ตอนที่ 18
“จะพาพลอยไปไหนคะ” ฉันหันไปถามเขาทันทีด้วยความไม่สงสัย
“ไปบ้านเฮีย”
ฮะ!!!!!
ฉันหันควับไปมองเขาทันทีด้วยความตกใจ แต่เขากลับทำสีหน้านิ่งเหมือนว่าเมื่อกี้แค่พูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
“ปะ ไปทำไม” แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไร เสียงโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้นมาซะก่อน ทำให้ฉันต้องหยิบมาดู ก็พบว่าเป็นพี่ลีนั่นเอง
“ค่ะพี่ลี”
“[พลอยอยู่ไหน มันพาพลอยไปไหน]”
“พลอยปลอดภัยดีค..” ฉันยังพูดไม่จบ มือถือที่ฉันแนบหูไว้ อยู่ๆ ก็ลอยหายไปทันที ซึ่งมันไม่ได้หายไปเอง เพราะตอนนี้มันกำลังอยู่ในมือของผู้ชายอีกคนที่อยู่ในรถนี้ไงล่ะ
เขาไม่ได้พูดอะไรกับคนในปลายสาย แต่เลือกที่จะกดวางสายก่อนที่จะปิดเครื่องแล้วเก็บใส่กระเป๋าของเขาทันที
“เฮียทำอะไรอะ!” ฉันมองการกระทำของเขาด้วยความตกใจก่อนจะพูดเสียงดังออกมาถามเขา
“มันเป็นใคร” เฮียไม่ตอบ แต่เปลี่ยนมาใช้เสียงแข็งๆ ถามฉันแทน
“พี่ลีน่ะเหรอ?” ฉันเอียงหน้าหันไปถามอย่างสงสัย ส่วนเฮียก็เอาแต่นิ่งไม่ตอบอะไรกลับมา นี่ถ้าจะนิ่งขนาดนี้ ฉันจะกระโดดกัดหูแล้วนะ คนอะไรหน้านิ่งชะมัด
“ก็เป็นพี่ที่รู้จัก” สุดท้ายฉันก็ตอบออกไปจนได้
“มันมารับมาส่ง?” เฮียพูดเสียงนิ่งพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วหันมาทางฉัน ก่อนจะหันไปขับรถต่อ
“ค่ะ คือ พลอยไม่มีรถขับ แล้วพี่ลีก็เลยอาสามารับมาส่ง แต่ก็แค่บางวันนะคะ บางวันพลอยก็ไปกับเพื่อน” ว่าแต่เขาจะอยากรู้ไปทำไมกัน?
ส่วนเรื่องที่ฉันไม่มีรถ มันก็ไม่แปลกหรอก อันที่จริงพ่อจะซื้อให้ แต่ฉันไม่อยากรบกวนท่าน เลยโกหกไปว่าฉันกำลังเก็บเงินอยู่เพราะอยากซื้อรถด้วยตัวเองมันภูมิใจกว่า พ่อก็เลยยอมตามนั้นและอีกเรื่องคือพ่อชอบพี่ลีมาก ก็เลยไม่ซื้อรถให้ฉันและเลือกให้ฉันไปกับพี่ลีแทน
“ห้ามไปกับมันอีก”
ฮะ!! ฉันหันขวับไปมองเขาอีกรอบด้วยความตกใจ
“ทำไมคะ?” เป็นอีกครั้งที่ฉันหันไปทำหน้าไม่สงสัยใส่เขา
“ไม่ต้องถามทำตามนั้นก็พอ” ยังงี้ก็ได้เหรอ?
“ละ แล้วถ้าพลอยไม่ทำละ” ฉันถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะฉันไม่เข้าใจเขาเลยสักนิดว่าเขาคิดอะไรอยู่
“แน่ใจว่าอยากรู้?” เฮียหันหน้ามาเลิกคิ้วใส่ พร้อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย
หมายความว่าไงอ่าา
“อื้มมม” ฉันทำเสียงเป็นเชิงตอบรับพร้อมเหลือบตาไปมองเขาเล็กน้อย และเป็นจังหวะพอดีที่ตอนนี้สัญญาณไฟจราจรข้างหน้ากำลังเปลี่ยนเป็นสีแดง
หลังเฮียหยุดรถเรียบร้อย เฮียก็ค่อยๆหันมาทางฉัน ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย และเอียงตัวมาหาฉันเรื่อยๆ ส่วนฉันก็หดตัวหดคอเรื่อยๆเช่นกัน จนในที่สุดเฮียก็เอามือมาค้ำที่เบาะ เหมือนเมื่อกี้ตอนคาดเข็มขัดให้ฉันไม่มีผิด แต่ตอนนี้เข็มขัดมันคาดเรียบร้อยแล้ว แล้วตอนนี้เขาจะทำอะไรอะ
“เด็กดื้อ ต้องถูกลงโทษ” เขาพูดขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะประกบปากจูบฉันทันที!
จูบอีกแล้ว!!! ตอนนี้เขาจูบฉันและพยายามจะสอดลิ้นเข้ามาแต่ฉันก็ปิดปากแนบสนิทเพราะความเกร็ง ทำให้เขาต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมือบีบแก้มฉันเบาๆ เพื่อให้ฉันยอมอ้าปาก ก่อนที่เขาจะแทรกลิ้นเข้ามาทันทีด้วยความนุ่มนวล
จูบนี้ จูบของเฮียเค อื้มมม...
ฉันเริ่มหลงเคลิ้มกับรสจูบหอมหวานนั้น เหมือนคราวที่แล้วไม่มีผิด ในความเป็นจริงฉันควรจะขัดขืนมัน แต่ฉันก็รู้สึกว่าไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านคนตรงหน้าซะงั้น
ระหว่างที่ฉันกำลังเคลิ้มเหมือนหลุดลอยไปอวกาศนั้น
ปี๊นนนนนน
เสียงแตรก็ดังขึ้นมา ทำให้ฉันสะดุ้งทันที ส่วนเฮียก็ค่อยๆ ผละจูบออกจากฉันช้าๆ ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ห้ามดื้อกับเฮียนะครับ” เฮียพูดจบก็หันไปขับรถต่อ ส่วนฉันก็กลายเป็นนางใบ้ตลอดทางเลยน่ะสิ!! //.
“เชรดด เฮียพาพี่พลอยมาจริงด้วย” ฉันเดินลงมาจากรถ ก็ได้ยินเสียงทุ้มลอยมาแต่ไกล เสียงนั่นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเสียงของคินนั่นเอง
แล้วพี่พลอยคือ? ดูสนิทสนมไปเลยแหะ ในงานคราวก่อนที่เจอกัน ก็ยังเรียกฉันว่าคุณพลอยอยู่เลย แล้วที่เขาพูดแบบนี้ แสดงว่าเฮียบอกที่บ้านเหรอว่าฉันจะมา?
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” คินหันมาพูดกับฉันพร้อมยิ้มในสไตล์ขี้เล่นของเขา แบบที่ฉันเคยเห็นมาก่อนหน้านี้
“เออ สวัสดีค่ะคุณคิน” ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไง เลยทักทายตามมารยาทไป
“โอ๊ย ไม่ต้องทางการหรอก เรียกผมคินก็พอ ไม่ต้องมาคงมาคุณหรอก คนกันเอง มาๆๆ ม๊ารออยู่” พูดจบ คินก็เดินเข้าบ้านไปเลย ทิ้งฉันให้ยืนงงอยู่กับเฮียที่ยืนหน้านิ่งก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาจับมือฉันแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
“หนูพลอย ตัวจริงน่ารักกว่าในคลิปอีกนะจ๊ะ” ฉันมองไปเห็นผู้หญิงสวยสง่าคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงกลางโซฟา แล้วก็มีชายสูงอายุที่มีใบหน้าโซนยุโรปนั่งอยู่ข้างๆ ก็น่าจะเป็นพ่อของเฮีย และตอนนี้ทั้งคู่ก็กำลังหันมายิ้มให้ฉัน นั่นทำให้ฉันยิ้มตอบกลับไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันกล่าวตอบไปอย่างงงๆ พร้อมมองหน้าทุกคนในห้องนี้ไปมา
“มาๆ มานั่งนี่สิหนูพลอย” แม่ของเฮียเรียกฉันพร้อมกวักมือให้ฉันเดินไปนั่งข้างๆ ฉันก็เดินไปแต่โดยดี
