเขาอยู่ใกล้ฉันตลอดเวลา
ขอบคุณนะคะ ที่อยู่ข้างๆ กันแบบนี้
(。﹏วันนี้เป็นวันแรกที่มาเรียนที่นี่
ตึกข้างๆ คือตึกบริหารที่เฮียเรียนอยู่
หวังว่าสักวัน เราจะได้พบกันนะคะ my hero
。◕‿◕。
นี่ก็เป็นเวลา 3 วันแล้ว ที่ผมนั่งอ่านสมุดเล่มนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทุกครั้งที่อ่าน ไม่รู้ทำไมผมต้องเผลอยิ้มไปกับข้อความสั้นๆ ผ่านลายมือสวยๆ ที่บันทึกเกี่ยวกับผมนั่น
เจ้าของสมุดเล่มนี้แอบรักผมมา 4 ปี โดยที่ไม่เคยแสดงตัวตนเลยแม้แต่นิดเดียว
ถึงผมไม่รู้ว่าหน้าตาเธอเป็นอย่างไร แต่ทุกข้อความที่ผมอ่าน ทำไมผมกลับเห็นเป็นภาพผู้หญิงลางๆ ที่มีรอยยิ้มที่สวยงามและสดใสกันนะ มันเป็นรักที่บริสุทธิ์ ผมรู้สึกได้
ดูจากบันทึกแล้ว ก็มีอยู่แค่เหตุการณ์เดียวที่ผมเจอเธอจังๆ
คือเหตุการณ์ที่เจอในซอย มันเป็นครั้งแรกที่เธอเจอผมและก็อาจจะเป็นครั้งแรกเช่นกันที่ผมเจอเธอ แต่ผมก็ไม่ทราบว่ามันคือเหตุการณ์อะไร แล้วทำไมผมถึงไปอยู่ตรงนั้น แล้วผมทำอะไรที่ทำให้เธอเริ่มเขียนบันทึกลงสมุดเล่มนี้ ผมพยายามนึก แต่ผมก็นึกไม่ออก
และเบาะแสจากบันทึกที่สำคัญที่สาวถึงเจ้าของสมุดนี้ได้ ก็คืออย่างแรก ตรงหน้าปกมุมขวาล่างเขียนว่า ‘memories of KPS’
KPS…ชื่อจริง นามสกุล ชื่อเล่น หรือนามแฝงเหรอ?
และเบาะแสที่สองคือ เธอเรียนมหาลัยเดียวกับผมและอยู่ตึกข้างๆ
ข้างๆ ตึกบริหาร น่ะเหรอ...
ข้างซ้ายเป็น วารสารศาสตร์
ข้างขวาเป็น บัญชี
เธอเรียนคณะไหนกันนะ
ดูจากวันที่ที่บันทึกแล้ว แสดงว่าตอนนี้เธอต้องอยู่ปีสอง..
ผมตัดสินใจหยิบโน๊ตบุ๊คคู่ใจ เปิดเข้าโปรแกรมที่ผมสร้างขึ้นมา พร้อมลงมือเขียนโปรแกรมทันที
ผมเขียนโปรแกรม กรองรายชื่อของทุกคนในคณะบัญชีและวารสารศาสตร์ ปีสอง ที่เป็นผู้หญิง โดยมีตัวอักษร K P S อยู่ในชื่อจริง นามสกุล ชื่อเล่น เรียงตามลำดับอักษรและเป็นคำเริ่มต้น
ผลออกมาปรากฏว่า.. ไม่มีรายชื่อใครในเคสนี้เลย
เห้อ!!
ผมปิดโน๊ตบุคลง แล้วมองไปยังสมุดเล่มนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงพักสายตา
เธอคือใครนะ KPS..
