ตอนที่ 10   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 10
อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกปลอดภัย ความกลัวที่มีก่อนหน้านี้มลายหายไปจนหมดสิ้น เพียงแค่ได้อ้อมกอดนี้เท่านั้น เอ๊ะ เดี๋ยวนะ อ้อมกอดนี้?? อ้อมกอดนี้!!!!! เชี่ยแล้ว ฉันรีบผละออกจากเฮียเคทันที พร้อมเอามือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แต่แล้วอยู่ๆ ไฟที่ดับก็ติดขึ้นมาซะงั้น พรึ่บ! ทำให้ตอนนี้ฉันเห็นหน้าเฮียชัดเจน ดูแล้วเขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่ฉันทำอะไรแบบนั้น แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้ผลักฉันออกไป ถึงแม้สีหน้าเขาจะดูอยากผลักก็ตามทีเถอะ สักพักเฮียเคก็ปรับสีหน้าใหม่ จากตกใจก็เปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย พร้อมกับลุกยืนขึ้นเต็มความสูง ส่วนฉันก็ยังค้างอยู่ท่าเดิม เพิ่มเติมคือเงยหน้ามองการกระทำของเขาอย่างไม่วางตา ( 。 _ 。 ) ( ° - ° ) เฮียมองมาที่ฉันด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนที่แววตาจะเปลี่ยนเป็นผงะกับอะไรบ้างอย่างเพียงชั่วครู่ ซึ่งเป็นผลทำให้เขาเบี่ยงหน้าไปอีกทางทันทีพร้อมกับถอดเสื้อคลุมของเขาโยนลงมาบนตักของฉัน โดยไม่หันมามองฉันแม้แต่น้อย ฉันมองที่เสื้อคลุมของเขาด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อฉันก้มไปจับมัน ฉันก็เข้าใจทันที “ว๊ายย” ตอนนี้ฉันกำลังนั่งเบะขาอยู่ด้วยกระโปรงทรงเอ !!! หึ้ยยยย มันแหกไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะสิแบบนี้ ตาย ตายแน่ๆ ไอ้พลอย โอ๊ย จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย ฉันรีบหุบขาแล้วลุกขึ้นมาทันที แต่ด้วยความที่ฉันรีบลุกเกินไปหน่อยฉัน ทำให้ฉันหน้ามืดจนเซไปแทน ควับ แล้วก็เป็นเฮียที่คว้าแขนฉันไว้ ไม่ให้ฉันล้มลงไป ถึงแม้จะไม่เหมือนนางเอกในละคร ที่พระเอกจะมาประคองเอวไว้ แต่แค่นี้มันก็ฟินสุดๆ แล้วสำหรับฉัน ฉันก้มไปมองมือเขาที่จับแขนฉันไว้ด้วยความตกใจ เมื่อเห็นฉันทรงตัวได้ เขาก็ปล่อยแขนฉันให้เป็นอิสระทันที เขา..เขาจับแขนฉันนน ( ) “มาทำอะไรที่นี่” เสียงนิ่งเรียบพูดขึ้นมาทำให้ฉันต้องเปลี่ยนสายตาที่มองแขนตัวเองที่เขาจับเมื่อครู่เป็นหันไปมองหน้าเขาแทน ฉันจะตอบว่าไงดีละ ฉันก็ไม่ได้อยู่คณะนี้ แล้วยังมาเดินทำอะไรดึกๆดื่นๆ แบบนี้อีก นี่ไม่คิดจะให้เขามีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับตัวแกเลยใช่มั้ย พลอยใส! “คือฉัน.. หลงทางค่ะ” ฉันพูดเสียงเบาพร้อมก้มหน้ามองแต่ปลายเท้าของตัวเอง เรื่องเมื่อกี้ ที่เขาน่าจะเห็นลิงน้อยของฉัน มันทำให้ฉันสบตาเขาไม่ลงจริงๆ บ้าจริงเชียว ( . _ . ) “เรียนที่นี่?” เขาถามออกมาด้วยเสียงนิ่งเรียบปนสงสัย ส่วนฉันก็ก้มหน้าส่ายหัวไปมา ก่อนจะตอบกระอ้อมกระแอ้มด้วยความเขินอาย ( . _ .)(. _ . )( . _ .) “มาเดินเล่นตึกนี้ แล้ว...หลงทาง” ฉันเงยหน้ามาเล็กน้อย ทำเพียงแค่มองลำคอขาวของคนตรงหน้าเท่านั้น ไม่กล้ามองขึ้นไปสูงกว่านั้นจริงๆ แต่แค่มองคอ ตอนนี้ฉันก็รู้สึกตัวกำลังจะระเบิดแล้ว อยากหนีออกไปจากตรงนี้แล้ว ทำให้ฉันต้องก้มหน้างุดอีกรอบด้วยความเขินอาย “หึหึ” ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคนตรงหน้าทำสีหน้าอย่างไร ได้ยินเพียงแค่เสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอเท่านั้น ระหว่างนั้นเอง ฉันก็เห็นเท้าของคนตรงหน้า เหมือนจะเดินออกไปอีกทาง เขาจะไปแล้วเหรอ ถ้าเขาไป ฉันก็ต้องวนกลับมาหลงทางในนี้เหมือนเดิมอีกน่ะสิ ไม่เอานะ อย่าไปนะ เฮียยย หมับ! ไวเท่าความคิด ฉันรีบคว้าปลายเสื้อของคนตรงหน้าไว้ทันที จนทำให้เขาต้องหยุดชะงักไป ฉันจับมันอยู่อย่างนั้นเหมือนมีกาวติดอยู่ที่มือ พร้อมกับขย้ำมันจนแน่น เสื้อของเฮียต้องเป็นรอยยับไปหมดแล้วแน่ๆ แต่ฉันก็ยังไม่พร้อมที่จะเงยหน้าไปสบตาเขาอยู่ดี เอาไงดีวะไอ้พลอย เขาจะด่าแกมั้ยเนี่ย พูดก็ไม่พูดเอาแต่ก้มหน้าแล้วยังไปจับชายเสื้อเขาจนยับอีก เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ทำให้ตอนนี้เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ จึงเป็นผลให้ฉันรวบรวมคำพูดแล้วเปล่งเสียงออกไปในที่สุด “ทางออก..อยู่ไหนคะ” แต่เสียงที่ออกมานั้น มันดังกว่าสายลมแค่ไม่กี่เดซิเบลเท่านั้นเอง ทำไมเงียบอีกละ? ฉันก็ถามไปแล้วนะ ฉันได้แต่ยืนมองเท้าตัวเองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งรู้สึกว่ามันนานไปแล้ว เลยเงยหน้าไปมองเขา ก็เห็นเขามองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเบนสายตามองลงมาที่ชายเสื้อที่ฉันจับเอาไว้แน่นจนมันยับไปหมด ตอนนี้ฉันรับรู้ถึงความเย็นยะเยือกบางอย่างที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณนี้ แม้เขาจะไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา แต่ฉันก็รับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อคือ ปล่อย นั่นทำให้ฉันรีบดึงมือออกจากชายเสื้อเขาทันที “อะเออ ขอโทษค่ะ” ฉันพูดพร้อบหลุบตาลงมองพื้นอีกครั้ง โอ๊ยย ไอ้พลอย จะไปกลัว ไปเขินอะไรกับเขานักหนานะ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ นะ “จะคุยก็มองหน้า ไม่ใช่มองเท้า” เฮียพูดออกมาเสียงแข็ง ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนเป็นเงยหน้าไปมองหน้าเขาแทน ก็พบว่าเขาถอยออกไปก้าวหนึ่ง แล้วยืนกอดอกมองฉันด้วยท่าทางนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น เหมือนรอฟังว่าฉันจะพูดอะไรออกมา ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะกลั้นใจพูดออกมา “ขอโทษค่ะ ทางออกอยู่ไหนคะ!” คราวนี้ฉันพูดออกมาเสียงดังแล้วมองหน้าเขาอย่างจริงจังด้วยสีหน้าแน่นิ่ง ฉันต้องไม่กลัว ฉันต้องไม่เขิน เอาสิ! ฉันจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย จ้องแบบเอาให้ตายไปข้างหนึ่ง! เอาให้ตาหลุดออกมาเลย! แต่แล้วอยู่ๆ คนตรงหน้าก็เริ่มยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “ไปทางนี้ เจอแยกแรกเลี้ยวขวา ตรงตลอดแล้วจะเจอทางออก..