บทที่ 8 วาจาร้าย ใครเล่าพึงฟัง
1/
บทที่ 8 วาจาร้าย ใครเล่าพึงฟัง
ลิขิตดั่งอธิษฐาน
(
)
已经是第一章了
บทที่ 8 วาจาร้าย ใครเล่าพึงฟัง
หลังจากเมื่อวานฤกษ์ไม่ดีมีมารมาผจญ ในวันนี้ก็ทางสะดวกเสียที เหอฟางหลินให้หลิวอิงไปขอพี่ใหญ่ให้ แล้วนางก็ออกมาได้อย่างง่าย ๆ เช่นนี้เลยนั่นแหละ ไม่ว่าจะชาติไหนๆ พี่ ๆ ก็เป็นที่พึ่งให้นางได้เสมอ นางกับสาวใช้เดินไปตามตลาดที่คึกคักอยู่ร่วมสองชั่วยาม [1] ก่อนจะเดินลัดเลาะไปตามทางเดินหินริมน้ำ โรงน้ำชา ร้านผ้าไหม ร้านหนังสือ ...หมู่บ้านจำลองที่นางเคยพาลูกทัวร์ไปเที่ยวยังไม่สวยเท่านี้เลย ฟางหลินเดินเบียดเสียดไปตามย่านร้านค้า กว่าจะรู้ตัวสาวใช้คนสนิทก็หายไปเสียแล้ว แล้วจะหากันเจอได้ยังไง มือถือก็ไม่มี อย่างนั้นไปเจอกันที่จวนแล้วกันนะหลิวอิง ฟางหลินมองซ้ายมองขวาไปมาอย่างตื่นเต้น เดินมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย ๆ อย่างหลงใหล สวยไปหมด สวยจนจินตนาการอดที่จะขายหน้าไม่ได้ ยุคนี้รุ่งเรืองในทุกๆด้าน วิวัฒนาการและเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดกว่าในยุคก่อนอย่างเห็นได้ชัดเจน ถึงแม้จะยังเสียหายจากสงครามอยู่มากแต่อย่างไรก็ยังสวยงามยิ่งใหญ่ ฟางหลินมองตัวเมืองพร้อมๆกับคิดถึงบทความต่างๆที่เคยอ่านผ่านตา เดินชมเพลินจนหลุดออกมานอกตลาดโดยไม่รู้ตัว นางไม่รู้จะไปทางไหนดี พลันมองไปตามทางดินที่ลาดชันเป็นเนินล่มรื่นไปด้วยไผ่เต็มสองข้างทาง เท้าของนางก้าวเดินไปตามทางโดยไม่คิดอะไร เนื่องด้วยพื้นฐานไม่ได้เป็นคนขี้กลัว กระทั่งลมแรงโหมพัดมาครั้งหนึ่งจนนางต้องยกแขนเสื้อขึ้นบังใบไผ่ที่ปลิวว่อน พอลมสงบนางก็ตั้งท่าเดินขึ้นไปชันกว่าเดิม ไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่ากำลังอยู่ในความสนใจของใครคนหนึ่ง ดวงตาโตยาวรีที่หาเหมือนได้ยากจากชาวฮั่นทั่วไปสอดส่ายหาหนทางไปต่อ ก่อนจะพบทางลาดลงไปยังลำธารใสที่น้ำตื้นไม่ถึงเข่า นางเดินลงไปใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เท้าน้อย ๆ ย่ำลงบนกรวดมนก้อนเล็กใหญ่อย่างค่อยๆ พอใกล้ริมน้ำก็ถอดรองเท้าของตัวเองออก วางมันไว้บนโขดหินใหญ่น้ำเพื่อไม่ให้มันเปียก ยกชายกระโปรงที่รุ่มร่ามของตนขึ้น แล้วจึงก้าวลงไปในน้ำอย่างนึกสนุก แหล่งน้ำธรรมชาติทั้งใสและเย็นจนนางอดใจไม่ไหว หากแต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ก้าวไปไหนไกล ร่างของนางก็ถูกดึงให้เซไปด้านหลังอย่างแรง \"ว๊าย!!!