Ploysai Part
“ดอกไม้สวยสำหรับยูทูปเบอร์แสนสวย
ยินดีด้วยนะครับ สำหรับ ยอด subscribe ครบล้าน
..พี่ลี”
ยัยศรอ่านการ์ดที่มากับดอกไม้ช่อโต ที่มีคนมาส่งให้เมื่อสักครู่ ขณะที่ฉันและเพื่อนๆ กำลังนั่งทำรายงานอยู่ใต้ตึก
“โอ๊ยย นี่ก็ดีสม่ำเสมอ ดีจนกูสงสารรร” ยัยเกรวี่พูดขึ้นมาหลังจากยัยศรอ่านจบ
“เออ จริง กูบวกอีเกรวี่”
“กูก็บวกหนึ่งด้วย” เสียงยัยศรและยัยมิน พูดสมทบตามมาติดๆ
“เห้อ.. พวกแก ฉันก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ป่ะ คือฉันบอกเขาไปแล้วไงว่าคิดแค่พี่ชาย” ฉันพูดด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายไป ฉันก็อยากให้เขาไปเจอคนอื่นเหมือนกัน เพราะฉันก็สงสารเขาที่ต้องมาจมปลักกับผู้หญิงอย่างฉัน
“พี่ลีไม่ดีตรงไหนวะ เป็นหนุ่มไฟแรง ตั้งตัวได้ตั้งแต่อายุ 20 เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับพวกห้างสรรพสินค้าชั้นนำในไทยและต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะมาจากรุ่นพ่อแม่ แต่ก็เป็นเพราะความสามารถพี่แกด้วย ถึงได้ขยายกิจการได้เร็วแบบนี้” ยัยมินที่เป็นสายข้อมูลแน่น ก็พูดออกมาในทันที
“งานดีขนาดนี้ โคตรเสียดายเลย” ยัยศรพูดเสียงละห้อยตามมาอีกคน
“ถ้าฉันมีมดลูกนะ ฉันจะจับกินให้หมดทั้งตัว ไม่ให้เหลือแม้กระทั่งเส้นผมเลย” ยัยเกรวี่พูดขึ้นมา พร้อมทำหน้าตาจริงจังจนฉันอดที่จะขำออกมาไม่ได้
“กลัวแล้วจ้าาาา” ฉันพูดออกมาพร้อมกับขำไปด้วย
“จริงๆ พี่ลีนี่ก็สูสีพอๆ กับกลุ่มเจ้าชายปีศาจของเราเหมือนกันแฮะ”
“สู้ไม่ได้หรอก” ฉันพูดโพล่งออกมาทันทีที่ยัยศรพูดออกมา ทำให้ทุกคนหันควับมามองฉันเป็นตาเดียว
ก็แน่ล่ะ ปกติที่กลุ่มฉันพูดถึงกลุ่มนี้ ฉันจะเป็นคนเดียวที่นั่งเงียบที่สุด แล้วที่ว่าสู้ไม่ได้ก็เรื่องจริง เพราะยังไงเฮียเคก็อันดับหนึ่งในใจฉัน
“เออ..ก็สู้ไม่ได้จริงๆ นั่นล่ะ โดยเฉพาะพี่เค” เสียงยัยศรพูดออกมา ทำให้ทุกคนเลิกความสนใจจากฉันและกลับไปโฟกัสที่ประเด็นใหม่
“แต่ฉันชอบพี่ซันมากกว่า เสน่ห์แพรวพราว ยิ้มทีหนึ่งละลายอะแก พี่เคนะถึงจะหล่อแต่ฉันยังไม่เคยเห็นเขายิ้มเลยสักครั้ง” เสียงยังเกรวี่พูดขึ้นมา
“แต่ฉันชอบสายเถื่อนแบบพี่เคน ฉันอยากโดนทำร้ายร่างกายยย..แต่พี่ไนท์ก็โออยู่นะ เถื่อนรองลงมา” เสียงยัยมินแย้งเพิ่มประเด็นเข้ามาอีกครั้ง พร้อมทำสายตาที่เคลิบเคลิ้มกับจินตนาการของตัวเอง
แล้วไม่นานในวงสนทนาตอนนี้ ก็กลายเป็นสงครามย่อมๆ ในการเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ว่าใครงานดีที่สุดในกลุ่ม
“โอ๊ยย ไม่เถียงกับพวกแกแล้ว ให้ยัยลูกชะนีตัดสินดีกว่า ..แกคิดว่าใครน่ากินสุด!” ยัยเกรวี่หันมาถามฉันที่นั่งยิ้มกับพวกเพื่อนๆ ที่เถียงกันก่อนหน้านี้
แน่นอนสิ ก็ต้องเป็นเฮียเคอยู่แล้ว
“ก็ทุกคนนั้นแหละ..แต่ถ้ามากสุดฉันคิดว่า..”
“ว่าาาา” ทุกคนพูดพร้อมลุ้นตามฉัน นั่นทำให้ฉันอดที่จะยิ้มให้กับคำตอบตัวเองไม่ได้
“พี่เค..”
“ฮ่าๆๆ ฉันชนะ!” ยัยศรพูดออกมาพร้อมยื่นมือออกมาข้างหน้าเพื่อให้ฉันตบแท็กมือด้วย
แปะ
“ลูกชะนีของฉันร้ายใช่ย่อยนะยะ ทีก่อนหน้านี้เราเม้าท์มอยกัน นางนั่งเงียบมาตลอด ที่แท้ก็มีผู้ในใจกับเขาเหมือนกัน”
ฉันก็ทำเพียงแค่ส่งยิ้มไปให้เท่านั้น ฉันร้ายเหรอ ไม่นะ ฉันแค่รักนะแต่ไม่แสดงออกเท่านั้นเอง :D
.
