ตอนที่ 26   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 26
แต๊ก แต๊ก แต๊ก แต๊ก ติ่ง!! สำเร็จ!!!! ผมล้มตัวลงพิงพนักเก้านี้ พร้อมยกมือขึ้นมากอดอก ก่อนจะใช้สายตานิ่งมองดูผลงานในหน้าจอคอมตัวเองอย่างชัยชนะ ตอนนี้ผมทำการเข้าถึงตัวโปรดักส์ บริษัท Trayket ได้สำเร็จ บริษัทของนายไพศาล บริษัทของพ่อพลอยใส.. ในที่สุด วันนี้ก็สำเร็จสักที!!! ก่อนหน้านี้ผมทำถึงขั้นตอนสุดท้ายในการแฮกข้อมูล ติดก็แต่คีย์บางอย่างที่ใช้ในการถอดรหัส และมันจำเป็นต้องได้มาจากคนในเท่านั้น ถ้าจะให้ผมเข้าไปเอาในตัวบริษัทเองคงยากเพราะไม่รู้ว่าคีย์นี้ใครที่รู้บ้าง และการที่จะเข้าไปในบริษัทค่อนข้างอันตรายเพราะผ่านหลากหลายบุคคล แต่ถ้าเข้ามายังบ้านตัวประธานบริษัท ยังไงก็ต้องมีคีย์แน่ๆ และความอันตรายน่าจะน้อยกว่าที่ต้องเหยียบเข้าไปในตัวบริษัทอีกด้วย ในเมื่อเขาเป็นพ่อของพลอยใส การที่ผมจะเข้าถึงข้อมูลตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ใช่แล้ว..ที่ผมทำสำเร็จ ก็เพราะวันนั้น วันที่ผมไปบ้านพลอยใสนั่นเอง... หลังจากที่บอกพลอยว่าจะไปตามพี่ขจี ผมก็เดินไปยังบ้านใหญ่ที่ไม่มีใครนอกจากแม่บ้านทันที มันต้องไม่มีใครอยู่แล้วล่ะ เพราะว่าผมเป็นคนส่งบัตรสปาให้ท่านผู้หญิงของบ้าน และแม่ของพลอยเอง ส่วนลูกสาวของนายไพศาลอีกคน ผมก็รู้ว่าช่วงนี้เป็นเวลาเรียน ส่วนสาวใช้อีกสองคน ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ผมก็แค่ให้บัตรแพ็กเกจไปเที่ยวทะเลสุดหรูฟรีเฉพาะวันนี้กับแฟนของพวกเธอก็เท่านั้นเอง และคนสุดท้ายนายใหญ่ของบ้านหลังนี้ ก็กำลังไปขยายกิจการที่เกาหลียังไงล่ะ ผมทำทีเป็นเดินเข้าไปในตัวบ้าน จนกระทั่งเจอแม่บ้านของที่นี่ “สวัสดีครับ พอดีคุณพลอยทำอาหารอยู่คนเดียว ผมรบกวนพี่ขจีไปช่วยพลอยทำอาหารได้มั้ยครับ“ “อะ เออ จะว่าได้ก็ได้อยู่ค่ะ ว่าแต่คุณเป็นใครกันคะ” “ผมเป็นรุ่นพี่พลอยน่ะครับ พอดีพลอยจะทำอาหารขอบคุณผมนิดหน่อย แต่ผมเห็นว่าทำคนเดียวแล้วมันยุ่งยาก ก็เลยมาตามพีขจีไปช่วยหน่อย” “อ่อ ค่ะๆ ได้ค่ะ” “อืม..สวนรอบบ้านนี้สวยดี งั้นรบกวนพี่ขจีบอกพลอยหน่อยนะครับ ว่าผมขอเดินดูรอบบ้านหน่อย” “ค่ะ เชิญตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวพี่ไปช่วยหนูพลอยก่อน” “ครับ” ผมส่งยิ้มกว้างไปให้เธอ จนกระทั่งเธอเดินออกไปจากตัวบ้าน ผมก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นนิ่งเรียบทันที ก่อนหน้านี้ ผมเคยปลอมตัวเป็นช่างซ่อมประปาเข้ามาที่นี่ ผมทาตัวให้ผิวสีเข้มและแต่งหน้าให้แตกต่างกับผมตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ตอนนั้นผมแค่มาดูลาดเลาที่ทางของบ้านหลังนี้ก่อนเท่านั้น จนผมได้รู้ว่า ห้องทำงานของนายไพศาลอยู่ห้องไหน และมีกล้องวงจรปิดติดตรงไหนบ้าง แกร๊กๆ ล็อก !! แน่นอนสินะ เวลาแบบนี้้ห้องของนายไพศาลต้องล็อกแน่ๆ ผมเปลี่ยนเป็นเดินไปห้องที่คาดว่าจะเป็นที่วางกุญแจสำรองในบ้าน แล้วมันก็ไม่พลาด ผมเปิดดูในตู้ก็พบกุญแจเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ผมคว้ากุญแจเดินไปทันที เมื่อถึงหน้าห้องอีกครั้ง ผมมองวิเคราะห์เทียบตัวกุญแจกับรูกุญแจ ทำให้ผมพลาดเพียงแค่สองดอก และดอกที่สาม กรึก! เรียบร้อย ประตูเปิดออก ผมค่อยๆ เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที และภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมยิ้มขึ้นมา ห้องสีน้ำตาลไม้ ที่มีเอกสารกองอยู่มากมาย รวมทั้งคอมพิวเตอร์โดดเด่นที่วางอยู่กลางโต๊ะ รวมถึงกรอบรูปใหญ่ที่มีรูปศัตรูของผมแขวนไว้อยู่ข้างหลังเก้าอี้ทำงาน ผมมองดูกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในห้อง ก่อนที่ผมจะใช้วัตถุชิ้นเล็กที่ไอ้ซันสร้างขึ้นมาติดไว้ข้างๆกล้องวงจรปิด เพื่อทำลายคลื่นของภาพที่จับไว้ เวลาหลังจากนี้ภาพจะดับไปทันที หลังจากนั้นผมเริ่มจัดการกับข้อมูลในคอมพิวเตอร์ทันที ผมวางวัตถุบางอย่างเป็นสีเหลี่ยมขนาดเท่ามือถือ ที่ผมกับไอ้ซันช่วยกันสร้างขึ้นมา ผมรีบนำสายมาเสียบกับตัวคอมพิวเตอร์ในห้องนี้เพื่อเชื่อมต่อระบบทันที ก่อนจะกดปุ่มในตัวเครื่องเพื่อทำการดูดข้อมูลทุกอย่างของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ออกมา เนื่องจากต้องใช้เวลากว่า 10 นาที ระหว่างนั้นผมก็เดินดูสิ่งต่างๆภายในห้องรอ บนโต๊ะทำงาน มีรูปรวมครอบครัว ที่มีพลอยใสอยู่ในนั้นด้วย ผมมองภาพนั้นด้วยสายตานิ่งเฉย ผมไม่รู้ว่าผมคิดอย่างไรกับพลอยใส ผมรู้แค่ว่าเธอน่าสนใจ ผมชอบเวลาที่เธอมาอยู่ใกล้ผม ผมชอบทัศนคติของเธอ และเธอคือคนที่ทำให้เจ้าชายน้ำแข็งยิ้มยากอย่างผมเผลอยิ้มได้ในหลายๆครั้ง แต่..เรื่องความแค้นนี้ผมก็ไม่สามารถที่จะจบได้เช่นกัน แม้คนๆนั้นจะเป็นพ่อของเธอก็ตามที ! ผมเปิดทีละลิ้นชักและหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านดู ก็พบว่าเป็นข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับบริษัท ผมเปลี่ยนจากการเปิดลิ้นชัก เป็นเดินดูบนชั้นวางอื่นๆภายในห้องแห่งนี้ ก็พบแต่เอกสารและหนังสือทั่วไปเท่านั้น จนกระทั่งสิบนาที