ตอนที่ 7
Ploysai Part
นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่ฉันก็ยังคงนอนซึมบนเตียงในยามค่ำคืนเช่นนี้เหมือนเดิม
บันทึกเล่มนั้นเป็นเหมือนส่วนนึงของฉัน มันคือสมองของหัวใจ
ที่ผ่านมาฉันเหมือนคนอกหักก็ไม่ปาน ตรงสมุดฉันไม่ใส่ชื่อจริง นามสกุล หรือชื่อเล่นไปด้วย คนที่เอาสมุดไป คงไม่รู้ว่าเจ้าของคือใคร แต่ถ้าอ่านเนื้อหาข้างใน คงรู้ว่าต้องเป็นใครสักคนที่อยู่ ปีสองคณะวารสารศาสตร์หรือบัญชีแน่นอน หวังว่าคนที่เอาไป จะมีความตั้งใจหาเจ้าของแล้วเอามาคืนนะ แต่ก็นะ ใครจะบ้าตามหาละ คนในคณะฉันหรือบัญชีก็ไม่ใช่น้อยๆ ไม่แน่สมุดของฉันอาจจะกำลังโดนรีไซเคิลจากการโดนทิ้งให้ไปนอนเล่นในถังขยะที่ไหนสักที่แล้วก็ได้
แต่ครั้นจะให้ฉันประกาศหา ฉันก็ไม่กล้า เกิดความลับในสมุดเล่มนั้นหลุดขึ้นมา ฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนน่ะสิ คนบ้าอะไร เพ้อถึงผู้ชายอยู่ได้ตั้งสี่ปี
เห้อ...
เอาล่ะ ฉันบอกตัวเองไว้แล้ว ฉันให้เวลาตัวเองจมดิ่งแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นและคืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายแล้ว เวลาไม่อาจจะย้อนกลับได้
คนที่ทิ้งสมุดเล่มนั้นไว้ คือฉันเอง ฉันทำพลาดเอง ฉันต้องยอมรับการกระทำของตัวเอง ถึงแม้จะไม่มีบันทึกในกระดาษ แต่มันจะบันทึกอยู่ในสมองฉันตลอดไป
คิดได้แล้วฉันก็ลุกขึ้น ไปหยิบที่มาส์กหน้าที่เย็นเจี๊ยบ เอามาแกะซองออก พร้อมเอามาทาบลงใบหน้าเรียวเล็กของตนเองอย่างช้าๆ
พรุ่งนี้ ฉันต้องไปเข้าร่วมกิจกรรม ‘your child our child’ ในนามของ ‘พลอยใสเอง’ ฉันจะตาบวม ตาคล้ำ หน้าโทรมไม่ได้ ยังไงก็ต้องดูดีไว้ก่อน
เนื่องจากวันก่อน ทางบริษัท MBrain ติดต่อฉันมา ชวนให้ฉันไปเป็นแขกรับเชิญในการแสดงส่วนนึงของงานที่ทางบริษัทจัดขึ้นในช่วง ’สร้างสรรค์เพื่อสรรค์สร้าง’
แต่ประเด็นนั้นไม่ได้สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือ MBrain เป็นหนึ่งในกิจการของครอบครัวเฮียเคน่ะสิ..