“ม๊าดีใจมากเลยนะที่หนูมา ม๊าอะ ชอบดูช่องของหนูพลอยมาก ตาเคก็เลยบอกจะพาหนูมาหา ตอนแรกม๊าก็ไม่อยากจะเชื่อเลย นึกว่าโกหกซะอีก” แม่เฮียพูดขึ้นมา พร้อมกับหันไปอมยิ้มให้กับฉันและเฮียเค
อ่อ..พามาบ้าน เพราะแม่เขาเป็น FC ฉันนี่เอง โธ่ ไอ้เราก็หลงดีใจ นึกว่าพามาหาแม่สามี
อร๊ายย พูดเองเขินเอง บ้าบอ “ผมไม่โกหกม๊าหรอกครับ นี่ไงพลอยใสตัวเป็นๆ เลย ตอนนี้อยู่ต่อหน้าม๊าแล้วนะครับ”
ทำไมตอนเฮียพูดกับแม่เขา มันช่างละมุนอย่างนี้นะ พูดไปยิ้มไปกับแม่ของเขาแบบนี้ ฉันอยากได้รับแบบนี้บ้างง
เคลิ้มมม ตื่นๆๆ
“ฮ่าๆ นั่นน่ะสินะ นี่ๆ หนูพลอยใส ดูของที่ม๊าทำตามคลิปของหนูสิ” แม่เฮียพูดเสร็จ ก็ลุกขึ้นเดินไปยังชั้นวางที่มีของประดิษฐ์มากมาย แต่ฉันรู้สึกว่าแม่ของเฮียเดินแปลกๆ ท่านค่อยๆก้าวขาช้าๆ แบบว่าช้ามาก เหมือนก้าวแต่ละครั้งก้าวได้ลำบาก จนสุดท้ายเฮียและพ่อของเฮียต้องเดินเข้าไปประคองเพื่อพาไปที่ชั้นวางของแทน
“พี่พลอยไม่ต้องงงหรอก ม๊าเดินช้าแบบนี้แหละ เพราะเพิ่งจะเดินได้ไม่นานมานี้เอง” ระหว่างที่ฉันกำลังมองอยู่นั่น คินก็พูดขึ้นมา คงรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่
“เดินได้ไม่นานมานี้?” ฉันทวนคำพูดของคินเมื่อกี้ด้วยความไม่เข้าใจ
“ใช่จ้ะ โทษทีนะหนูพลอยม๊าเลยเดินมาหยิบของให้ช้าเลย” แม่ของเฮียหันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มสดใส
“ไม่เป็นไรค่ะ เออ..คุณน้าเป็นอะไรเหรอคะ” ฉันเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นเดินตรงไปยังชั้นวางที่แม่ของเฮียและเฮียยืนอยู่แทน เพื่อไม่ต้องให้ท่านเดินวนกลับมาที่โซฟาอีก
“เรียกว่าม๊าสิ มานงมาน้าอะไรกัน”
“เอ่อ..ค่ะม๊า”
อร๊ายย แม่สามี “แล้วก็เรียกแด๊ดว่าแด๊ดนะ” อยู่ๆ พ่อของเฮียก็พูดพร้อมส่งยิ้มมาให้ ฉันเลยได้แต่หันไปมองหน้าเฮียด้วยความมึนงง ก่อนจะพูดออกมา
“ค่ะ แด๊ด”
อร๊ายย พ่อสามี “ม๊าประสบอุบัติเหตุ นานมาแล้วตั้งแต่เคเพิ่งได้สิบขวบน่ะ” พ่อของเฮียพูดออกมา แต่ฉันก็รู้สึกว่าแววตาของท่านมันดูเศร้าๆ ทั้งที่ปากก็ยังมีรอยยิ้มอยู่
“สิบขวบ!” ฉันพูดออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นแววตาของเฮียที่ไหววูบชั่วครู่
“ใช่ ส่วนผมก็ แปดขวบ แต่ผมจำเรื่องที่เกิดได้แม่นเลย” คินพูดพร้อมส่งยิ้มมาให้ฉัน แต่ฉันก็สัมผัสได้ว่าเป็นรอยยิ้มที่เศร้ามาก
“ตั้งแต่ตอนนั้น ม๊าเดินไม่ได้มาตลอด เพิ่งมาเดินได้ปีสองปีนี่เอง” เฮียพูดออกมานิ่งๆ เช่นกัน
“ถ้าไม่บอกไม่รู้เลยนะคะ ..ม๊าเก่งมากเลยค่ะ ทั้งเก่งทั้งอดทนทั้งเข้มแข็ง พลอยเชื่อว่า อีกไม่นาน ม๊าต้องเดินเร็วจนแซงพลอยได้แน่นอนค่ะ” ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มไปให้กำลังใจกับทุกคน ช่วงนั้นทุกคนคงผ่านวิกฤติเลวร้ายอย่างมาก