\" ฟางหลินร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ใบหน้าแนบเข้ากับหัวไหล่คมของร่างสูงใหญ่ ใบหน้าดุมองนางไม่วางตา ฟางหลินชักศีรษะออกจากไหล่คมๆนั่น เงยหน้ามองสันกรามของเจ้าของเสียง ก่อนจะสบประสานกับดวงตาดุๆที่เริ่มคุ้นเคย \"นี่! ท่าน...\" ฟางหลินจำได้แล้ว ตาอ๋องคนนี้เป็นคนพานางขึ้นจากสระบัววันก่อนนี่เอง แต่เรื่องเมื่อวานนางยิ่งกว่าจำขึ้นใจเสียอีก \"ดวงข้าช่วงนี้มันอะไรกัน\" ฟางหลินเอ่ยขึ้นลอย ๆ น้ำเสียงที่ใช้แสดงความถือดี แขนเล็กๆที่อยู่ภายใต้อาภรณ์ชั้นดีถูกรั้งไว้เสียแน่น \"พูดจาไม่ระวังปากเสียบ้าง\" เขาจ้องมองดวงตากลมใสและริมฝีปากเล็กสีชาดอย่างนึกโมโห เพียงแค่เห็นหน้านางเท่านั้น โทสะก็พุ่งทะยานจนยากจะควบคุม “จิ๊! ข้าเคยไปทำอะไรให้ท่านนักหนา ท่านถึงได้ทำท่าราวกับจะกินหัวข้าตลอดเวลา” ฟางหลินจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ \"ก็เจ้ามันคนไม่มีหัวคิด แต่เอาเถอะ ครั้งนี้ข้าจะไม่ถือเอาความกับเจ้า\" เขาตอบ ก่อนจะส่งสีหน้าเรียบเฉยที่นางแอบสังเกตเห็นถึงความอวดดีหน่อย ๆ ปนเปอยู่ในนั้น \"ขอบคุณนะที่ท่านไม่ถือสาข้า แต่ข้าทำอะไรผิดเมื่อไหร่\" ฟางหลินชักโมโห ดูด้วยตาเปล่ายังพอเดาออกเลย หมอนี่ต้องอายุไม่ถึงยี่สิบแน่ๆล่ะ ถึงจะดูภูมิฐานแต่ใบหน้าก็ยังดูเด็กอยู่ดี “เจ้าทำตัวไร้ค่า ไม่รู้จักคิด เจ้าคิดว่าชีวิตเป็นของเจ้าอย่างนั้นหรือ” เขาถาม แววตามองนิ่งหากแต่ดูดุเหลือเกิน คนฟังเมื่อยินคำถามนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ ดูท่าวันนี้คงเลี่ยงการวิวาทไม่ได้เสียแล้ว ถ้าวอนนักนางก็จะจัดให้ \"แน่ล่ะ ก็ชีวิตมันเป็นของข้า\" นางตอบ ทั้งยังมองคู่สนทนาด้วยความไม่ชอบใจนัก \"...มันเป็นของข้า\" น้ำเสียงของเขาติดเจ้าเล่ห์ หากแต่สายตาคมกริบกลับดูจริงจัง คนฟังถึงกลับถามซ้ำ “หา...ท่านว่าอย่างไรนะ” \"ชีวิตเจ้าเป็นของข้าต่างหาก\" นางทุบเข้าที่อกของเขาอย่างแรง ก่อนนางจะรู้ตัวว่ามือแกร่งของเขาพันธนาการแขนข้างหนึ่งของนางเอาไว้เสียนานสองนาน นางจึงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขาก่อนจะเดินลงน้ำไปอย่างไม่สนใจชายตรงหน้าอีก หวังหยางจื้อส่ายหัวก่อนจะยื่นแขนเข้าไปกระชากเอาร่างเล็กๆของฟางหลินเข้าหาตัว โอบรัดเอวบางๆของนางไว้จนแน่น มือเล็กๆทั้งสองของหญิงสาวดันอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเพื่อกันไม่ให้ร่างของเขากับหล่อนแนบชิดกันมากกว่าเดิมอย่างอัตโนมัติ \"เจ้าไม่มีสิทธิตายถ้าข้าไม่อนุญาต\" เขาเอ่ย