.
.
“พลอยลูก มีแฟนกับเขาบ้างยังอะเรา”
พรวดด ฉันพุ่งน้ำที่กำลังดื่มทันที เมื่อได้ยินพ่อพูดขึ้นมากลางโต๊ะ ขณะกำลังกินข้าวเย็นกันอยู่
“ไม่มีหรอกค่ะพ่อ พี่พลอยเขารออยู่คนเดียว” ยัยพิงค์พูดขึ้นมาทันที โดยไม่รอโอกาสให้ฉันได้พูดและมองมาทางฉันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ฉันรีบสะกิดมันทันที
“หมายถึงรอว่าที่สามีในอนาคตอยู่น่ะค่ะ” ยัยพิงค์รีบเปลี่ยนคำพูด พร้อมกับหัวเราะเบาๆ มาทางฉัน
“จริงๆ ตาลีก็ดีนะ ช่วงนี้หายไปไหนซะละ”
“น่าจะงานยุ่งมั้งคะพ่อ”
“ดีตรงไหนคะพ่อ สายหนูบอกมา ว่าตาลีของพ่อเนี่ย เจ้าชู้สุดๆ” ยัยพิงค์พูดออกมาด้วยสีหน้าใส่อารมณ์และหนักแน่นในมูลข่าวที่ตัวเองได้ยินมาจริงๆ
“สายแกมั่วรึเปล่ายัยพิงค์” พ่อพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจในคำพูดของพิงค์มากนัก พร้อมกับยิ้มเอ็นดูให้ลูกสาวคนเล็ก
“จริงจริ๊งง ทำไมทุกคนทำหน้าไม่เชื่อหนูอย่างนั้นอะ” ยัยพิงค์พูดออกมาพร้อมเอามือกอดอกอย่างคนเอาแต่ใจและมีอาการงอนเล็กน้อยเมื่อบุพพาการีไม่เชื่อคำพูดของตนเองเลยสักคน
“แล้วสายของแกที่ว่า สายไหน” แม่ใหญ่พูดออกมาด้วยความขบขันในแววตาเล็กน้อยกับท่าทีของลูกตัวเอง
“สายวงในนี่ล่ะ ไม่รู้อะ ยังไงก็ไม่ได้ พี่พลอยอะของพิงค์ พิงค์หวง” ยัยพิงค์พูดขึ้นมา พร้อมเอามือมาคล้องตัวฉันอย่างหวงแหน มันทำให้ฉันอดจะยิ้มไม่ได้กับความดื้อและน่ารักของน้องสาวตัวเอง
“ฉันว่าแกไปใส่ร้ายคนอื่นเขา เพราะแกหวงพี่สาวแกซะมากกว่า” พ่อพูดออกมาด้วยแววตาขบขัน พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“ทำไมพิงค์พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อเลย เสียใจ” ยัยพิงค์พูดด้วยสีหน้าเง้างอนแต่สายตาก็แอบเหลือบมาทางทุกคนเป็นพักๆ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นร้องไห้แต่ไร้น้ำตาอีกครั้ง พวกเราทุกคนเห็นจนชินกับท่าทีเล่นเกินเบอร์ของเด็กแสบตัวน้อยในบ้านหลังนี้ ทำให้แทนที่จะปลอบใจ ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะขึ้นมาแทน
“ก็ดูสิ ซนยังกะลิง แสบก็ที่หนึ่ง หัดทำตัวให้เรียบร้อยเหมือนพี่แกบ้างนะ”
แม่ใหญ่บ่นออกมา แต่ก็ไม่ได้จริงจังมากนัก
“เรื่องตาลี พลอยก็ลองพิจารณาดูก่อนก็ได้ แม่ว่าเท่าที่ดูพี่เขาก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไรนะ“ แม่หันมาพูดกับฉัน ในขณะที่ยัยพิงค์กลับมาหน้าบูดบึ้งอีกครั้ง
“ค่ะ ไว้พลอยจะพิจารณาดูนะคะ” ฉันหันไปพูดกับทุกคนเพื่อให้สบายใจ แต่จริงๆ แล้วในใจไม่ได้คิดอย่างที่พูดเลยสักนิดเดียว
.
.
.
