ตอนที่ 12   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 12
Ploysai Part “สวัสดีค่ะ คุณหมอ พ่อฉันเป็นไงบ้างคะ” วันนี้ตอนฉันกลับบ้าน อยู่ๆพี่ขจี แม่บ้านของที่บ้านฉันก็วิ่งทำหน้าตาตื่นมาบอกว่า พ่อฉันตกบันไดขณะที่กำลังเปลี่ยนหลอดไฟน่ะสิ จริงๆ พ่อก็บอกอยู่ว่าไม่เป็นไร แต่ฉันว่ามาหาหมอก่อนดีกว่าเพื่อความมั่นใจ “คุณเป็นลูกสาวของผู้ป่วยเหรอครับ” คุณหมอพูดขึ้นมา แต่ทำไมฉันรู้สึกคุณหมอมองหน้าฉันด้วยความรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะหันไปมองพ่อฉันที่นั่งข้างๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่เหมือนเป็นแค่หมอกับคนไข้ “ใช่ครับคุณดิน เธอเป็นลูกสาวผม” พ่อของฉันตอบหมอไป แต่ทำไมเรียกหมอว่า คุณดินหรือว่าพ่อจะรู้จักหมอคนนี้มาก่อนนะ “ไม่รู้มาก่อนเลยนะครับ ว่าคุณมีลูกสาวอีกคน” คุณหมอพูดพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเขียนอาการลงบันทึกในประวัติการรักษาของคุณพ่อ “ครับ ปกติผมไม่ได้ให้พลอยออกสื่อน่ะครับ”  “อืม..คุณพ่อคุณไม่เป็นอะไรมากนะครับ มีแค่ฟกช้ำเล็กน้อย หมอให้ยาทาแก้ฟกช้ำไปทานะครับ ..เรียบร้อยแล้วครับ” คุณหมอหันมาพูดกับฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะพูดเหมือนกึ่งเชิงให้ฉันและพ่อออกไป  ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ บางอย่างระหว่างพ่อกับหมอคนนี้ แต่ก็เลือกที่จะเงียบ เพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ “คุณดินครับ...ฝั่งนู้น..ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” อยู่ๆ พ่อก็ถามออกมา แต่ไม่ได้เกี่ยวกับอาการที่มาแต่อย่างใด แต่เป็นฝั่งนู้น ใครกันนะ ฝั่งนู้น? ฉันก็ได้แต่มองหน้าของพ่อกับหมอด้วยความไม่เข้าใจ คุณหมอวางปากกาในมือ พร้อมเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองมาที่พ่อของฉันอย่างแน่วแน่  “ก็ชีวิตดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะครับ อาจจะเป็นเพราะ ตัดเพื่อนเลวๆ ออกจากวงโคจรในชีวิตไปได้อย่างสมบูรณ์แล้วมั้งครับ” ฉันมองเห็นแววตาที่ไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยจากคุณหมอ ซึ่งฉันเริ่มมั่นใจแล้วว่า พ่อกับหมอคงเคยมีเรื่องบาดหมางอะไรบางอย่างกันแน่นอน “พลอย เรากลับกันเถอะ” พ่อหันมาพูดกับฉัน ทำให้ฉันได้แต่พยักหน้าและเดินออกมาจากห้องพร้อมกับพ่อที่สีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไร “พ่อโอเคมั้ยคะ” “พ่อไม่เป็นไรลูก ป่ะเราไปรับยาแล้วกลับกันเถอะ” “ค่ะ” ฉันค่อยๆ พยุงพ่อออกมาแล้วไปรอรับยา ระหว่างนั้นฉันสังเกตได้ว่า พ่อดูเศร้าลงมาก แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่รู้ว่าคงเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อคุยกับหมอคนเมื่อกี้แน่นอน “พ่อคะ พลอยไม่รู้ว่าพ่อกำลังเศร้าเรื่องอะไร แต่ตอนนี้ เรามีครอบครัวที่อบอุ่น และเราก็มีความสุขดี เรื่องอดีตปล่อยผ่านมันไปแล้วอยู่กับปัจจุบันนะคะ” ฉันไม่รู้จะปลอบใจพ่อยังไง เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าพ่อฉันเศร้าเรื่องอะไร ก็เลยพูดรวมๆออกมา ขณะขับรถกลับบ้าน “ขอบคุณนะ ลูก” พ่อหันมายิ้มให้ฉันส่วนฉันก็ยิ้มกลับไปเช่นกัน “พลอยรักพ่อนะคะ” . . . ณ ผับ Demon “ได้ยินว่าไอ้โซ่จัดหนัก” ผมหันไปพูดนิ่งๆ ใส่ไอ้เคน กับข่าวที่ผมรู้มา ทันทีที่ผมพูดจบ ไอ้ไนท์และไอ้ซันก็หันไปมองมันตามผม “เออ แม่ง!” ไอ้เคนพูดก่อนจะหยิบเหล้าอีกแก้วกระดกเข้าปาก หลังจากที่มันเพิ่งเอาเข้าปากไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ “แล้วมึงจะเอาไง” เสียงไอ้ไนท์ถามมันต่ออีก “คิดอยู่”  “มันเหี้ยจริงๆ เหี้ยจนกูไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดแล้ว” ไอ้ซันพูดขึ้นมาอีกคน ก่อนที่จะได้พูดอะไรกันต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก๊อกๆ  “มีคนฝากจดหมายส่งให้คุณเคครับ” ลูกน้องของไอ้ซันที่ปกติจะยืนกันยั้วเยี้ยเต็มผับไปหมด เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับยื่นซองจดหมายสีชมพูส่งให้ผม ผมยื่นมือไปรับ ก่อนจะพลิกไปมา เพื่อดูรอบๆ ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า “เธอบอกว่า ถ้าคุณเคตอบรับให้ลงไปหาเธอ เธอจะรออยู่ข้างล่างครับ” ลูกน้องไอ้ซันพูดอีกรอบ ก่อนจะออกจากห้องไป “จดหมายรักเหรอวะ?” ไอ้ซันถามขึ้นมา “สมัยนี้ยังมีใครให้จดหมายรักกันอีกเหรอวะ” ไอ้เคนพูด พร้อมหยิบเหล้ากระดกเข้าปากเช่นเดิม “มา กูช่วยอ่าน” ไอ้ไนท์พูด พร้อมจะคว้าจดหมายจากมือผมไป แต่ผมไหวตัวทันเลยกระตุกแขนขึ้นพร้อมเดินไปอีกฝั่งของห้อง ผมขออ่านก่อน เผื่อเป็นความลับโดยตรงของผม.. “แค่นี้ทำเป็นหวง โด่ววว” แล้วเสียงพวกเพื่อนเวรก็พูดมาอย่างต่อเนื่อง แต่พวกมันก็ไม่ได้เอาจริงเอาจังหรอก พวกผมมีพื้นที่ให้กันเสมอ ถ้ารู้ตัวว่าก้าวก่ายไม่ได้ เราก็จะไม่ล้ำเส้นกัน ผมค่อยๆ เปิดอ่านข้อความในจดหมายสีชมพูดสดใสนั่น ถึง คุณเค ดิฉันเป็นตัวแทนจากทีมงานกิจกรรม Sianta Festival เนื่องจากคุณเคค่อนข้างมีคนติดตามเยอะพอสมควร ทางทีมงานจึงขอรบกวนให้คุณเค ร่วมโปรโมทกิจกรรมกับทางเราหน่อยค่ะ  ถ้าหากคุณเคไม่ติดขัดอะไร ทางทีมงานจะส่งรูปภาพและเนื้อหาในการโปรโมทให้ภายหลัง ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ผมเอาแต่มองข้อความนั่นไปมา ไม่ใช่เพราะเนื้อหาของข้อความ แต่มันเป็นเพราะลายมือ! ลายมือนี่มัน.. เหมือนกับในสมุดที่ผมเก็บได้!! ผมรีบเดินออกไปจากห้องทันที พร้อมได้ยินเสียงเพื่อนผมโวยวายไล่หลังมา “เฮ้ยไอ้เค แม่งรีบไปไหนวะ!!” ตอนนี้ผมลงมาถึงข้างล่าง ตรงทางเข้ามายังโซน VIP พร้อมทั้งลากลูกน้องไอ้ซัน คนที่เอาจดหมายไปให้ผมลงมาด้วย “คนไหน” ผมหันไปพูดนิ่งๆ ก่อนที่ลูกน้องไอ้ซันจะชี้ไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนหันหลังอยู่ ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวค่อนข้างเปรี้ยวเลยทีเดียว เธอใส่เสื้อสายเดี่ยวเอวลอยสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาว พร้อมทั้งใส่ส้นสูงสีแดงสด โดยรวมก็ถือว่าหุ่นดีแต่เพราะเธอยืนหันหลังให้ผม ทำให้ผมยังไม่เห็นหน้าของเธอ ผมสาวเท้าเดินไปยังตำแหน่งที่ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ ก่อนจะเดินอ้อมไปเพื่อมองหน้าเธอทันที!!! “คนไหน” ผมหันไปพูดนิ่งๆ ก่อนที่ลูกน้องไอ้ซันจะชี้ไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนหันหลังอยู่ ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวค่อนข้างเปรี้ยวเลยทีเดียว เธอใส่เสื้อสายเดี่ยวเอวลอยสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาว พร้อมทั้งใส่ส้นสูงสีแดงสด โดยรวมก็ถือว่าหุ่นดีแต่เพราะเธอยืนหันหลังให้ผม ทำให้ผมยังไม่เห็นหน้าของเธอ ผมสาวเท้าเดินไปยังตำแหน่งที่ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ ก่อนจะเดินอ้อมไปเพื่อมองหน้าเธอทันที!!! ตอนนี้ผมมายืนประจันหน้ากับเธอเป็นที่เรียบร้อย เธอค่อนข้างมีใบหน้าที่สวยเฉี่ยว แต่งหน้าค่อนข้างจัด โดยรวมก็ถือว่าสวยเลยทีเดียว แต่..