นะครับ” “ขะ ขอบคุณค่ะ” ฉันพยักหน้าหงึกๆ แล้วรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันทีเลย อยู่ต่อไม่ไหวแล้วโว๊ยยย ตอนนี้หัวใจฉันทำงานหนักมาก ไม่ใช่เพราะวิ่งออกมา แต่เป็นเพราะดวงตาที่สบกันก่อนหน้านี้ แววตาของเฮีย เป็นแววตาที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน อาจเป็นเพราะฉันไม่เคยสบตาเขาในระยะใกล้แบบนี้ด้วย ช่วงแรกมันทั้งดูเย็นชา ร้ายกาจ แต่สายตาสุดท้ายก่อนฉันวิ่งออกมามันคือสายตาที่แปลกออกไป..มันอ่อนโยน... งื้อออ.. ฉันวิ่งออกมาตามที่เขาบอก จนกระทั่งเริ่มเห็นต้นไม้ที่อยู่ปลายทาง นั่นไง ทางออกจริงๆ ด้วย เย่!! รอดแล้ว ฉันยิ้มออกมาพร้อมยกมือไชโยดีใจ แต่.. เฮ้ย นี่เสื้อคลุมเฮียนี่นา เชี่ยแล้ว! ดันถือติดมือมาด้วย แล้วยังไงอะ ฉันต้องเอาไปคืนเขาเหรอ เรื่องไอติมวันก่อนว่าน่าอายแล้ว แต่เรื่องวันนี้แม่งน่าอายกว่าเยอะ ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปสู้เขาละเนี่ย ฮือออ แม่จ๋า พ่อจ๋า ช่วยลูกด้วยย ... . . . “ช็อกโกแลตที่พี่ซื้อมาฝากจากเกาหลีเป็นไงบ้าง ชอบมั้ยครับ” ตอนนี้ฉันกำลังนั่งรถกลับกับพี่ลี พอเลิกเรียนปุ๊บ พี่ลีก็มารอรับฉันปั๊บ เขาบอกว่าช่วงนี้เคลียงานเรียบร้อยแล้ว มีเวลามารับมาส่งฉันเหมือนเดิมแล้วหลังจากที่หายไปเป็นอาทิตย์ ตอนนี้เป็นช่วงติดไฟแดง พี่ลีจึงหันมาถามฉันด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนทุกๆ ครั้งที่เขาชอบทำกับฉัน แต่ฉันคิดว่านั่นมันคือรอยยิ้มของพี่ชายที่แสนดีมากกว่า “อืม..อร่อยค่ะ” ฉันตอบเบาๆ ไป พร้อมก้มหน้าเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิดที่โกหกเขา จนกระทั่งฉันรับรู้ถึงแรงสัมผัสเบาๆ บนศรีษะ พร้อมลูบไปมาเบาๆ ฉันเลยเงยหน้ามองขึ้นมาก็พบว่าเขากำลังส่งยิ้มมาให้ “เกรวี่ ศร มิน แย่งกินหมดอีกแล้วใช่มั้ย” พี่ลีพูดออกมาเสียงนุ่ม พร้อมกับชักมือกลับไปจับที่พวงมาลัยเช่นเดิม “แหะๆ ฉลาดจริงๆ เลย พี่ชายใครเนี่ย” ฉันส่งยิ้มไป พร้อมพูดขึ้นมาให้พี่ลีรู้ตัวว่า เขาอย่ามาทำกับฉันแบบนี้เลย เพราะยังไงเขาก็คือพี่ชายสำหรับฉัน ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเศร้าขึ้นมาแทน แต่ก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้น “พี่ชายของพลอยใสไงครับ” พี่ลีทำทีเป็นร่าเริงและส่งยิ้มมาให้ฉัน “แล้วพี่ลีทำงานเหนื่อยมั้ยคะ” ฉันทำทีเปลี่ยนเรื่องคุยกับพี่ลีเพื่อเลี่ยงบรรยากาศแปลกๆ ก่อนหน้า “ก็นิดหน่อย แต่ตอนนี้ลงตัวละ ได้อยู่ไทยยาวๆแล้วล่ะหลังจากนี้ พี่จะไปรับไปส่งพลอยให้เบื่อขี้หน้าไปเลยดีมั้ย” “โอ๊ยย ไม่ต้องหรอก ..