ตอนที่ 14   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 14
“ปลอดภัยแล้ว ไม่ร้องนะครับ” ไม่นานก็มีเสียงอบอุ่นที่เปล่งออกมาจากคนที่สวมกอดฉันไว้ คุณเคยแอบรักใครสักคนมั้ย ...แอบรักมาหลายปี และเขาก็อยู่สูงจนเราทำได้แค่เฝ้ามองเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่ง คุณพบว่าคนๆ นั้นมาอยู่ตรงหน้าคุณ ยิ้มให้คุณ พูดกับคุณ และกอดคุณไว้ คุณคิดว่า ตอนนี้ฉันจะเป็นยังไง …แน่นอน ฉันกำลังล่องลอย ตอนนี้ฉันเริ่มหูอื้อ แม้เสียงผับแห่งนี้จะดัง แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเงียบสงัดไปในทันที ทุกอย่างมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฝันไป..หรือว่าฉันกำลังฝัน? ฉันเลยผละออกมาจากอ้อมกอด แล้วเปลี่ยนมาหยิกแก้มตัวเองอย่างสุดแรง โอ๊ยยยย เจ็บ.. ฉันเปลี่ยนเป็นสีหน้าเหยเกตามความเจ็บจากการหยิกตัวเอง ฉันกลับไปมองหน้าคนตรงหน้าอีกครั้ง ก็พบว่าเฮียกำลังยิ้มมุมปากให้ฉันอยู่ ซึ่งมันช่างอบอุ่นต่อใจฉันจริงๆ นี่มันคือเรื่องจริง จริงๆน่ะเหรอ ... เฮียมองอยู่อย่างนั้นด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะเอามือมาแตะแก้มฝั่งที่ฉันเพิ่งหยิกตัวเองไปเมื่อครู่ ว่ามันไม่ใช่ความฝัน พร้อมลูบไปมาอย่างแผ่วเบา นั่นทำให้ฉันตาโตตกใจมากกว่าเดิม “มาทำอะไรที่นี่” เฮียพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยความแผ่วเบา แต่ก็ยังคงลูบแก้มฉันไปมาอยู่อย่างนั้น จนฉันต้องจับมือเขาให้หยุด แล้วเบี่ยงหน้าหลบแทน ก่อนจะก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย “บอกแล้วใช่มั้ย เวลาคุยห้ามมองเท้า” เฮียพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วใช้นิ้วช้อนคางฉันขึ้นมาให้สบตากับเขาอีกครั้ง “สรุปว่ามาทำอะไรที่นี่ หื้มม..” เฮียพูดด้วยเสียงนุ่มอีกครั้ง ทำให้ฉันต้องรีบดึง สติกลับมา “เอ่อ..” จะบอกว่าอะไรละ บอกว่าพวกเพื่อนฉันให้ฉันมาทดสอบเฮียก็ยังไงๆ “เพื่อนนัดมาค่ะ ..งั้นขอตัวก่อนนะคะ” ฉันควรออกมาจากสถานการณ์ตอนนี้ก่อน ขอเวลาออกไปหายใจและทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน เพราะตอนนี้สมองฉันกำลังเบลอสุดๆ แต่จังหวะที่ฉันกำลังจะก้าวเท้าเดินไปยังโต๊ะที่เพื่อนฉันบอกมา ข้อมือเปล่าของฉันก็โดนจับกุมโดยมือหนาของคนข้างๆ ทันที “โต๊ะไหน” เฮียเคพูดนิ่งๆ พร้อมหันมามองหน้าฉันเพื่อต้องการคำตอบ ฉันมองตรงมือที่เขาจับไว้ก่อนจะตอบออกมาอย่างเลื่อนลอย “13 โซน D” จากนั้นฉันก็เดินไปตามแรงจูงของเฮียจนกระทั่งถึงโต๊ะที่บอกก่อนหน้า โดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงโต๊ะเพื่อนฉันได้ยังไง มันเหมือนกับหายตัวมามากกว่า ระหว่างเดินมาเสียงเพลงที่เปิดจะดังแค่ไหนฉันก็ไม่ได้ยิน เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะตลอดทางเฮียโอบไหล่ฉันอย่างแนบแน่น โดยที่ฉันไม่เดินชนกับใครในผับเลยสักคนเดียวทำให้ฉันได้แต่เงยหน้าไปมองปลายคางและใบหน้าที่มองตรงด้วยสีหน้าเรียบเฉยในระยะใกล้ๆ ตลอดเวลา และที่สำคัญก่อนเขาจะทำแบบนั้น เขาพูดขึ้นมาด้วยเสียงอบอุ่นว่า “ขออนุญาตนะครับ” งื้ออออ..