ข้อมูลถูกดูดเสร็จเรียบร้อย ผมดึงเครื่องมือออกมาเก็บใส่กระเป๋า ก่อนจะจัดแจงทุกอย่างในห้องให้เหมือนเดิมทุกอย่าง รวมถึงเอาวัตถุรบกวนคลื่นภาพออกมาจากกล้องวงจรปิดเช่นกัน ผมค่อยๆออกไปจากห้องนี้ และเอากุญแจสำรองไปเก็บเอาไว้ที่เดิมอย่างแยบยล หึหึ รอเวลาอีกนิด ผมจะเป็นคนฉลองครบ 10 ประเทศให้เองนะ คุณไพศาล... Ploysai Part ในที่สุดวันนี้ก็ถึงวันกิจกรรมของมหาลัย ที่ฉันและผองเพื่อนเหนื่อยมาเป็นเวลาเกือบสามเดือน และผลตอบรับจากการโปรโมทครั้งนี้ก็ถือว่าดีเกินคาดเลย ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะว่ากรรมการเป็น สี่หนุ่มสุดฮอตของมหาลัยแห่งนี้ด้วย ทำให้ตอนนี้สาวน้อยสาวใหญ่ ทั้งในและนอกมหาลัยแห่งนี้ มายืนล้อมตรงบริเวณเวทีกลางของงานครั้งนี้ ซึ่งทางเฮีย ชี้แจงมาชัดเจน ว่าที่นั่งเป็นกรรมการขอเป็นพื้นที่ส่วนตัว ห้ามใกล้ชิดกับผู้คนในระยะ 100 เมตร และทางทีมงานก็จัดรั้วกั้นให้เรียบร้อย ฉันยืนมองดูเฮียเคจากตรงนี้อยู่เป็นระยะๆ ด้วยความสุข ถ้าเป็นเมื่อก่อน สามเดือนที่แล้ว ฉันคงทำได้เพียงแค่ยืนกรี๊ดเขาอยู่ในใจจากตรงนี้ แอบมองเขาอยู่เพียงข้างเดียว แต่วันนี้มันแตกต่างออกไป ราวกับฝัน มันยังไม่ชินกับสถานการณ์ในตอนนี้แม้แต่น้อย เพราะว่านอกจากฉันที่มองเขา เขาก็มักจะหันมามองที่ฉัน พร้อมส่งยิ้มเบาๆมาให้อยู่เสมอ มันทำให้ฉันต้องหลบสายตาไปมองตรงเวทีอยู่ตลอดเวลาด้วยใจที่ไม่สงบสุข ตั้งแต่วันนั้นที่เขามากินอาหารที่บ้านฉัน หลังจากนั้นเขาก็เข้าหาฉันเรื่อยๆ ไม่มากเกินไป แต่มันก็มากเกินความเป็นจริงที่ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอในชีวิตตอนนี้ บางวันเขาจะมากินข้าวร่วมกันกับฉันและเพื่อนๆ ในตอนเที่ยง ช่วงแรกเพื่อนของฉันก็นั่งเขินเงียบกัน จนบรรยากาศมันดูวังเวงไปหมด เพราะตัวเฮียเองก็ไม่ค่อยพูด มีแค่ตักอาหารส่งให้ฉันหรือบางครั้งถ้ากินที่โรงอาหาร ก็จะซื้อข้าวมาให้ฉัน เขาคอยเทคแคร์ดูแลฉันอย่างดี จนเพื่อนๆอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้ แต่ช่วงๆหลัง ด้วยที่ยัยพวกนั้นมันเป็นคนชอบพูดชอบเม้าท์ ก็ทนไม่ได้ที่จะนั่งเงียบ เลยเริ่มเปิดเผยตัวตนของตัวเองทีละเล็กละน้อย จนตอนนี้ ทั้งสามคนเริ่มสนิทกับเฮียเคไปเรียบร้อย โดยเฉพาะยัยเกรวี่ ที่เอะอะก็เป็นเกาะแกะเขาตลอดเวลา ส่วนเขาก็นิ่งเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรออกไป และก่อนเข้านอนทุกวัน เขาก็จะโทรมาเล่าให้ฉันฟังว่าวันนี้เขาเจออะไรบ้าง เขามักจะคุยประมาณ 20-30 นาทีก่อนนอน