แต่เฮียเคไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานนี้หรอก เพราะเฮียดูแลเฉพาะในเครือ GBrain กิจการในส่วนโรงเรียนและมหาลัยเท่านั้น ส่วน MBrain จะดูแลในส่วนของสถาบันเสริมการเรียนรู้เพิ่มเติมทั้งหมด และคนที่รับผิดชอบโปรเจคที่ฉันต้องร่วมงานด้วยคือ น้องของเขานั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็รู้สึกเข้าใกล้เฮียเคไปอีกสเต็ปนึงอยู่ดี
น้องของเฮียเค ชื่อคิน เขาอายุน้อยกว่าฉัน ถึงเขาจะอายุเพียงแค่ 18 แต่ใครๆ ก็จับตามองให้เขาเป็นว่าที่ประธานคนต่อไปของ MBrain
ตำแหน่งรองประธานของเขาตอนนี้ ก็ไม่ได้มาเพราะเพียงเขาเป็นลูกของท่านประธานปัจจุบัน แต่เป็นเพราะความสามารถและผลงานที่ผ่านมา ที่เขาทำออกมาได้อย่างดีไม่ต่างจากประธานหรือพ่อของเขาเลยทีเดียว
แน่นอน ฉันรู้ข้อมูลครอบครัวเฮียดี ก็แน่ล่ะสิ ฉันหลงรักเขามาตั้งสี่ปี ฉันก็ต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขามาบ้าง และรู้ด้วยว่าเขาก็มีพี่ชายอีกคนที่อยู่อังกฤษตั้งแต่เด็ก แต่ก็รู้แค่นั้น ไม่รู้ชื่ออะไร หน้าตาเป็นยังไง
นึกถึงวันก่อนที่ฉันไปบริษัท MBrain เพื่อไปฟังกำหนดการและสิ่งที่ฉันต้องรับผิดชอบคร่าวๆ รวมถึงเซ็นสัญญา ยื่นใบเสนอราคาและรับทราบข้อตกลงในการร่วมงาน
“น้องเก่งมากเลยนะคะ พี่กับลูกติดตามคลิปน้องทุกคลิปเลย” พี่กิ่ง ผู้หญิงสูงวัย อายุราวๆ สามสิบปลายๆ สวยดูดีสมอายุ แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ไร้รอยยับรวมถึงกระโปรงทรงกระบอกที่แนบยาวเลยหัวเข่าไปเล็กน้อย เธอเป็นตัวแทนของออแกไนซ์ที่จัดงานอีเว้นท์นี้และตอนนี้เธอก็กำลังทำหน้าที่ประสานงานของฉันกับงานที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน พูดขึ้นมาหลังจากที่เราตกลงกันเรื่องสัญญาและใบเสนอราคากันเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะ พี่กิ่ง”
“งานเรียบร้อยมั้ยครับคุณกิ่ง” ขณะนั้นอยู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มของผู้มาใหม่กระแทกเข้าโสตประสาทของฉันจากด้านหลัง ทำให้ฉันและพี่กิ่งต้องหันไปตามปลายเสียงพร้อมกัน
“สวัสดีค่ะ คุณคิน” พี่กิ่งทักทายผู้มาใหม่ทันทีที่เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่งด้วยกันภายในโต๊ะที่ฉันกำลังคุยอยู่ก่อนหน้า
“ครับ.. สวัสดีครับคุณพลอย ตัวจริงสวยกว่าที่คุณกิ่งเอารูปมาให้ดูอีกนะครับ” เขาหันมามองหน้าฉันเล็กน้อยหลังจากตอบรับคำทักทายของพี่กิ่ง ก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคอย่างคนที่ขี้เล่นพร้อมยิ้มอย่างมีเสน่ห์ บ่งบอกถึงความเป็นคาสโนว่าในตัวได้ดีเลยทีเดียว
ใบหน้าและจมูกนั่นเหมือนเฮียเคไม่มีผิด แต่สายตาและริมฝีปากที่ยิ้มกว้างในตอนนี้ ช่างดูเจ้าเล่ห์และมีความขี้เล่นอยู่ในตัว ซึ่งแตกต่างกับเฮียเคอย่างสิ้นเชิง
“สวัสดีค่ะ คุณคิน” ฉันเอ่ยทักตอบกลับไปก่อนจะยิ้มตามมารยาท โดยไม่สนประโยคก่อนหน้าที่เขาเอ่ยถึงฉันด้วยสายตาแพรวพราวนั่น
“มีติดหรือขาดเหลืออะไรไหมครับคุณกิ่ง” เขาส่งยิ้มให้ฉันอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปคุยเรื่องงานกับพี่กิ่งด้วยใบหน้าที่ปรับโหมดเข้าสู่การทำงาน ไร้อารมณ์ขี้เล่นก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
“ติดปัญหานิดหน่อยค่ะ กิจกรรมที่คุณพลอยจะโชว์ในงาน ทางดิฉันคิดว่าอยากให้คุณพลอยโชว์การตกแต่งกรอบรูปหรือของประดับในบ้าน เล็กๆ น้อยๆ ก็พอ เพราะทางเรามีเวลาให้แค่ 30 นาที แต่ทางคุณพลอยเสนออีกแบบที่น่าสนใจ แต่มันต้องใช้เวลามากกว่านั้นอ่ะค่ะ”
“อืม..คุณพลอยเสนออะไรมาเหรอครับ” คินรับฟังพี่กิ่งอธิบายมาอย่างยาวยืด ก่อนที่จะหันมาทางฉันเพื่อถามไอเดียที่ฉันคุยกับพี่กิ่งไปก่อนหน้า
“ค่ะ..ฉันเห็นว่า ถ้าให้มาแสดงประดิษฐ์ประดอยหน้าเวทีเฉยๆ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่พวกเขาเปิดดูคลิปของฉัน ฉันเลยอยากให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วยกันมากกว่า “
“..”