“พี่พลอย ไปบอกแบบนั้นกับพ่อแม่ทำไม ว่าจะเอาอีตาลีนั่นมาพิจารณา”
หลังกินข้าวเสร็จ ยัยพิงค์ก็มาขอนอนห้องฉัน ซึ่งมันเกิดขึ้นบ่อยจนฉันชินแล้ว
ยัยพิงค์ดูข้างนอกเหมือนแก่นเซี้ยว แต่จริงๆ แล้วเธอก็เหมือนเด็กที่ขี้อ้อนคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ก็พูดไปให้พวกท่านสบายใจเท่านั้นล่ะ”
“ตลอดอะพี่พลอย เป็นพิงค์หน่อยไม่ได้นะ พิงค์จะพูดขึ้นมากลางวงเลย ว่าถ้าพ่อกับแม่ชอบเขามากนัก ก็ไปเป็นแฟนเขาเองเลยสิ ชิ!“
เพี้ยะ
“แสบนักนะเรา” ฉันเอามือไปตีไหล่พิงค์เบาๆ ก่อนจะพูดแล้วหัวเราะออกมาอย่างไม่ได้จริงจังนัก
“รักแรก แกดูสิ แม่แกจะทิ้งพ่อแกแล้วไปหาพ่อใหม่ ทั้งๆ ที่ฉันก็บอกแล้วนะ ว่าอีตาคนนี้น่ะ นิสัยไม่ดี” ยัยพิงค์เปลี่ยนเป็นหันไปหาแมวของฉัน แล้วพูดขึ้นมา พร้อมอุ้มเจ้ารักแรกแมวที่ฉันเลี้ยงไว้มาแกว่งไปมา แต่สายตาก็เหลือบมามองที่ฉันเป็นระยะ กลายๆ ว่าพูดกับฉันนั่นเอง นั่นทำให้ฉันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“รักแรก ..ถ้าแม่แกมีพ่อใหม่จริงๆ แกต้องวิ่งไปข่วนหน้าเลยนะรู้มั้ย” ยัยพิงค์หันไปพูดกับแมวของฉันอีกครั้ง พร้อมเอาหน้าไปถูไถกับมัน ทั้งที่หน้ามันก็ดูไม่ได้เต็มใจสักนิดเดียว
ฉันก็ได้แต่ส่ายหัวไปมากับการกระทำของน้องสาวตัวดี ก่อนจะเดินไปอุ้มแมวกลับมาไว้ในอ้อมกอดของฉันบ้าง
“รักแรก แกไม่ได้มีพ่อใหม่แน่นอน พ่อแกจะมีแค่คนเดียว”
“โอ๊ยย เขินแทนรักแรกอ่าาา” ยัยพิงค์พูดพร้อมดิ้นไปดิ้นมา ก่อนจะชะเง้อคอไปตรงตำแหน่งเดิมๆ ที่เธอชอบหยิบมาแซว
“อ้าว..สมุดพี่พลอยหายไปไหนแล้วอะ” ยัยพิงค์เปลี่ยนเป็นลุกขึ้น เดินไปดูตรงจุดที่ปกติฉันจะวางสมุดไว้ ก็เพราะสมุดเล่มนี้ด้วยนี่แหละ ที่ทำให้ยัยพิงค์รู้ว่าฉันแอบชอบเฮียเค เพราะคืนหนึ่งที่เธอมานอนห้องฉัน แล้วเผลอไปอ่าน แล้วจากนั้นเธอก็คะยั้นคะยอให้ฉันเล่าเรื่องให้ฟัง จนละเอียดยิบ
“เห้อ.. อย่าพูดให้พี่ชอกช้ำใจเลย” ฉันพูดพร้อมวางรักแรกลง
“อย่าบอกนะ ว่า..มันหายไปแล้ว“
“อื้อ” ฉันล้มตัวลงนอน ผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ฉันก็ยังเศร้าอยู่เลย
แล้วสักพักยัยพิงค์ก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ ตัวฉัน
“หายได้ไงอะ แต่ช่างเถอะ พี่พลอยโอเคใช่มั้ย” ยัยพิงค์หันหน้ามาหาฉัน ฉันเลยหันหน้าไปหาแล้วยิ้มออกมา
“พี่โอเค มันก็แค่สมุดบันทึกเท่านั้นเอง”
“ใช่ มันก็แค่สมุดบันทึก ถ้าพ่อของรักแรกหายค่อยว่ากันอีกทีเนาะ”
“หึ แซวเก่งงง” ฉันเอื้อมมือไปยีผมน้องสาวที่ฉันรักคนนี้ด้วยความหมั่นไส้ทันที
“หัวยุ่งหมดแล้ว กล้าแกล้งพิงค์เหรอ แบบนี้ต้องโดน” แล้วยัยพิงค์ก็ลุกขึ้นมาจี้เอวฉันยกใหญ่
แล้วฉันก็สู้กลับเช่นกัน เราต่างเล่นและหัวเราะให้กันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่สุดท้ายเราก็นอนหลับไปทั้งคู่
นอกจากเฮียเคแล้ว ก็ครอบครัวของฉันทุกคนนี่แหละ ที่ฉันรักมากกว่าชีวิต