ใบหน้าโน้มเข้าใกล้จนฟางหลินนึกหวาดๆ \"ออกไปห่าง ๆ เลยนะ \" นางเอ่ยจนเขาได้สติ จึงคลายมือออกจากตัวของนางหญิงสาวตรงหน้าของเขาในยามนี้ส่งผลต่อหัวใจของเขาเหลือเกิน สองปีมาแล้วที่มันไม่เคยเต้นแรงขนาดนี้ ยิ่งเพ่งมองดวงตากลมโตที่เป็นประกายของนางแล้วก็ยิ่งยากจะห้ามใจ ทำไมกันนะ ก่อนหน้านี้เขาควรจะกล้าเข้าใกล้นางอย่างนี้ และควรจะเอาชนะใจนางให้ได้ เขาไม่น่าเอาแต่แอบมองนาง และไม่ควรยอมให้นางไปรักคนอื่นอย่างที่ผ่านมา “เอาล่ะ ข้าจะต้องขอพูดให้รู้เรื่องกันไปเลย คือว่า...ข้าขอบคุณที่ท่านช่วยข้าตอนที่ข้าจมน้ำ แต่ข้าไม่ได้อยากตายเสียหน่อย” กล่าวเสร็จนางก็ถอนหายใจ ดวงตากลมโตมองคู่กรณีอย่างไม่ชอบใจดังเดิม \"นี่ข้าช่วยเจ้าถึงสองครั้งสองหน ไม่รู้สำนึกเอาเสียเลย\" หยางจื้อยกมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่มาดีดหน้าผากมนของฟางหลินเบาๆ \"โอ๊ย! ...ท่านช่วยข้า ข้าก็ขอบใจ แต่ทำไมต้องทำท่าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อข้าตลอดเวลาอย่างนี้ด้วยเล่า\" “ข้าคงหงุดหงิดมากเกินไปหน่อย\" หยางจื้อรู้สึกตน สัมผัสได้ว่านางตรงหน้าไม่เหมือนนางคนเดิม \"คงอย่างนั้นแน่ล่ะ\" ฟางหลินตอบ ส่งยิ้มสวยและน้ำเสียงหวานหยดด้วยความประชด \"เจ้าเองก็อย่าคิดทำอะไรโง่ ๆ อย่างนี้อีก\" หยางจื้อเอ่ยเสียงอ่อนลง รอยยิ้มจากนางที่ส่งแก่เขาเป็นครั้งแรกทำให้หัวใจที่เต้นแรงยิ่งไม่เป็นจังหวะ \"เอาอีกแล้ว ข้าทำอะไรไม่เข้าตาท่านอีกหรือไง” หยางจื้อชงักไป นางไม่เคยโต้เถียงกับเขา ไม่เคยพูดคุย หรือแม้กระทั่งไม่เคยเลยด้วยซ้ำที่จะชายตามองเขา ตลอดเวลาที่เขาจำความได้ เขาเพิ่งจะมีโอกาสเหล่านี้เอาตอนที่นางกลับมาจากความตายนี่เอง \"กลับไปจวนของเจ้าเสีย\" หยางจื้อออกคำสั่ง สุ่มเสียงไม่ดุเท่าเดิม \"ข้าเพิ่งได้ออกมา แล้วท่านจะไล่ให้ข้ากลับไปเนี่ยนะ\" ฟางหลินเดินตรงลงลำธารไปอย่างไม่สนคำห้าม \"ดื้อนัก\" ใบหน้านิ่งๆของเขาทำให้คนฟังหัวเสียขึ้นอีก ที่มายืนว่านางฉอด ๆ ยังไม่หงุดหงิดเท่าใบหน้าไร้อารมณ์ของเจ้าตัว \"ข้ามาเที่ยวเล่นของข้า ไม่เกี่ยวกับท่านเสียหน่อย\" ฟางหลินพูดโดยไม่ได้มองหน้าของคู่สนทนา หากแต่ยังคงตั้งท่าจะเดินลงไปในลำธารนั้นต่อไป ดวงตาเหยี่ยวจ้องมองดวงหน้าขาวใสที่ยับยู่อย่างนึกเอ็นดู ดูน่ารักน่าชังขึ้นเยอะเชียวล่ะ \"เจ้าตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองเป็นหนที่สองทั้งที่สวรรค์ให้โอกาสเจ้าได้กลับมาก็เท่ากับว่าเจ้าไม่ต้องการเป็นเจ้าของชีวิตนี้อีก มันก็สมควรเป็นของข้าเพราะข้าเป็นคนเก็บมาได้\" หยางจื้อทำเสียงดุ หากแต่แววตายิ้มกลับลอบมองดวงหน้าของฟางหลินด้วยหัวใจที่พองโต \"ข้าก็บอกท่านแล้วไงเล่า ว่าข้าไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ\" นางพูดทั้งที่ยังใจจดใจจ่ออยู่กับสายน้ำใสที่ไหลหลากอยู่เบื้องหน้า \"พูดจริงหรือ\" เสียงของเขาดุขึ้นอีกยามเมื่อเอ่ยถามนาง \"ท่านจะไม่เชื่อก็เรื่องของท่าน ข้าไม่อยากมาอธิบายอะไรกับท่านแล้ว\" ฟางหลินเอ่ยปากบ่น ดวงตากลมเงยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นว่าเย็นย่ำเสียเหลือเกิน จึงตัดสินใจเดินขึ้นจากลำธาร สวมรองเท้าผ้าของตัวเอง หันไปมองคนน่าโมโหอย่างอาฆาตหน่อย ๆ แลบลิ้นให้อย่างหมั่นไส้ แล้วจึงก้าวเท้าเร็วๆอย่างไม่ต้องการให้อีกคนตามทัน ระหว่างทางกลับลงมา นางเผลอคลำหยกประจำตัวที่ห้อยผ้าคาดอกเอาไว้ก่อนจะพบว่ามันหายไป ฟางหลินร้อนรุ่มใจไม่น้อยเพราะนี่เป็นของท่านแม่ที่ให้ไว้แสดงตัว ถ้าหายไปต้องแย่แน่ ๆ นางมองฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสีกับทางเดินขึ้นเขาที่เริ่มน่ากลัว นางคลอนศีรษะน้อย ๆ พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านทำใจดีสู้เสือเดินกลับขึ้นไปหาหยกของตัวเองอย่างร้อนรน ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ก็ทาบทับริมฝีปากแดงชาดของหล่อนจนแนบสนิท แขนข้างหนึ่งรัดเอวหล่อนไว้จนแน่น \"อื้อออออื้ออ่อออออยยยย\" \"เงียบก่อน...\" เสียบทุ้มแหบลงเนื่องด้วยต้องกระซิบอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงนั่นส่งต่อความอบอุ่นออกมาจนนางไม่รู้สึกตกใจกลัวอย่างเดิม ยอมอยู่ยิ่งๆจนกระทั่งพบกับคนน่าสงสัยสองคนเดินผ่านไป \"ค่ำมืดอย่างนี้ทำไมยังไปไหนมาไหนคนเดียว\" ชายปริศนาในเงามืดถาม \"ข..ข้ามาเดินเล่น แล้วเผลอทำหยกประจำตัวหาย ข้าร้อนใจมากจึงต้องรีบมาหา\" ฟางหลินตอบเสียงแผ่ว ดวงตาสอดส่ายมองไปยังชายสองคนที่เดินผ่านไปอย่างสงสัยใคร่รู้ \"เจ้าควรกลับได้แล้ว\" เสียงอบอุ่นเอ่ยขึ้น ลอบมองร่างเล็กๆของอ้อมแขนที่น่าเอ็นดูไปอีกแบบอย่างสนใจ \"ข้ายังหาหยกไม่เจอ\" ฟางหลินปฏิเสธ หากแต่ไม่แม้แต่หันมามองเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มและวงแขนแข็งแกร่ง หากแต่ยังมองตามหลังชายน่าสงสัยเหล่านั้นไปอย่างนึกระแวง \"พรุ่งนี้ค่อยมาหาแต่เช้า รีบลงจากที่นี่เสีย\" ชายหนุ่มนึกขันในความดื้อรั้นของฟางหลิน \"ข้าอยากหาอีกสักหน่อย\" ฟางหลินกลายเป็นแม่สาวจอมดื้อไปอีกเสียแล้ว หยางจื้อคิด \"สตรีหัวรั้นเช่นนี้คงไม่มีโอกาสได้ออกเรือนเป็นแน่\" น้ำเสียงยียวนที่ไม่ต้องกระซิบกระซาบทำให้นางร่างเล็กในอ้อมแขนแข็งแรงหันขวับขึ้นเมียงมองด้วยความไม่พอใจในทันที \"ท่าน!