“จริงๆ แล้วลูกค้าของงานนี้คือผู้ปกครองของเด็กๆ ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจและจ่ายเงินเพื่อซื้อคอร์สเรียนให้เด็กๆ”
“…”
“ถ้าทางผู้จัดอยากให้ผู้ปกครองอยู่ในงานนานๆ ก็ต้องให้ลูกๆหลานๆ ของพวกเขามีกิจกรรมร่วมกันในงานด้วย”
“…”
“ฉันเลยอยากเสนอให้ ในส่วนของฉัน ไม่ใช่แค่ฉันที่แสดงอยู่เพียงคนเดียว แต่อยากให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมในการประดิษฐ์ชิ้นงานของตัวเองไปด้วย”
“…”
“ถ้าพวกเขาเห็นว่าลูกตัวเองมีความสุข ฉันคิดว่าพวกเขาต้องสนใจที่จะสมัครคอร์สเรียนเสริมสร้างทักษะความคิดสร้างสรรค์กับสถาบันคุณให้ลูกๆ ของพวกเขาแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าจะยังไม่สมัครก็ไม่เป็นไร ”
ฉันยังพูดไม่จบ คินที่นั่งฟังฉันพูดมายืดยาวด้วยสีหน้าครุ่นคิดก็พูดแทรกขึ้นมาทันที
“เพราะพวกเด็กๆ ก็จะได้นำผลงานของตัวเองกลับไปเก็บไว้ที่บ้านให้พวกเขาได้ภูมิใจ แล้วถ้าในอนาคต เพื่อนบ้านหรือญาติๆ ของพวกเขามาเห็นแล้วถามว่าทำมาจากไหน แน่นอนว่าชื่องานนี้และชื่อสถาบันของผมก็จะโดนประชาสัมพันธ์ไปโดยปริยาย”
เขาอ่านแผนงานออกตามที่ฉันคิดไว้จริงๆ ฉันจึงพยักหน้าส่งกลับไป
“ขอโทษนะครับที่ผมพูดแทรก” คินเอยออกมาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบกลับและส่งยิ้มตอบกลับให้เขาเช่นกัน
“จริงๆ มันเป็นความคิดที่ดีนะคะ แต่พี่กลัวเรื่องคุมเด็กๆ ด้วย ถ้าเด็กเกิดงอแงขึ้นมา ทางน้องพลอยเองก็จะลำบาก” พี่กิ่งหันมาพูดกับฉันในส่วนที่พี่กิ่งกังวล
“อืม..พลอยมั่นใจว่าพลอยจัดการได้ค่ะ” ฉันตอบพี่กิ่งกลับไปด้วยความมั่นใจ เพราะส่วนใหญ่แฟนคลับฉันมักจะเป็นเด็กตัวเล็กตัวน้อย ทำให้ฉันเจอสถานการณ์ที่ต้องคลุกคลีกับเด็กอยู่บ่อยๆ
“คุณพลอยคิดว่า ต้องการเวลาเท่าไรครับ” คินพูดเสียงเรียบ แต่ทว่ากลับส่งยิ้มเรียบมาให้ผ่านดวงตาและเรียวปาก
“อื้ม.. เท่าที่ดูกำหนดการและระยะเวลาที่ใช้ในงานทั้งหมด เพื่อไม่ให้กระทบเกินไป ฉันคิดว่า 1 ชั่วโมงก็น่าจะพอค่ะ”
“ดีล! ถ้างั้นผมขอเปลี่ยนกำหนดการในส่วนของการโปรโมทสถาบันที่เรามีทั้งหมดลดลงไป 10 นาที และเพิ่มป้ายกระดานใหญ่ๆ ข้างเวทีเพื่ออธิบายเกี่ยวกับสถาบันทั้งหมดที่เรามีเป็นตัวอักษรแทนและลดไปอีก 20 นาที สำหรับส่วนช่วงกล่าวเปิดงานของผม” คินพูดขึ้นมา พร้อมหันไปคุยกำหนดการที่ถูกขยับเปลี่ยนใหม่กับพี่กิ่งทันที
“แต่ช่วงคุณคินกล่าวเปิดงาน มันก็มีแค่ 20 นาทีนะคะ ถ้าตัดไป..”