ผมกลับรู้สึกว่าไม่ใช่ “พะ พี่เค!” “เธอเขียนรึเปล่า” ผมยกกระดาษที่ถือในมือขึ้นพร้อมถามออกไป แต่เธอคนนั้นกลับส่ายหน้าตอบกลับมา “เปล่าค่ะ เพื่อนศรเขียน” “สรุปว่าพี่เคจะช่ว..” “แล้วเพื่อนเธออยู่ไหน” ผมพูดแทรกทันที เพราะตอนนี้ผมไม่ได้อยากฟังสิ่งที่เธอจะพูด ผมต้องการรู้แค่ว่าใครคือเจ้าของลายมือนี้ “อะเออ ..มันกลับไปแล้วค่ะ เออ ตกลงจะช่ว..” “เรียกเพื่อนเธอคนที่เขียนจดหมายนี้กลับมา” และเป็นอีกครั้งที่ผมต้องพูดแทรกด้วยเสียงเรียบ “ฮะ!!” ผมยืนมองนิ่งๆ ไม่พูดอะไรต่อ นอกจากดูการกระทำของคนตรงหน้าเท่านั้น “ค่ะๆๆ สักครู่นะคะ” แล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะกดโทรหาใครสักคน “แกกลับมาที่ผับด่วนเลย..พี่เคลงมาแล้ว..เนี่ยอยู่หน้าฉันเลย..โคตรหล่อ...ไม่รู้ว่ะ..เขาบอกว่าให้แกกลับมาอะ...กูไม่รู้โว๊ย..แกต้องมา!!..ให้ไวเลยนะ” กรึก! “เรียบร้อยแล้วค่ะ แหะๆ” “อืม มาแล้วให้คนไปตาม” ผมพูดด้วยท่าทางนิ่งๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังห้องก่อนหน้าที่ผมอยู่ทันที “อ้าว ไอ้เหี้ยเค กลับมาแล้วเหรอวะ สรุปนั่นจดหมายรักป่ะ” “คนมาสารภาพ เด็ดมั้ย” “กูว่าไม่ใช่จดหมายรักหรอก ไอ้เคแม่งสนใจเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน” “เออจริง แล้วมึงรีบเดินออกไปไหนวะ” “เออนั่นดิ ใครทำอะไรมึง บอกกู กูไปฆ่าแม่งให้” ตอนนี้ผมไม่สนใจไอ้พวกนี้แม้แต่น้อย อยากเห่าอะไรก็เห่าไป เพราะตอนนี้สมองผม ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นแล้ว นอกจากสิ่งที่ผมกำลังรอ ผมเลยทำเพียงเก็บจดหมายใส่กระเป๋ากางเกงแล้วยกเหล้าขึ้นมากระดกเท่านั้น “ไอ้สัส นี่เราสามคนคุยกับใครอยู่วะ” “กูว่า เราอย่าไปสนใจมันเลย ปล่อยแม่งเถอะ เดี๋ยวมันอยากเล่ามันก็เล่าเอง” “ให้มันได้อย่างนี้สิ เพื่อนกู!!” ความรู้สึกตอนนี้ผมอธิบายไม่ถูก มันรู้สึกนั่งไม่ติด รู้สึกว่าเมื่อไรจะมีคนมาตามให้ลงไป รู้สึกรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับหัวใจที่ตอนนี้มันเต้นแรงเหมือนตอนที่ผมวิ่งถึงกิโลเมตรที่ 10 มันเต้นเร็วรัวไปหมด ผมไม่เข้าใจว่าอาการนี้มันคืออะไร.. ตอนนี้ผมได้แต่นั่งนิ่ง ยกแก้วขึ้นมากระดกรัวๆ เหมือนไอ้เคนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด แต่ผมไม่ได้กลุ้มใจเหมือนมัน แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าผมกำลังรู้สึกอะไรอยู่ “ไอ้สัสเค กูเพื่อนมึงนะเว้ย มึงเป็นอะไรวะ ขึ้นมาแล้วไม่พูดไม่จา แถมกินเหล้ารัวๆ ..ร้านกูเจ๊งกันพอดี” “สัส สรุปมึงห่วงเพื่อนหรือห่วงร้าน” “ก็ทั้ง..” ก๊อกๆ “คุณเคครับ..” ไม่ทันที่ลูกน้องไอ้ซันจะรายงาน ผมก็ก้าวฉับๆ ออกไปทันทีโดยไม่ฟังเสียงใครที่พูดไล่หลังมาทั้งนั้น ผมจะได้เจอเธอแล้วสินะ เจ้าของสมุดเล่มนั้น ผมเดินไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ เหมือนที่ผมทำเป็นประจำ แต่ข้างในมันไม่ได้นิ่งเลยสักนิดเดียว เหมือนตอนนี้กำลังนับถอยหลัง เตรียมเคาท์ดาวน์อะไรสักอย่าง และเมื่อผมลงมาถึงข้างล่าง คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงก่อนหน้าที่ผมเจอ ก็ทำให้ผมรู้สึกนิ่งไปเลยทันที ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว KPS ..เค พลอยใส พลอยใส ..คือเธอเองสินะ..
已经是最新一章了
加载中