นั่นว่าทำให้ฉันเขินแล้ว แต่มันก็ยังไม่เท่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนจะวางสายไป ‘ฝันดีครับพลอยใสของเฮีย’ บอกฉันทีว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ถ้าเป็นความฝันฉันก็ไม่อยากจะตื่นเลยจริงๆ เขาคือคนเดียวที่ฉันแอบมองห่างๆ มาตลอดสี่ปี เขาคือคนเดียวที่ฉันรอให้มาปกป้อง เขาคนคือเดียวที่ฉันใจเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่อยู่ใกล้ เขาคือคนเดียวที่ทำให้ฉันไม่เป็นตัวเอง เขาคนนั้น คือเฮียเค You’re my hero… จากเหตุการณ์หลายๆวันที่ผ่านมา ฉันยอมรับว่าตอนนี้ฉันลดอาการเขินน้อยลง ประหม่าน้อยลงเวลาอยู่ใกล้เขา และเริ่มที่จะกล้าคุยกล้าเล่นกับเฮียมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก และที่สำคัญ เขาทำให้ฉันหลงรักเขาเพิ่มมากขึ้นทุกวันเลยจริงๆ เวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนโกหก ตอนนี้งานบนเวทีจบลงแล้ว การประกวด Mr & Miss SIANTTA ก็ได้ผู้ชนะคือคณะอักษรศาสตร์ คนที่ทำการแสดงเธอชื่อเอิงเอย น่ารักเอามากๆเลย ขนาดฉันเป็นผู้หญิงด้วยกัน ยังละสายตาจากเธอไม่ได้เลย แต่ตอนกิจกรรมใกล้จะจบลง พี่ลีก็แวะมาหาฉัน แล้วชวนฉันไปเดินเล่นในงานพร้อมเพื่อนๆของฉันทั้งสาม งานที่จัดขึ้นมานอกจากจะมีการประกวด Mr & Miss SIANTTA แล้ว ก็ยังมีซุ้มกิจกรรมต่างๆ ให้เล่นอีกมากมาย โดยการจัดงานครั้งนี้เป็นรูปแบบของงานวัด แต่เป็นงานวัดที่ค่อนข้างหรูมากเลยทีเดียว พวกเราก็เดินเล่นที่ซุ้มต่างๆ กันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่ง คนที่ฉันคิดว่าวันนี้จะได้หมดเวรหมดกรรมแล้ว ก็โผล่มา “พลอย พี่ขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัวหน่อย” พี่ยีนส์อยู่ๆก็พูดขึ้นมา ขณะที่พี่ลีกำลังไปซื้อน้ำมาให้พวกฉันที่นั่งรออยู่ “พี่ยีนส์มีอะไรก็พูดตรงนี้ก็ได้นะคะ” เสียงยัยศรดังขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้เราทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย “แป๊บเดียว ไม่นานหรอก” พี่ยีนส์ยังคงพูดและมองหน้าฉันอยู่อย่างนั้น เอาหน่า เคลียแป๊บๆ ก็คงจบแล้วล่ะมั้ง “ก็ได้ค่ะ พวกแกเดี๋ยวฉันมานะ” ฉันบอกพี่ยีนส์ ก่อนหันไปพูดกับเพื่อนๆ แล้วฉันก็เดินตามพี่ยีนส์ไป ซึ่งพี่ยีนส์ก็พาฉันไปที่สะพานไม้ตรงสระน้ำของมหาลัย ซึ่งปราศจากผู้คน “เลิกยุ่งกับพี่ลีซะ” พี่ยีนส์เปิดประเด็นขึ้นมาทันทีที่หยุดเดิน “พลอยก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับพี่ลีอยู่แล้วนะคะ” ฉันตอบออกไปนิ่งๆ ตามความจริง “เหรอ แล้วที่เห็นเดินควงในงานไปทั่ว มันหมายความว่าไง” “พลอยก็ไม่ได้เดินกับพี่ลีสองคนซะหน่อย พวกยัยศร มิน เกรวี่ก็อยู่” ฉันตอบออกไปนิ่งๆ แม้ในใจจะคิดว่าคนตรงหน้าไร้สาระก็ตามที “หึ แต่เขาก็มาที่นี่ มาเดินงานนี้ก็เพราะเธอไม่ใช่เหรอ พลอยใส” พี่ยีนส์พูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่น้ำเสียงค่อนข้างไม่พอใจ “พี่ยีนส์ พลอยถามตรงๆนะ พี่ยีนส์ชอบพี่ลีใช่มั้ย” “เรื่องของพี่!” พี่ยีนส์ชักสีหน้าชั่วครู่ ก่อนจะตวาดเสียงออกมา “มันจะเรื่องของพี่ค่ะ ถ้าพี่ไม่เอาพลอยมาเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้ งั้นขอตัวก่อนนะคะ” “แก จะไม่มีวันได้ยุ่งกับพี่ลีอีก!” พี่ยีนส์กระชากตัวฉันให้หันหลังกลับมา พร้อมกับผลักฉันเบาๆ แต่ด้วยความที่ฉันยืนริมๆขอบสะพานอยู่แล้ว ทำให้ตอนนี้ภาพที่เห็นก็กลายเป็นสโลโมชันช้าๆ ฉันรู้สึกว่าตัวของฉันกำลังถูกดึงลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก โดยมีสระน้ำของมหาลัยเป็นตัวรองรับการกระแทก ตู๊มม!! “ว๊ายยย” ฉันได้ยินเสียงของพี่ยีนส์กรี๊ดเป็นเสียงสุดท้าย ก่อนที่ฉันจะจมลงสู่พื้นน้ำแห่งนี้ ภาพข้างหน้ามันช่างมืดมน พร้อมกับแรงอัดที่ปะทะเข้าที่ร่างกายและใบหน้าอย่างรุนแรง รวมถึงหูที่อื้อเพราะความลึกของน้ำที่ร่วงลงมา และการหายใจที่ติดขัดเหมือนสำลักน้ำลายตัวเองที่เป็นลิตรๆ ฉันยังตายไม่ได้นะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรตั้งหลายอย่าง ฉันยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุชคุณพ่อแม่ ฉันยังอยากเห็นเฮียเคยิ้มอีก ระหว่างที่ความคิดสับสนปนเปกัน ฉันโผล่ใบหน้าขึ้นมาเหนือผิวน้ำ แต่เนื่องจากฉันว่ายน้ำไม่เป็น ทำให้ฉันตะเกียกตะกายอยู่เหนือน้ำแทน ภาพตรงหน้าที่ฉันเห็น เป็นภาพพี่ยีนส์ยืนมองฉันอยู่ แต่มันช่างเลือนลางเหลือเกิน ภาพตรงหน้าค่อยๆ เลือนและไกลออกไปทุกที จนในที่สุดฉันก็เริ่มจมดิ่งลงไปสู่ก้นสระด้วยร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงและลมหายใจที่เบารวยรินลงไปทุกทีๆ นี่ฉันกำลังจะตายแล้วเหรอ.. เฮียเค..ช่วยฉันด้วย “พลอยใส!! ตื่น ตื่นสิ!!” ทำไมเสียงนี้เหมือนเสียงเฮียเค เขามาช่วยฉันแล้วใช่มั้ย ฉันค่อยๆปรือตาขึ้นมา แล้วมองไปยังคนตรงหน้าที่ตบแก้มฉันเบาๆ เขาคนนั้นหน้าคล้ายเฮียเคจังเลย หรือฉันกำลังอยู่บนสวรรค์งั้นเหรอ ฉันทำได้เพียงส่งยิ้มให้คนตรงหน้าเท่านั้น ก่อนที่สติของฉันจะดับวูบลงไป
已经是最新一章了
加载中