พี่ลีเอาเวลาไปหาผู้หญิงที่พี่ลีอยากจะขับรถไปรับส่ง แล้วเขาก็อยากให้พี่ลีไปรับส่งด้วยดีกว่านะคะ” จะว่าฉันใจร้ายก็ได้ แต่ฉันชัดเจนจริงๆ ว่าเขาคือพี่ชาย ส่วนพี่ลีก็ได้แต่ยิ้มนิดๆ ส่งมาให้เช่นเดิม ไม่ว่าฉันจะพูดแนวนี้สักกี่ครั้ง เห้อ หวังว่าสักวันเขาจะเจอคนที่ใช่จริงๆ สักทีนะ.. หลังจากนั้นเขาก็มาส่งฉันที่บ้าน และทักทายกับพ่อแม่ฉันเช่นเดิม พร้อมของฝากอีกเพียบ ดีนะที่วันนี้ยัยพิงค์ไม่อยู่ เพราะรายนั้นนะ กัดกับพี่ลีทุกครั้งที่เจอหน้า จนฉันเหนื่อยที่จะห้ามทัพสองคนนี้ตลอด ไม่รู้ยัยพิงค์ไปเกลียดพี่ลีอะไรขนาดนั้น เห้อ?! . . . “พลอยใส ชี้แจงความคืบหน้าของงานประชาสัมพันธ์ค่ะ” พี่ยีนส์พูดออกมา พร้อมมองมาทางฉัน ในฝ่ายนี้ก็มีตั้งหลายคนทำไมเจาะจงฉันล่ะ แต่เอาเถอะฉันชินแล้วก็อย่างที่บอก ประชุมทีไร โดนจิกกัดตลอด จนตอนนี้ฉันชินซะแล้วล่ะ ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะพูดออกมา “ตอนนี้ทางเรามีการวางแผนโปรโมทอยู่ 2 ช่องทางหลักๆ ค่ะ คือ ออนไลน์ และออฟไลน์ ..สำหรับออนไลน์ ก็คงปกติค่ะ คือตามเพจมหาลัย เฟสบุ๊ค อินสตราแกรม เว็บมหาลัย ส่วนตัวของพลอยเองก็จะช่วยโปรโมทให้เป็นกระบอกเสียงอีกเสียงค่ะ ส่วนของออฟไลน์ ก็เป็นกระดาษแปะบอร์ดทั่วมหาลัยและไวนิลติดตรงหน้ามหาลัย เราจะเริ่มโปรโมทแต่เนิ่นๆ อาทิตย์หน้า ถ้า Design Content เสร็จเรียบร้อย เราก็จะเริ่มโปรโมทกันเลยค่ะ” ฉันรายงานแผนการคร่าวๆ ที่คิดเอาไว้ ให้ทุกคนในห้องฟัง “แค่นี้?” พี่ยีนส์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงและสายตาเดิมๆ “ค่ะ แค่นี้” ฉันตอบกลับไปนิ่งๆ “มีชื่อเสียงซะเปล่า แต่กลับทำได้แค่นี้เองเหรอ ไปคิดมาใหม่นะ เชิญฝ่ายการเงินต่อค่ะ” “เดี๋ยวค่ะ ..พี่ยีนส์ติดตรงไหนเหรอคะ ขอฟังคำอธิบายหน่อยค่ะ” แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอม เหมือนที่บอกไปคราวก่อน ฉันจะไม่อ่อนแอแล้ว พี่ยีนส์มองหน้าฉันด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะยกมือปัดลงเพื่อให้พี่ที่เป็นตัวแทนการเงินที่ลุกขึ้นยืนจะพูด นั่งลงก่อน “พี่อยากได้ยินอะไรที่มันว้าวว กว่านี้หน่อยน่ะ อืม...เช่น..ให้หนึ่งในกลุ่ม devil prince ช่วยโปรโมทให้ หึหึ” พี่ยีนส์หันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มที่ค่อนข้างเย้ยหยันเหมือนที่เธอชอบทำบ่อยๆ “ค่ะ ไว้ครั้งหน้า จะทำให้พี่ยีนส์ว้าววนะคะ” ด้วยศักดิ์ศรีที่มันค้ำคอ ฉันเลยพลั้งปากพูดออกไปทันที “จ้ะ แล้วพี่จะรอฟังนะ งั้นต่อไปเชิญฝ่ายการเงินต่อ” พี่ยีนส์หันมาแสยะยิ้มให้กับฉันก่อนจะเชิญฝ่ายต่อไป ซวยแล้วมั้ยละ..พลอยใส . . “แกล้งกันชัดๆ แล้วได้ยินมั้ย คือดูถูกกันมากใช้คำว่า หนึ่งในกลุ่ม devil prince คือชีก็รู้ไง ว่าแค่คนเดียวก็ทำไม่ได้หรอก เจ็บใจแทนยัยพลอยจริงๆ” หลังจากออกมาจากที่ประชุมแล้ว ยัยมินก็โวยวายเป็นการใหญ่ “เออ แบบนี้เราต้องอย่าไปยอม ต้องทำให้ได้” ศรพูดตามมาติดๆ “กูเห็นด้วย เอาให้ชะนีขี้อิจฉาหน้าเงิบไปเลยจ้า” “เลิศ งั้นเรามาวางแผนกัน ฉันจะตั้งชื่อภารกิจนี้ว่า ภารกิจแหกอกชะนีขี้อิจฉา” ยัยเกรวี่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “เอิ่ม..