ละมุนนนน “ห้ามถอดเสื้อคลุมนี้ จนกว่าจะถึงบ้าน” เฮียเคพูดกับฉัน เมื่อเรามาถึงโต๊ะที่ฉันบอก โดยที่ตอนนี้เขาเปลี่ยนจากโอบไหล่เป็นกลับมาจับมือฉันอย่างเดิม ก่อนที่เฮียจะหันไปหาเพื่อนฉันที่นั่งหน้านิ่งอ้าปากค้าง มองมาทางฉัน แล้วพูดประโยคต่อมา ที่ทำให้ทุกคนตาค้างมากกว่าเดิม “รบกวนครั้งหน้า พวกน้องๆ อย่าให้พลอยใสแต่งตัวแบบนี้อีกนะครับ” เฮียเคพูดจบก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันที ทิ้งให้ฉันเข่าอ่อนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีโซฟารองรับ รวมทั้งเพื่อนๆ ฉันที่นิ่งและมองหน้ากันไปมา ก่อนที่ยัยเกรวี่จะดึงสติกลับมาคนแรก และทำให้ทุกคนดึงสติกลับคืนมาตามๆ กัน “กรี๊ดดดดด พี่เคตัวเป็นๆ หล่อมากกกกก” “โอ๊ยยย ยัยพลอยยย ดูสิมีเอาเสื้อคลุมมาให้ด้วย ” “แล้วดูที่เขาบอกพวกเราสิ โคตรเป็นห่วงมันเลย อิจฉาาาาา” ส่วนฉันในตอนนี้น่ะเหรอ วิญญาณออกจากร่างอีกรอบแล้วล่ะ พรึบ ฉันได้แต่นั่งสมองเบลอและไม่ได้ยินอีกเลยว่าพวกเพื่อนฉันมันพูดอะไร เห็นแต่ว่าปากมันขยับไปมาเท่านั้นเอง นี่ฉัน ไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใช่มั้ย... ( ◕ ▃ ◕ ) K Part “เห้อ!! ไอ้เหี้ยซันนะแม่ง ทิ้งงานให้กูอีกล่ะ” เสียงไอ้เคนบ่นใส่ผมทันทีที่เปิดประตูห้องมา พร้อมกับถือกล่องอะไรสักอย่างในมือ ช่วงนี้เพื่อนผม ไอ้ไนท์กับไอ้ซัน มันกำลังเล่นเกมแข่งกันจีบผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แต่ผมว่า เกมของมันเริ่มจะไม่ใช่เกมแล้วล่ะ โดยเฉพาะไอ้ซันเล่นเกมอะไรของมันก็ไม่รู้ โคตรนอกเกมไปไกลพอสมควร และเกมของมันก็เลยทำให้วันนี้มันทั้งสองคนไม่ได้มาที่ผับ มีแค่ผมกับไอ้เคนที่ช่วยดูร้านให้ไอ้ซัน “อะไร” ผมมองไปที่กล่องที่ไอ้เคนถือ พร้อมทำหน้าเลิกคิ้วขึ้นมา “ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้เอามาให้ คนมันหล่ออะนะ หึหึ” ไอ้เคนพูดอย่างอารมณ์ดีแต่ค่อนข้างจะกวนตีนเล็กน้อย พร้อมกับโยนกล่องนั่นไปบนโต๊ะอย่างไม่สนใจ “มึงไปรับของคนมามั่ว? สัส ระเบิดมั้ย?” ผมพูดนิ่งๆ พลางมองไปทางมัน ไอ้เหี้ยนี่มันโหดครับ ศัตรูแม่งก็เยอะเมื่อก่อนมีเรื่องต่อยตีได้เกือบทุกวัน แต่ตอนนี้ก็เพลาๆลงละ ไม่ใช่ตีน้อยลงนะ แต่ใครเรืื่องเยอะ แม่งสั่งเก็บอย่างเดียว มันถึงได้ศัตรูเยอะไงล่ะ “ไม่ใช่ระเบิดหรอก แม่งเบา แต่เปิดดูก็ได้วะ” ไอ้เคนพูดพร้อมเปิดกล่องออกมาทันที แต่ก็พบว่าเป็นเสื้อโค้ทตัวใหญ่และมีการ์ดหัวใจสีชมพูวางเอาไว้บนเสื้ออีกที “ใส่แล้วอย่าลืมคิดถึงมิงค์นะคะ โอปป้า เชี่ย!!! ขนลุกสัส โอปปงโอปป้าเหี้ยอะไรวะ!” ไอ้เคนหยิบการ์ดมาอ่าน ก่อนจะโยนทั้งการ์ดและเสื้อลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี “ครั้งหน้าก็อย่าไปรับมามั่วแบบนี้อีกละกัน ครั้งนี้เสื้อ แม่งครั้งหน้าอาจจะเป็นระเบิดก็ได้” ผมพูดกับมันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถึงเพื่อนผมจะเป็นมาเฟียทั้งสามคน แต่มันคือคนที่น่าเป็นห่วงที่สุด “คร๊าบบ คุณพ่อเควิน!..กูเปลี่ยนไปเดินดูบรรยากาศดีกว่า แม่งหลอนข้อความสัส!” มันพูดกวนตีนผมจบก็เดินไปดูตรงกระจก เพื่อสอดส่องความเรียบร้อยในผับ ส่วนผมก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดก ก่อนจะเดินไปดูกับมันด้วย “เชี่ย สวยว่ะ เสื้อแดงคนนั้นน่ะ หน้าคุ้นๆม่ะมึง” ไอ้เคนพูดขึ้นมาทำให้ผมต้องมองตามปลายนิ้วที่มันชี้ “เหี้ย!!” ผมอุทานออกมาเสียงดังจนไอ้เคนหันมามอง จะไม่ให้ผมตกใจได้ไง ก็แม่งที่มันชี้ก็คือ พลอยใส!! ผมเห็นพลอยใสที่แต่งตัวโคตรเซ็กซี่ ต่างกับปกติอย่างสิ้นเชิง เป็นเกาะอกสีแดงสั้นแค่คืบ ผมเห็นเธอเงยหน้าขึ้นมาตรงนี้และเหมือนจะมีเพื่อนๆ ของเธออีกสามคน ในนั้นก็มีคนเมื่อวานที่ชื่อศรอยู่ด้วยค่อยๆ ก่อนจะเดินจากพลอยไป และยกมือทำท่าส่งลาให้ จากสายตาที่เธอมองขึ้นมาบนนี้บ่อยๆ และทำหน้าเหมือนจะร้องไห้พร้อมทั้งยังยืนตัวสั่นเหมือนลูกนก ผมก็พอจะคาดเดาได้ว่าเธอและเพื่อนจะทำอะไรกัน “กูขอ” ผมหยิบเสื้อโค้ทของไอ้เคนออกมาจากกล่องแล้วก็เดินออกจากห้องไปเลยทันที โดยไม่สนใจเสียงมันโวยวายไล่หลังมา ใครสั่งใครสอนให้แต่งตัวแบบนี้กัน!! แต่เมื่อผมลงมาข้างล่างผมก็เจอผู้ชายกำลังจับแขนยัยนั้นเหมือนจะลากไปไหนสักที่ ผมเลยรีบเดินด้วยความเร็วเพื่อปัดมือนั่นออกทันทีและเอาเสื้อไอ้เคนไปคลุมให้เธอแทน แล้วก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน เธอยืนตัวสั่นมองหน้าผม ก่อนจะร้องไห้ออกมา ทำให้ผมนึกถึงส่วนหนึ่งในบันทึก ‘วันไหนที่ฉันร้องไห้ ...วันนั้นได้อ้อมกอดของเฮียก็คงจะดีไม่น้อย แต่ในความเป็นจริงแล้ว...ฉันได้แต่กอดสมุดเล่มนี้ไว้เท่านั้นเอง’ ผมเลยหันไปกอดเธอทันที ผมรับรู้ได้ถึงแรงสั่นจากตัวเธอ ก็เลยพูดปลอบเธอออกไป แต่ไม่นานเธอก็นิ่งไป ก่อนที่จะผลักผมออกเบาๆ แล้วหยิกเข้าที่แก้มตัวเองอย่างแรง พร้อมปลี่ยนเป็นสีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บปวด ภาพนั้นมันทำให้ผมแทบจะหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ทำแค่เพียงยิ้มมุมปากให้ไปเท่านั้น เธอคิดว่าเธอกำลังฝันอยู่เหรอ พลอยใส หึหึ หลังจากนี้ เธอไม่ต้องฝันอีกแล้ว เพราะผมนี่แหละ จะทำให้เธอได้พบกับความจริงที่เหมือนฝัน !! . . . แต๊ก แต๊ก แต๊ก ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด ผมกำลังนั่งดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่ตอนนี้กำลังแสดงช่องกรอกรหัสผ่านในการถอดรหัสสุดท้ายอย่างท้อแท้อีกครั้ง ผมทิ้งศรีษะตัวเองลงบนพนักเก้าอี้ภายในรถก่อนจะหลับตาลง แล้วเอานิ้วโป้งกับนิ้วชิ้ขมวดปลายคิ้วสองฝั่งด้วยมือเดียวไปมา เห้อ!!! ติดปัญหาอีกแล้วเหรอวะ!! มันเป็นเวลาสามปีแล้ว ที่ผมเริ่มศึกษาการเขียนโปรแกรมโดยเฉพาะทักษะแฮกข้อมูล ผมลืมตาและหยิบใบสำคัญทางการแพทย์ที่มีแต่ผู้ที่ถนัดเฉพาะทางเท่านั้นจะอ่านรู้เรื่อง ออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่ผมพกมา ผมอ่านมันอยู่หลายครั้งในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เห็น มันทำให้ผมย้อนไปเมื่อตอนได้มันมา . . . สามปีที่แล้ว “ดิน อย่าบอกเรื่องนี้ให้ฟรองค์และลูกๆ ของฉันนะ ฉันขอ” เสียงของม๊าที่ลอดออกมาจากห้องทำงาน ทำให้ผมหยุดชะงักที่จะเคาะประตูเพื่อเข้าไปหา “แต่นี่มันเรื่องสำคัญนะจิน” “ฉันไม่อยากให้พวกเขาเครียด เอาเป็นว่าฉันจะหาทางแอบไปรักษากับนายโดยที่ไม่ให้พวกเขารู้ละกัน” “เห้อ..แล้วแต่ละกัน แต่ไม่ควรนานนะ เธอควรรีบเข้ารับการรักษาให้เร็วที่สุด” “อืม ไม่นานหรอก“ “ในฐานะหมอ ฉันก็คงจบการคุยเท่านี้แล้วก็เดินออกจากห้องนี้ไป แต่ถ้าในฐานะเพื่อนที่รู้จักมานาน ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมเธอไม่ฟ้องร้องเขา เขาทำให้ครอบครัวเป็นหนี้เป็นสินจนลำบากขนาดนั้น แล้วยังทำให้ต้องมีสภาพแบบนี้อีก” สิ้นเสียงของอาดินหรือแพทย์ประจำตัวแม่ผม ก็ทำให้ผมถึงกับขมวดคิ้ว เขา? เขาคือใคร ช่วงหนึ่งตอนเด็ก ขณะที่ผมอายุเพียง 7 ขวบ ไอ้คิน 5 ขวบ และเฮียไค 11 ขวบ เป็นช่วงวิกฤตรุนแรงของบ้านผม ตอนนั้นแด๊ดกับม๊าเป็นหนี้ยี่สิบล้าน ถึงผมจะยังเด็ก แต่ผมก็จำความได้ ผมเห็นม๊าร้องไห้ทุกวัน แด๊ดต้องคอยปลอบใจหลายวันกว่าม๊าจะกลับมาเข้มแข็ง แด๊ดกับม๊า ตัดสินใจส่งเฮียไคไปอยู่กับลุงที่อังกฤษ เพื่อลดภาระจริงๆ จะส่งไปทั้งสามคน แต่ม๊าทำใจไม่ได้ มันเจ็บปวดเกินไปที่คนเป็นแม่จะส่งลูกออกจากอ้อมอกไปมากกว่า 1 คน เลยต้องส่งเฮียไปคนเดียวและลุงก็ยื่นคำขอ คือขอให้เฮียไปเป็นลูกบุญธรรมของลุง เนื่องจากลุงไม่มีภรรยาและลูก และการเป็นลูกบุญธรรมของลุงนั่น มันทำให้ชีวิตของเฮียผมเปลี่ยนไปเลย บ้านหลังนี้ที่ผมอยู่ ครั้งหนึ่งเคยขายไปเพราะแด๊ดกับม๊าไม่มีเงินมาจ่ายหนี้ ทำให้เรา 4 คนต้องระหกระเหินไปเช่าหอพักถูกๆ อยู่ แต่ถึงอย่างนั้น แด๊ดกับม๊าก็ยังมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ผมกับไอ้คิน ไม่ว่าจะสถาบันการศึกษา อาหาร หรือหนังสือหนังหา ก็มีให้ไม่เคยขาด ผมยังจำได้ ผมเห็นพวกท่านกินข้าวกับน้ำปลา ส่วนผมกับไอ้คินได้กินเนื้อปลาจริงๆ ตอนเด็กผมไม่เข้าใจ ผมทำเพียงแค่แบ่งปลาส่งให้ม๊า แต่ท่านก็เอาแต่ร้องไห้ หลังจากนั้นมา ผมก็เห็นแด๊ดกับม๊าเอาแต่ทำงาน