“ก็นั่นแหละครับ ตัดไปเลย ใครมันจะอยากมานั่งฟังใครก็ไม่รู้กล่าวเปิดงาน ง่วงนอนกันพอดี ตามนี้นะครับ”
“เออ..ได้ค่ะคุณคิน”
“แล้วจากประเด็นที่คุณพลอยกล่าวมา ผมอยากให้ทางเรามีของที่ระลึกที่ให้เด็กประดิษฐ์เองง่ายๆ ติดมือกลับบ้านไปด้วยทุกคน ผมขอความคิดเห็นหน่อย คุณพลอยคิดว่ามันควรเป็นอะไรดีครับ”
ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองมั้ยนะ แต่สายตาและรอยยิ้มนั่น ทำไมรู้สึกเหมือนเขากำลังดูเชิงความคิดของฉันมากกว่าอยากขอคำแนะนำจริงๆ
“ถ้าจะทำแจก ไม่ควรเป็นของที่งบเยอะและต้องใช้เวลาทำไม่มากเกินไป เพื่อกระจายให้ได้หลายๆ คน เพราะฉะนั้น ฉันแนะนำเป็นพวงกุญแจ ที่ประดิษฐ์เองจากการนำลูกปัดหลากหลายสีและตัวอักษรให้เด็กๆ ร้อยกันเอง โดยจำกัดให้คนนึงไม่เกิน 5 ตัวอักษรและในตัวของพวงกุญก็น่าจะให้มีสัญลักษณ์ของ MBrain ด้วยค่ะ” ฉันอธิบายสิ่งที่ฉันคิดในหัวไป
“ดีครับ ถ้างั้นผมรบกวนอีกเรื่อง คุณพลอยไปช่วยแจกพวงกุญแจด้วยได้มั้ยครับ ผมว่าคนต้องสนใจเยอะเป็นเท่าตัวแน่ๆ เลย”
“อืม..ได้ค่ะ”
“โอเค จัดการตามนี้นะครับคุณกิ่ง” คินหันมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง ก่อนจะหันไปสั่งงานกับคุณกิ่ง
“และใบเสนอราคานี้ รบกวนคุณพลอยเสนอมาใหม่นะครับ” คินหันมาพูดกับฉัน พร้อมใช้สายตาส่งไปยังใบเสนอราคาที่โดนเซ็นเรียบร้อยแล้วซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
“เออ..ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ตอนแรกฉันไม่คิดที่จะเรียกค่าจ้างเพิ่มด้วยซ้ำ เพราะการที่ฉันได้มาร่วมงานนี้ ก็เท่ากับว่าฉันได้โปรโมทตัวเองให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งคนร่วมงานคือบรรดาแม่บ้านและเด็กน้อยนั่นล่ะ ยิ่งเป็นเป้าหมายของฉันเลย แต่ในเมื่อเขาเสนอมาแบบนี้เรื่องอะไรที่ฉันจะไม่รับไว้ละ
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับคุณพลอยใส” คินหันมายิ้มให้ฉันอีกครั้ง พร้อมยื่นมือออกมา ทำให้ฉันต้องยื่นมือไปจับอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้
“ยินดีเช่นกันค่ะ”
“น่าเสียดายนะ ที่ผมเกิดช้ากว่าคุณไปปีเดียวเอง ..แต่ไม่เป็นไร” คินพูดพร้อมส่งยิ้มแปลกๆ มาให้ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจในคำพูดของเขาสักเท่าไร
“คะ?” ฉันทำหน้าสงสัยตอบกลับไป
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แล้วเจอกันวันงานนะครับ” คินพูดพร้อมส่งยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์มาให้ฉันอีกครั้ง ซึ่งฉันก็ไม่อยากจะอะไรมากมาย ก็เลยตอบกลับตามมารยาทไป
“ค่ะ”
“ผมขอกำหนดการและค่าใช้จ่ายในงานนี้ใหม่อีกครั้งภายในวันพรุ่งนี้นะครับคุณกิ่ง ..งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ” คินหันไปพูดกับพี่กิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเดินออกไปจากวงสนทนาของฉันทันที
“อย่าคิดว่าคุณคินอายุน้อยกว่าเราแล้วจะเล่นๆ นะคะ พี่ได้ทำงานด้วย บอกเลยว่า เนี๊ยบสุดๆ ทั้งเข้มทั้งดุ กว่าตัวงานจะออกมานะ แก้แล้วแก้อีก แต่พี่ก็ยอมรับว่าคุณคินเขาเก่งจริงๆ ขนาดพี่ผ่านมาหลายงานแล้ว ยังได้ไอเดียความคิดที่คาดไม่ถึงจากคุณคินอยู่บ่อยๆ” พี่กิ่งบ่นกระปอดกระแปดออกมาขณะกำลังเก็บรวบรวมเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าลูกค้าสุดเนี๊ยบที่ดูภายนอกเหมือนไม่จริงจังกับงานเดินออกไป ฉันก็ทำได้แต่เพียงยิ้มให้พี่กิ่งกลับไปเท่านั้น พร้อมกับคิดตามที่เธอได้พูดออกมา
ถ้าเป็นเฮียเค จะทำงานแบบไหนกันนะ
แต่เหมือนพี่กิ่งจะรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร สักพักเธอก็พูดออกมา
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไม่เท่าคนพี่ รายนั้นนะ นิ่งเรียบ ดุ เนี๊ยบ โหด แต่ก็ฉลาดสุดๆ เลยละ จนใครที่คุยงานด้วยต้องเกร็งกันเป็นแถวๆ เลยละจ้าาา พี่อะ เคยทำงานด้วยครั้งนึง เวลาที่เขามองมานะ หลังพี่จะตั้งตรงอัตโนมัติแบบนี้เลย ฮ่าๆ” พี่กิ่งพูดพร้อมกับแสดงท่าทางประกอบไปด้วยอย่างขำขัน ส่วนฉันก็ได้แต่ส่งยิ้มและหัวเราะเล็กน้อยกับการกระทำของพี่กิ่ง
“ดีแล้วล่ะ ที่พลอยได้ทำงานกับคุณคิน” พี่กิ่งพูดพร้อมรวบเอกสารเรียบร้อยพร้อมส่งยิ้มมาให้ฉัน
อืม ดีแล้วจริงๆ ไม่ใช่ว่าเพราะ ฉันกลัวเขาหรอกนะ ฉันกลัวใจตัวเองนี่แหละ ถ้าได้ทำงานกับเฮียจริง ฉันคงไม่มีสมาธิทำงานหรอก
แต่เรื่องที่พี่กิ่งพูด ก็คงจะจริง ก็สายตาเขามันดูนิ่ง เย็น จนทำให้คนที่มองเหมือนต้องมนต์สะกดและกลายเป็นน้ำแข็งไปด้วย
เห้อ คิดถึงเฮียเคจัง...
.
.
.
