บทที่ 6 แบบฉบับความงามที่นางไม่อาจเข้าใจได้ในตอนนี้
1/
บทที่ 6 แบบฉบับความงามที่นางไม่อาจเข้าใจได้ในตอนนี้
ลิขิตดั่งอธิษฐาน
(
)
已经是第一章了
บทที่ 6 แบบฉบับความงามที่นางไม่อาจเข้าใจได้ในตอนนี้
หลังจากรอดตายและเข้าใจกันทั้งครอบครัวแล้ว ฟางหลินคนใหม่ก็ไข้ขึ้นนอนซมอยู่สามวันเต็ม นางบอกตัวเองว่าให้ยอมรับชะตากรรมของตัวเองซะ ไม่ว่าจะเพราะบุญกรรมอะไรที่ทำให้นางย้อนเวลากลับมาอยู่ที่นี่ ก็ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลในตัวมันเองทั้งนั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นก็พยายามอยู่อย่างเปิดใจ วัฒนธรรมบางอย่างนางก็พอคุ้น เพราะเวลาทำทัวร์ก็ซึมซับและเข้าใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ ณ ช่วงเวลาที่นางอยู่ จากการนอนนับนิ้ว คำนวณอยู่หลายคืนก็ตีได้ว่า นางอาจจะอยู่ในช่วงปีคริสต์ศักราชหกร้อยสี่สิบปลายๆนี่แหละ น่าจะเป็นช่วงที่บ้านเมืองฟื้นฟูขึ้นมาได้มากแล้ว และถ้าจำไม่ผิด อีกไม่กี่ปีต้าถังก็จะเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด แล้วในท้ายที่สุดก็ต้องล่มสลายไป แต่ไหน ๆ ก็ได้มาอยู่แล้ว ต้องสำรวจให้ทั่วไปเลย ใครจะได้มาเห็นอย่างนางล่ะ “หลิวอิง ไปเที่ยวกันไหม” ฟางหลินยิ้มแก้มปริ แววตาส่อแววซุกซน ที่นู่นนางอายุยี่สิบสี่ แต่ในโลกนี้นางอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น เรื่องแปลกหลายอย่างที่ท่านแม่บอกทำให้นางยังสงสัย ท่านแม่บอกว่านางกลับมาด้วยชุดที่ท่านฝังไปพร้อมกับศพของฟางหลิน แถมพอนางมานั่งมองผิวของตัวเองแล้วก็พบว่าผิวของตัวเองไม่ได้เป็นสีน้ำผึ้งเหมือนอย่างตอนที่นางยังเป็นสุคนธรส แถมนางยังกลายเป็นสาวเอวคอดที่มีเนื้อหนังในแบบที่ถ้าอยู่ที่นู่นนางคงคิดว่าตัวเองเริ่มอ้วน แต่พอมาอยู่ที่นี่ นางกลับกลายเป็นคนผอมไปเสียได้ ค่านิยมความงามนี่ ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน “คุณหนู...” “ทำไมเล่า... ข้าเบื่อห้องนี้จะแย่แล้ว” “แต่คุณหนูเพิ่งจะหายไข้ อากาศข้างนอกก็ยังเย็นอยู่ ข้าว่าคุณหนูพักอีกสองสามวันแล้วค่อยไปขอฮูหยินนะเจ้าคะ” หลิวอิงตอบเสียงเรียบ สายตาจดจ่ออยู่กับการจัดเก็บเสื้อผ้า คำตอบของนางไม่ได้เป็นสิ่งที่ฟางหลินพอใจนัก “ก็ข้าอยากไปนี่นา...ไปกันเถอะนะ” “...ต้องไปขอฮูหยินก่อนเจ้าค่ะ ถ้าฮูหยินให้ไปก็ไปได้เจ้าค่ะ” “แล้วถ้าท่านแม่ไม่ให้ล่ะ” “ก็จะไม่ได้ไปเจ้าค่ะ” “อย่างนั้นอย่าขอเลย ข้าว่าท่านแม่ไม่ให้ไปชัวร์” ฟางหลินพูด สีหน้าเจื่อนเมื่อนึกถึงฮูหยินจางผู้เป็นแม่ “ไปที่ไหนนะเจ้าคะ” สาวใช้ฟังไม่เข้าใจนัก ซัว ซั่ว คุณหนูของนางอยากไปที่ไหนกัน “เปล่า ข้าหมายถึงข้างนอกจวนนั่นน่ะ มีตลาดใหญ่มากใช่หรือเปล่า” “เจ้าค่ะ อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก” “แล้วจวนเราอยู่ฝั่งไหนของเมืองเหรอ ตะวันออกหรือตะวันตก” ฟางหลินเอ่ยถามเพิ่มเติม นครฉางอันที่ผังเมืองเป็นรูปสีเหลี่ยม แบ่งเขตคล้ายตารางหมากรุก พระราชวังสมัยต้นราชวศ์ตั้งอยู่ทางทิศเหนือสุดของเมือง หันหน้าออกทางทิศใต้ ถนนเส้นหลักจากประตูหมิงเต๋อเหมินจนถึงประตูจูเชี่ยว์เหมิน คือ ถนนจูเชี่ยว์เหมินกว้างตั้งหนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกเมตร “ตะวันออกเจ้าค่ะ ทางประตูถงหัว(ถงฮว่า) แถบที่เราอยู่ก็มีแต่จวนขุนนางใหญ่โตและเชื้อพระวงศ์ทั้งนั้นเลยนะเจ้าคะ” “ตะวันออก มีตลาดตะวันออกที่มีร้านขายอาหารอร่อยๆใช่ไหม” ฟางหลินเอ่ยถาม ทั้งยังลอบกลืนน้ำลาย อยากจะลองกินอาหารจีนโบราณเต็มประดา “เจ้าค่ะ เดินไปแค่ไม่ถึงสิบช่วงตึกเท่านั้นเอง” “อย่างนั้นไปกันเถอะ ข้าอยากไปเที่ยวเต็มแก่แล้ว” “ถ้าคุณหนูอยากไปจริงๆ ข้าจะไปขออนุญาตฮูหยินให้นะเจ้าคะ” “ไม่ต้องๆ ขืนเจ้าไปขอท่านแม่ ข้ามีหวังติดแหง็กอยู่ที่นี่ยาวแน่” ฟางหลินส่ายหัวหงึกหงัก รับไม่ได้กับความเคร่งครัดนี้ ก็ตอนอยู่เมืองไทย อยากไปไหนก็ไปเองคนเดียว ดูหนัง กินข้าว ช้อปปิ้ง นางไม่เคยต้องขออนุญาตใครนี่นา แล้วอีกอย่างนางแค่จะไปเดินเที่ยวชมอารยธรรมความเจริญและความยิ่งใหญ่ของบ้านเมืองเท่านั้น ไม่ได้จะไปปล้นไปจับใครมาต้มยำทำแกงเสียหน่อย “แล้วจะไปได้ยังไงล่ะเจ้าคะ” หลิวอิงกังวลกับคำตอบของเจ้านายอยู่ไม่น้อย “แอบไปไง” ฟางหลินทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ เรื่องหนีเที่ยวเนี่ย ขอให้บอกเถอะ นางถนัดกว่าเรื่องไหนๆ “แอบหรือเจ้าคะ” หลิวอิงกังวล ขืนฮูหยินรู้เข้า นางต้องโดนลงโทษแน่ๆ “ก็ใช่น่ะสิ” ฟางหลินตอบอย่างไม่ยี่หระ “คุณหนูไม่ได้วางแผนจะทำอะไรอีกใช่ไหมเจ้าคะ...” หลิวอิงนึกขึ้นได้ หรือคุณหนูของนางจะหลอกล่อนางแล้วจะหาทางทำอย่างเดิมไปอีกกัน สายตาแห่งความไม่ไว้ใจฉายแววออกมาจนผู้เป็นนายหน่ายใจ “เฮ้อ... ข้าไม่ได้จะหนีไปไหนทั้งนั้นล่ะ แต่ข้าแค่อยากไปเดินเล่นในเมืองบ้าง อยู่แต่ที่นี่ข้าเบื่อ เบื่อจนจะเฉาตายอยู่แล้ว” “อย่างนั้นไปขอฮูหยินก่อนเถอะนะเจ้าคะ จะได้มีคนติดตามไปด้วย” “ข้าก็เพิ่งบอกว่าเราจะแอบไปกันยังไงเล่าหลิวอิง” ไม่ได้ดั่งใจเล๊ย หลิวอิงคนนี้ “คุณหนู...ท่านทำให้ข้าลำบากใจอีกแล้ว คราวที่แล้วที่ยอมพาคุณหนูออกไปเดินเล่น แค่ในจวนยังเกิดเรื่องขนาดนั้น โชคยังดีที่คราวนั้นไม่โดนลงโทษ” “แต่ครั้งนี้ข้าหายสนิทแล้ว ไม่มีอาการป่วยอะไรทั้งนั้น ข้าก็แค่อยากไปเดินเล่นนอกจวน แป๊บเดียว เอ่อ...ไม่นาน ไม่นานก็จะกลับจวน” ฟางหลินหลุดพูดคำไร้ความหมายในสมัยถังไปอีกแล้ว ดีที่ยังกลับลำทัน “แล้วทำไมถึงไม่ยอมให้บอกฮูหยินล่ะเจ้าคะ” “โธ่เอ้ย หลิวอิง บอกท่านแม่ก็มีทางเลือกแค่สองอย่าง คืออย่างแรกท่านแม่ไม่ให้ข้าไป อย่างสองคือท่านแม่จะไปกับเราด้วย” “ฮุหยินไปด้วยก็...” หลิวอิงทำท่าทางเห็นดีเห็นงามจนฟางหลินต้องเอ่ยขัด “ไม่ดี...