ทำงานจนบ้าคลั่ง แทบไม่มีเวลาให้ผมกับไอ้คิน จนพวกท่านเริ่มกลับมาตั้งตัวได้ตอนผมอายุ 10 ขวบ และผมก็ได้ย้ายเข้ามาบ้านหลังนี้อีกครั้ง แต่ช่วงระหว่างนั่นก็เกิดปัญหาอีก ทำให้ม๊าและแด๊ดต้องหกล้มคลุกคลานอีกครั้ง แต่นั่นไม่โหดร้าย ถ้าเทียบกับข่าวว่าม๊าผมเป็นอัมพาตครึ่งล่าง.. โอกาสที่จะกลับมาเดินได้มีเพียงแค่ 10% และตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแด๊ดผมร้องไห้ แด๊ดบอกผมว่า ม๊าประสบอุบัติเหตุ ขับรถชนเสาไฟฟ้า ก็เลยเป็นแบบนี้ แต่วันนี้ที่ผมได้ยิน เขาทำให้ม๊าเป็นแบบนี้ เขาทำให้พ่อกับแม่ผมต้องล้มละลาย เขา..เขาคือใคร? “เรื่องมันผ่านไปนานแล้วดิน อย่าพูดถึงมันอีกเลย” “อืม.. ถ้างั้นขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” ผมรีบวิ่งไปหลบในห้องข้างๆ อีกห้องทันที พร้อมเก็บความสงสัยไว้ในใจ . . . “นี่ ผลการรักษาของแม่มึง ตั้งแต่วันเกิดเรื่องจนถึงปัจจุบัน” ไอ้ไนท์ ยื่นเอกสารปึกหนึ่งให้ผม ด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด หลังจากที่ผมได้ยินเหตุการณ์ครั้งนั้น ผมเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักของผม เนื่องจากไอ้ไนท์เป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่แม่ผมทำการรักษา และตอนนี้มันก็กำลังศึกษาแพทย์ซึ่งใกล้จะจบแล้ว “กูอ่านไม่รู้เรื่องหรอก มึงช่วยดูแล้วตอบคำถามกูสองข้อหน่อย...หนึ่ง ที่แม่กูเป็นแบบนี้เพราะอะไร และสอง..ตอนนี้แม่กูจะเป็นอะไร” ผมพูดใส่มันนิ่งๆ และก็เห็นมันทำหน้าเครียดกลับมา นั่นทำให้ผมรู้สึกกระสับกระส่ายในคำตอบที่จะได้รับ แต่ผมก็ยังทำหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรออกไป “มึงก็ทำใจดีๆ ไว้ละกัน” “…” “อืม..ข้อแรก..ใบนี้..มันบอกว่า เส้นประสาทในส่วนการรับรู้ตั้งแต่ช่วงเอวลงไปถูกตัดขาดไป สาเหตุมาจาก...ลูกกระสุนปืน” กระสุนปืน?? หลังพูดจบมันก็มองหน้าผมนิ่งๆ ผมทำเพียงพยักหน้ารับรู้ไป “ข้อสอง..เนื่องด้วยแม่ของมึงเป็นมาหลายปี ทำให้กล้ามเนื้อตายสะสม จนตอนนี้มันลามไปยังกระเพาะอาหาร ทำให้..อาหารไม่ย่อยแล้วมีผลอักเสบต่อเนื่องไปยังลำไส้ เพราะฉะนั้น ...ถ้าอนาคตไม่ตัดกระเพาะส่วนนั่นออก แม่มึงมีแนวโน้มจะเป็นโรคลำไส้อุดตันได้ และมันก็อาจจะ..ส่งผลต่อ..ชีวิต” ไอ้ไนท์พูดนิ่งๆ ใส่ผมและมองหน้าผมไปมาระหว่างกำลังพูด ส่วนตัวผมเอง ก็ล้มตัวนั่งลงอย่างคนหมดแรง “อันนี้สำเนา กูยกให้มึงนะ” มันยื่นเอกสารทางการแพทย์ส่งมาให้ผม ผมเปิดอ่านแต่ละใบอย่างเหม่อลอย แม้ว่าผมจะอ่านไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ ไอ้ไนท์มันทำเพียงนั่งข้างผม แล้วก็ตบไหล่ผมสองสามที แล้วก็ลุกออกไป ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว มันรู้ว่าเวลานี้ผมต้องการอยู่คนเดียว ลูกกระสุนปืน งั้นเหรอ ?
已经是最新一章了
加载中