“น้องพลอยใส ทางนี้ค่าา” เสียงของพี่กิ่งเรียกฉันทันทีที่ฉันเดินเข้าไปในงาน
ในที่สุดก็ถึงวันงาน ฉันมาก่อนงานเริ่มหนึ่งชั่วโมง เพื่อมาดูสถานที่ในงานและตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ที่ฉันต้องใช้ในวันนี้ว่ามีครบหรือเปล่า
“สวัสดีค่ะ พี่กิ่ง” ฉันยกมือไหว้ทันที เมื่อเดินเข้าไปถึงตัวพี่กิ่งเพียงไม่กี่คืบ
หลังจากนั้นพี่กิ่งก็แนะนำสถานที่ พร้อมบรีฟงานให้ฉันฟังคร่าวๆ และพาฉันไปตรวจสอบสิ่งของที่ต้องใช้ในการแสดงว่าขาดตกบกพร่องตรงไหนบ้าง ซึ่งทุกอย่างก็มีครบ สมกับเป็นมืออาชีพจริงๆ
“มีอะไรสงสัยมั้ยคะน้องพลอย”
“ไม่มีแล้วค่ะ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวอีก 40 นาที มาเจอกันตรงนี้นะคะ ตอนนี้น้องพลอยเดินเล่นรอบงานไปพลางๆ ก่อน พี่ขอตัวไปจัดการเครื่องเสียงสักครู่นะ”
“ได้ค่ะ” ฉันยิ้มตอบส่งพี่กิ่งไป
ฉันเดินเล่นรอบงาน งานนี้จัดตรงลานใหญ่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ค่าเช่าที่ตรงนี้แพงมากนะ เท่าที่ฉันรู้ งานที่จัดในวันนี้ จะมีหลายส่วนของสถาบันติวเตอร์ มีทั้งเชิงวิชาการและทางด้านทักษะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทางดนตรี กีฬา พัฒนาความคิด รอบๆ ข้างก็เต็มไปด้วยบูธขายของเล่นเพื่อดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ที่ผู้ปกครองพามาเดินห้าง แล้วข้างๆ บูธขายของเล่นก็มีใบสมัครคอร์สเรียนต่างๆ ซึ่งถ้าสมัครวันนี้ก็จะมีโปรโมชันราคาพิเศษและแถมของเล่นมากมาย
บรรยากาศในงานตอนนี้เริ่มคึกคักเรื่อยๆ ผู้ปกครองของเด็กเล็กเด็กน้อยเริ่มเข้ามาในงานกันมากขึ้น รูปแบบการจัดในงานก็ค่อนข้างน่ารักเลยทีเดียว ตรงกลางมีปราสาทบอลลูนเล็กๆ ให้เด็กได้มาเล่นกัน ส่วนผู้ปกครองก็นั่งตรงโซนเก้าอี้ที่มองไปหน้าเวที คนออกแบบงานนี้ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว เพราะเด็กเล็กไม่สามารถให้ความสนใจกับเวทีหรืออะไรที่เป็นทางการได้นานๆ เลยมีของเล่นมาล่อคั่นเวลาให้ผู้ปกครองที่มีอำนาจในการซื้อคอร์สต้องนั่งฟังจนจบ ตราบใดที่ลูกยังสนุกกับการเล่นอยู่อย่างนั้น
ตอนนี้เหลือเวลา 15 นาทีจะถึงเวลาที่พี่กิ่งนัด ฉันเลยตัดสินใจกลับไปหลังเวทีเพื่อไปหาพี่กิ่งก่อนเวลา แต่เมื่อฉันเดินไป ภาพที่ฉันเห็นตรงหน้า ทำให้ฉันถึงกับก้าวขาเดินไม่ออก
“อ้าว น้องพลอยมาพอดีเลย มานี่ๆ” ฉันเดินไปตามมือที่กวักอยู่ไวๆ ของพี่กิ่ง ฉันพยายามที่จะโฟกัสไปยังมือของพี่กิ่งและไม่มองไปทางอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“น้องพลอย นี่คุณเคเจ้าของ GBrain และเป็นพี่ชายของคุณคินนะ พอดีวันนี้คุณคินติดธุระด่วนเลยมาดูงานไม่ได้ คุณเคเลยมาดูแทน” ฉันมองหน้าพี่กิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเหลือบไปมองคนที่พี่กิ่งเพิ่งแนะนำไปเมื่อสักครู่ด้วยใจระทึก
“คุณเคคะ นี่น้องพลอยใส ที่จะมาแสดงการประดิษฐ์ของในงานวันนี้ค่ะ”
“ครับ”