ฉันอดทึ่งไม่ได้จริงๆ คนที่เดินไม่ได้เลยเป็นสิบกว่าปี จนตอนนี้เดินได้แล้วจะต้องมีความตั้งใจและพยายามขนาดไหน
หลังฉันพูดจบม๊าและเฮียก็หันมายิ้มให้ฉัน
“ขอบใจจ้ะ..ม๊าจะรอดูว่า ระหว่างม๊าเดินแซงหนูพลอยได้ กับได้เห็นเคมีแฟน ไม่รู้ว่าอันไหนจะเกิดขึ้นก่อนกัน” ม๊าพูดออกมาพร้อมหัวเราะใส่เฮียไปด้วย
“อาจจะเป็นอย่างหลังก็ได้นะม๊า” คินพูดออกมาพร้อมหัวเราะและส่งสายตาไปทางเฮียเค ส่วนเฮียเคก็ทำท่าจะเตะคิน แต่คินก็หลบทัน
เขาอยู่กับน้องก็น่ารักดีนะเนี่ย
“เฮียแกนะไม่ใช่แก ที่จะมีเรื่องผู้หญิงมาให้ปวดหัวได้ตลอดเวลาน่ะ” ม๊าหันไปโวยวายใส่คิน แต่ก็ไม่ได้จริงจังมากนัก
“โธ่ ม๊า อย่าเอาผมมาแฉต่อหน้าสาวสิ หมดกันความน่าเชื่อถือ”
“พี่ว่าคินไม่มีความน่าเชื่อถือเรื่องนี้แต่แรกอยู่แล้วนะ” ฉันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากแซวไปแบบยิ้มๆ
“เห็นมั้ยม๊าาา หมดกัน ภาพพจน์ผม..พี่พลอยเปลี่ยนความคิดใหม่เลยนะ ผมอะรักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียน..ไม่เชื่อพี่พลอยลองมาคบกับผมดูสิคร๊าบบ” คินพูดออกมาด้วยความขบขัน ก่อนที่จะทำท่ามาซบลงตรงไหล่ฉัน แต่ยังไม่ทันที่หัวจะถึงไหล่ คินก็โดนเฮียเตะซะก่อน
พลั่ก
“โอ๊ยย เฮียแม่ง! ขี้หวง” หื้ม? หมายถึงอะไร หวงฉันเหรอ? ฉันยิ่งมโนเก่งอยู่ด้วยนะ // “หึ” เฮียหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนหันมามองหน้าฉัน จนฉันต้องหลบสายตานั่นแล้วมองไปที่ของประดิษฐ์ของแม่แทน
“เออ ว่าแต่ม๊าเก่งนะคะ ทำได้เหมือนในคลิปพลอยเลย เผลอๆสวยกว่าด้วยนะคะเนี่ย” ฉันทำทีเปลี่ยนเรื่องและหยิบของที่ม๊าทำออกมาดูที่ละชิ้นด้วยความตั้งใจ
“แหม หนูพลอยก็พูดเกินไป แต่ม๊าก็ว่าม๊าทำสวยจริงๆ นั่นล่ะ สงสัยต้องเปิดยูทูปแข่งกับหนูพลอยซะแล้ว ฮ่าๆ” ฉันส่งยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยความสุข
“หว้า แบบนี้พลอยคงต้องเตรียมตัวตกกระป๋องซะแล้วสิ ฮ่าๆ” หลังคำพูดฉัน ทำให้เรียกรอยยิ้มเล็กๆ ของทุกคนขึ้นมาแทน โดยเฉพาะเฮียที่หันมายิ้มให้ฉันแปลกๆ
“พลอยว่า ม๊ายืนนานแล้ว ไปนั่งก่อนดีมั้ยคะ” แล้วฉันก็ฉุกคิดได้ว่า ม๊าสุขภาพไม่ค่อยดีพากลับไปนั่งก่อนดีกว่า ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่จะค่อยๆ พาม๊าเดินไปยังโซฟา
“หนูพลอยมีแฟนรึยังจ๊ะ” ระหว่างพาม๊าเดินไปที่โซฟา อยู่ๆม๊าก็หันมาพูดกับฉัน