\" เป็นหยางจื้อจอมกวนประสาทคนเดิมนี่เอง ยามเมื่อแสงสุดท้ายของวันพาดส่องลงบนใบหน้าคมคายของเขาจนฟางหลินเห็นได้ชัดเจน เขาคลายวงแขนออก ก่อนมือใหญ่จะคว้าเอาข้อมือบางๆของนางไว้ เขาออกแรงเพียงนิดหน่อยร่างของนางก็แทบจะปลิวตามการนำพาของเขาไปทันที เขาพานางเดินดุ่มๆไปตามถนนเส้นต่างๆโดยไม่พูดไม่จา พาเดินผ่านจุดที่ไม่มีผู้คนนิยมใช้อย่างระมัดระวัง ถ้าใครเห็นคงไม่ดีกับตัวนางเท่าไหร่แน่ หยางจื้อพานางมาหยุดหน้าจวนเหอ ฟางหลินที่เห็นป้ายหน้าจวนก็เกิดจำได้ว่านี่คือจวนของตัวเองสะบัดมือออกแล้วหายใจหอบ \"ข้า...ข้าไม่ใช่ม้าใช่ลานะ จะได้..จะได้วิ่งได้โดยไม่เหนื่อยน่ะ\" นางต่อว่าปนหอบหายใจ \"เจ้าโง่ยิ่งกว่าลาเสียอีก ...ถึงจวนเจ้าแล้ว เข้าไปเสีย\" ฟางหลินหน้าเสียทันที \"ข้าไม่มีหยก กลับเข้าไปก็คงไม่พ้นโดนท่านแม่ดุ\" คล้ายว่าฟางหลินจะรำพึงกับตนเอง หากแต่เสียงบ่นนั้นดังจนหยางจื้อได้ยินชัด เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะหุบยิ้มอย่างเก็บอาการ \"นี่หยกของเจ้า...\" เขายัดมันใส่มือของนาง หากแต่ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ \"ท่านเจอมันได้ยังไง\" ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ฉายแววดีใจปนสงสัยน้อยๆ ริมฝีปากสีชาดจิ้มลิ้มขยับไปมาอย่างชวนให้หลงใหล คู่สนทนาจ้องมองมันอย่างลุ่มหลงยากจะละสายตา “...นี่ท่านมองอะไรบนหน้าข้านักหนา” “ป...เปล่าเสียหน่อย” หยางจื้อละสายตาออกจากริมฝีปากสีสวยชวนมอง พยายามตั้งสติ “อย่างนั้นก็ตอบข้ามาสิ” ฟางหลินคาดคั้นจะเอาคำตอบ “ตอบอะไร” หยางจื้อถามกลับ ไม่ได้ฟังคำถามของฟางหลิน “ก็ข้าถามท่าน” ฟางหลินเสียงดังขึ้นอีก หยางจื้อมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง “ค่ำมืดอย่างนี้ เอะอะเสียงดัง เกิดมีใครมาเห็นเจ้าคุยกับข้าในเวลานี้เดี๋ยวจะถูกลือเอา” หยางจื้อเอ่ยเตือนอย่างไม่จริงจังนัก เพราะถ้าหากคนจะลือก็ลือกันไปเถอะ ดีเสียอีก จะได้กันนางออกจากชายอื่นไปได้โดยปริยาย “ตอบคำถามข้าได้หรือยัง ท่านเจอหยกข้าได้อย่างไร” ฟางหลินถามย้ำ พร้อมกับใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่อกของหยางจื้อแรงๆไปด้วยทุกพยางค์ “ก็...