ท่านแม่ไปด้วย ข้าจะไปทำอะไรสนุกๆได้ยังไง” ฟางหลินให้เหตุผล ปากเล็กยกยู่อย่างไม่สบอารมณ์ “ให้ข้าลองไปขอก่อนนะเจ้าคะคุณหนู ถ้าฮูหยินไม่อนุญาต...” หลิวอิงยังคงหว่านล้อม หลายครั้งเข้าฟางหลินก็ยอมใจอ่อน “เอาล่ะ ๆ อย่างนั้นเจ้าไปขอก็ได้” แต่ไม่รับประกันนะว่านางจะอยู่รอฟังคำตอบ “อย่างนั้นข้าแต่งตัวให้ท่านไว้ก่อนดีไหมคะ” “อืม...เอาสิ” ฟางหลินยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่งตัวให้เสร็จเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง สองเค่อ[1]ผ่านไปแล้ว ยามเมื่อฟางหลินจ้องมองตัวเองในกระจกแล้วก็ได้แต่พูดไม่ออก เป็นสไตล์ที่นางเข้าไม่ถึงจริงๆ ตอนอยู่ที่นู้นก็ไม่ค่อยอินสไตล์แต่งหน้าแบบเมาๆของญี่ปุ่นที่เป็นกระแสของที่นั่นอยู่ช่วงหนึ่งมาทีหนึ่งแล้ว พอมาอยู่นี่ นางก็มีแฟชั่นที่ไม่ค่อยอินอีกเรื่องหนึ่งเข้าให้แล้ว “ปัดแก้มแดงขนาดนี้เลยเหรอหลิวอิง หน้าข้ากับก้นลิงอะไรแดงกว่ากันเนี่ย” ฟางหลินถามเสียงฉุน นางเข้าไม่ถึง ไม่โอเค ไม่โอเคมากๆออกจากบ้านอย่างนี้ได้จริงๆเหรอเนี่ย ค่านิยมที่แตกต่างกันอะไรนั่นนางเข้าใจ แต่ว่า... นางยังต้องขอเวลาปรับตัวให้ชินอีกสักแป๊บหนึ่ง และอาจไม่ใช่เร็วๆนี้ “สีชาดทาแก้มเนี่ย ไม่แดงไปใช่ไหม” ฟางหลินเอ่ยถาม ใจนางหวิวจนคล้ายจะเป็นลม “ไม่นะเจ้าคะ วันนี้ข้าไม่ได้ลงน้ำหนัก เพราะเห็นว่าแค่ไปเดินเล่นในเมือง” “จริงดิ...คือ เอิ่ม...ข้าว่า เอาผ้ามาเช็ดออกเถอะ ข้าไม่อยากแต่งหน้าเลยวันนี้” ฟางหลินมือไม้สั่น ทำอะไรไม่ถูก “ไม่ได้นะเจ้าคะ ออกไปข้างนอก ก็ควรแต่งตัวให้ดี” “แล้วผมนี่...ต้องเป็นช่อเป็นชั้นขนาดนี้เลยเหรอ” “ข้าไม่ได้จัดทรงอะไรมาก เพราะเห็นว่าคุณหนูเพิ่งหายป่วย” หลิวอิงตอบเสียงเรียบ ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร “โอ้ว ข้าไม่อยากจะนึกภาพหัวตัวเองเวลาเจ้าทำสุดฝีมือเลยจริงๆ” ฟางหลินเอ่ยประชด ตอนนี้เหมือนนางกำลังแบกหินก้อนใหญ่ไว้บนหัวยังไงยังนั้น “คุณหนูงามจนเลื่องลือ แต่งอย่างไรก็งามเจ้าค่ะ” หลิวอิงชมอย่างจริงใจ แม้ว่าค่านิยมในสมัยถังจะชอบผู้หญิงอวบอ้วนที่มีใบหน้ากลม สัดส่วนเย้ายวนและเอวคอดกิ่วก็ตาม แม้ว่าคุณหนูของนางจะผอมบางกว่าคนอื่นๆ แต่ความงามก็ไม่น้อยหน้าใคร หลิวอิงหยิบเอาชุดสีหวานออกมาวาง ก่อนจะจับตัวผู้เป็นนายให้ลุกขึ้น นางสวมกระโปรงทรงกระบอกที่ทิ้งตัวลงพื้นมีจีบเล็กรอบกระโปรง เสื้อจากผ้าฝ้ายตัวสั้นถูกทับอยู่ใต้กระโปรงพลิ้วนั้นผ้าเส้นยาวถูกถักเพื่อรัดรึงให้กระโปรงแน่นหนา หลิวอิงสวมเสื้อคลุมแขนกว้างเข้าอีกชั้น ก่อนจะพาดผ้าคลุมไหล่ผืนยาวที่ทำจากผ้าไหมลงบนแขนทั้งเล็กๆของผู้เป็นนาย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 6 แบบฉบับความงามที่นางไม่อาจเข้าใจได้ในตอนนี้
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A