แล้วเราจะเริ่มยังไงกันดีล่ะ” ฉันพูดออกมา “ในสี่คนนะ ฉันว่าพี่เคน่าจะเข้าท่าสุดว่ะ เพราะนี่มหาลัยเขา เขาต้องช่วยโปรโมทอยู่แล้ว” ยัยศรพูดออกมาอย่างวิเคราะห์ “อืม..จริง แล้วไงต่อ” ยัยมินก็สมทบทันที “อืมนั่นสิ แล้วไงต่อ” ยัยศรพูดตอบพร้อมขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด “เอ้า มึงเกริ่นมาขนาดนี้ แล้วไงต่อล่ะ” ยัยเกรวี่ก็พูดตามออกมา “เออ กูก็ไม่รู้ว่าเอาไงต่อดีว่ะ รู้แค่นี้ แกว่าไงวะยัยพลอย” “เออ..นั่นสิ แล้วไงต่ออะ” “โอ๊ย / โอ๊ยย / อ๊อยย” “แล้วภารกิจแหกอกจะรอดมั้ยเนี่ย!!” เห้ออ! “เออ แต่เดี๋ยวนะ วันก่อนแกไปทำงานให้บริษัทเฮียเคไม่ใช่เหรอ แกน่าจะเข้าถึงเขาได้มากสุดป่ะวะ ได้ยินว่าวันก่อนพี่เคก็ไปงานด้วย” ทันทีที่ยัยศรพูดจบ ทุกคนก็หันมามองหน้าฉันเป็นตาเดียว “สรุปว่าไง แกเจอพี่เคในงานป่ะ” “อืม จะ เจอ” “อร๊ายย แล้วมีพูดคุยกันบ้างมั้ย” “อืม พูด” “โอเค งั้นแกเลย เป็นตัวแทนทีมเรา แหกอกยัยชะนีขี้อิจฉานั่น” “ฮะ!!” “ไม่ต้องมาฮะ” “แต่..” “ไม่ต้องมาแต่ เพื่อทีม เพื่อชื่อเสียงของพวกเรา เพื่อความหน้าแหกของนังชะนีนั่น แกต้องสู้!” ตอนนี้ทุกคนมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว และเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง เห้อ!! จากเรื่องที่ฉันทำไว้ล่าสุด ฉันจะมองหน้าเข้าติดได้ยังไงกัน! แค่คิดฉันก็อายจะแย่แล้ว อีกอย่างใครๆ ก็รู้ว่ากลุ่มนี้เข้าถึงง่ายซะที่ไหน โดยเฉพาะเฮียเค เอาง่ายๆนะ แค่วันก่อนที่ฉันจะเอาเสื้อคลุมไปคืนเขา ยังเข้าไม่ถึงตัวเขาเลย เมื่อวานฉันไปหาเขาที่ห้องทำงานในมหาลัย ก็เจอเลขาของเขาทักขึ้นมา “ขอโทษนะคะ มาพบคุณเคค่ะ” เลขาของเฮีย เงยหน้ามามองฉันก่อนจะพูดออกมาอย่างสุภาพ “ถ้าคุณไม่อยากมีปัญหา ผมว่าคุณเปลี่ยนเป้าหมายอื่นเถอะครับ” แต่คำพูดที่เขาพูดมานั้น เล่นเอาฉันมึนตึบไปเลยทีเดียว อาจจะเป็นเพราะฉันแสดงสีหน้าที่ไม่เข้าใจส่งไป ทำให้เลขาเฮียจึงจำเป็นต้องขยายความ “คุณเคไม่สนใจผู้หญิงคนไหนและไม่ชอบความวุ่นวาย เพราะฉะนั้นรบกวนคุณกลับไปเถอะครับ” “ขอโทษนะคะ คุณน่าจะเข้าใจผิด ฉันเอาเสื้อมาคืนคุณเคเท่านั้นค่ะ งั้นรบกวนฝากให้เขาด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” ฉันยื่นถุงเสื้อให้เขาเสร็จ ก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที ถึงฉันจะชอบเฮียก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกดีที่ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่เข้าหาผู้ชายหรอกนะ ฉันก็มีศักดิ์ศรีพอ..ว่าแต่..ทำไมเลขาเฮียใจร้ายจังเลย ..ขอเข้าพบแค่นี้ก็ไม่ได้!! ฮืออออ
已经是最新一章了
加载中