“ยังค่ะ” ฉันตอบยิ้มๆ กลับไป
“สนใจลูกชายม๊าสักคนมั้ย” หลังจากที่ม๊าพูดออกมา ฉันหันควับไปมองหน้าม๊าทันที ก่อนจะเหลือบมองไปทางเฮียเคแป๊บหนึ่ง ที่ตอนนี้เขาไม่ได้หน้านิ่งเหมือนก่อนหน้า แต่ยิ้มมุมปากเบาๆเล็กน้อย
จะผิดมั้ยถ้าจะตอบว่า สนค่าาาาาา
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
“เออ พลอยว่า พลอยขอโฟกัสเรื่องเรียนเหมือนคินก่อนดีกว่าค่ะ ฮ่าๆ” หลังฉันตอบเสร็จ ทุกคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ฮ่าๆๆ วันไหนเลิกโฟกัสเรื่องเรียน อย่าลืมลูกชายของม๊านะ” โอ๊ย ถึงจะโฟกัสเรื่องเรียน หนูก็ไม่ลืมลูกชายของม๊าหรอกค่าาาาาา
.
.
.
หลังจากนั้น พวกเราทุกคนก็กินมื้อเย็นกัน ฉันได้เห็นเฮียอีกมุมหนึ่งเวลาอยู่กับครอบครัวนี้
เฮียดูรักครอบครัวมากและดูอบอุ่นเวลาที่คุยกับพ่อแม่ของเขา ส่วนคิน อืม..ตอนแรกที่ทำงานด้วยฉันคิดว่าเขาก็ดูเป็นคนจริงจัง ถึงจะขี้เล่นไปบ้าง แต่พอได้เห็นในวันนี้ บอกเลยฉันหาโหมดจริงจังจากผู้ชายคนนี้ไม่เจอจริงๆ และที่น่ารักที่สุดคงจะเป็นพ่อแม่ของเขา ตลอดการนั่งกินข้าวแด๊ดดูแลม๊าตลอด ตักอาหารให้ พูดจาหวานยังกะจีบกันใหม่ๆ ซึ่งคินก็บอกว่าเป็นประจำเห็นจนชิน
โอ๊ยย ว่าที่ครอบครัวสามีของฉัน ทำไมมันดีงามยังงี้ละ!! ตื่นจ้า อีพลอยใสสายมโน!
ขากลับฉันจำเป็นต้องไปทำรายงานที่คอนโดของยัยเกรวี เพราะพวกเราทุกคนนัดรวมตัวกันที่นั่น เฮียก็เลยอาสาไปส่ง แต่ประเด็นมันคือตอนที่ถึงปลายทางแล้วน่ะสิ
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“ขับรถเป็นใช่มั้ย” อยู่ๆ เฮียก็ถามฉันขึ้นมา ระหว่างที่ฉันกำลังจะเปิดประตูรถ จนทำให้ฉันผงะไป ส่วนฉันก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักตอบกลับไปด้วยความงง ว่าเขาถามทำไม
แล้วเฮียก็ดับเครื่องก่อนจะลงจากรถไป ทำให้ฉันต้องรีบเปิดประตูลงจากรถตามเขาไปด้วยความไม่เข้าใจอีกครั้ง เฮียเดินอ้อมมาหาฉัน ก่อนจะยัดอะไรบางอย่างในมือ ฉันค่อยๆคลายออกมา ก็พบว่ามันคือ กุญแจรถนั่นเอง! แล้วเขาเอามาให้ฉันทำไมนะ
“ห้ามให้มันมารับมาส่งอีก เอาคันนี้ไป” เฮียพูดออกมาด้วยท่าทางนิ่งๆ ก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถอีกคัน ที่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันมาจอดตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งหน้าคนขับก็เป็นคนเดียวกับที่กันตัวพี่ลีไว้เมื่อตอนที่เกิดเรื่องนั่นเอง
แล้วรถคันนั้นก็ขับออกไปเลย โดยปล่อยฉันยืนเอ๋อ อ้าปากค้าง อยู่ตรงนี้คนเดียว
เฮียทำแบบนี้ทำไมกัน!!!