พอเจ้าหุนหันพลันแล่นออกไป ข้าก็เห็นว่ามันหล่นกองอยู่บนพื้น” “เท่านี้?” ฟางหลินถามย้ำอย่างไม่เข้าใจนัก “อื้ม ใช่” “แล้วทำไมท่านไม่คืนให้ข้าตั้งแต่ตอนที่ข้าจะกลับขึ้นไปหามันเล่า?” “จะมาโทษข้าเพียงอย่างเดียวได้หรือ” หยางจื้อถามกลับ “ก็ท่านเก็บของของข้าเอาไว้แล้วไม่ยอมคืนนี่” ฟางหลินเองก็ไม่ยอมแพ้ “ก็เจ้าน่ะมันสะเพร่า ซุ่มซ่าม เดินเหินรึก็ไม่เคยระวัง...” ฟางหลินถอนหายใจอย่างหน่ายๆ คำต่อว่าก็ยังคงพ่นออกมาเป็นสายธาร จนฟางหลินหมดอารมณ์จะฟังต่อ \"นี่ข้าไม่ได้มีเวลามาฟังท่านบ่นทั้งคืนนะ ท่านอ๋อง\" สายตาและน้ำเสียงอวดดีส่งออกมาอย่างไม่เก็บอาการ \"สตรีไม่มีหัวคิดพูดจาไม่ระวัง...\" ผู้ชายอะไรปากคอเราะร้ายเสียยิ่งกว่าผู้หญิง \"พอค่ะ\" ฟางหลินยกมือขึ้นปราม นางเบื่อจะฟังตาคนโบราณนี่บ่นซ้ำไปซ้ำมาเต็มทนแล้ว หยางจื้อนิ่งงัน เขามองดูปฏิกิริยาของนางอย่างลุ้น ๆ \"ท่านจะด่าว่าข้าเนี่ย เก็บไว้ดุด่าวันอื่นบ้างเถอะค่ะ ข้าจะสำนึกไม่ทันเสียแล้ว\" ฟางหลินพูด นางไม่ได้จิตใจด้านชาพอที่จะมายืนฟังคนกร่นด่านางทุก ๆ ห้านาทีอย่างนี้ได้หรอกนะ ก็มันกี่เรื่องต่อกี่เรื่องแล้ว ที่คอยทำให้นางต้องปวดหัวคิดไม่ตก นางก็อุตส่าห์ทำใจยอมรับกับตัวเองได้แล้ว อุตส่าห์จะไม่เครียด แล้วดูสิชีวิตดี ๆ ที่นี่ส่งให้นางมาทนฟังเขาบ่นนางเนี่ยนะ \"พิลึกคน\" \"นี่ข้าต้องทำยังไงเหรอ ท่านถึงจะเลิกวางมาดใส่ข้า บางทีข้าก็เหนื่อยจะได้ยินแล้ว\" ฟางหลินอยากจะรู้นัก ว่าชายตรงหน้าโกรธเคืองอะไรนางนักหนา หรือก่อนหน้านี้ฟางหลินคนเก่าทำอะไรไม่ดีกับเขาหรืออย่างไร \"เจ้าร้องไห้อย่างนั้นหรือ\" หยางจื้อเสียงอ่อนลง รู้สึกผิดกับคำพูดของตัวเอง \"ข้าไม่ร้องไห้ให้คนอย่างท่านหรอก\" ฟางหลินตอกกลับก่อนจะหันหลังให้ แล้วเข้าไปทุบประตูจวนหลายต่อหลายหน \"เปิดประตูข้าจะเข้าไป\" นางตะโกนเรียกให้คนมาเปิด ก่อนจะหันมามอง หยางจื้อด้วยดวงตาอวดดี ประตูจวนเหอค่อยๆเปิดออก \"...ฟาง\" \"ข้าไม่ชอบหน้าท่านสักนิด แต่ก็ขอบใจสำหรับป้ายหยกละกัน\" ฟางหลินตัดบทแล้วสาวเท้าเข้าจวนไปโดยไม่รอรี \"คุณหนู หายไปไหนมาตั้งหลายชั่วยามเจ้าคะ\" หลิวอิงออกมารับหน้า ก่อนจะเห็นสีหน้าของผู้เป็นนาย \"ข้าไปเดินเล่นน่ะสิ\" นางตอบอย่างไม่ยี่หร่ะ \"ฟางหลิน\" เสียงเล็กที่เริ่มแหบแห้งของฮูหยินจางปรากฏขึ้นด้านหลัง ทำให้ฟางหลินตกใจทำสีหน้าไม่ถูกนัก \"ท่านแม่...\" \"เกิดอะไรขึ้น ...เจ้าหายไปไหนมา\" ฮูหยินจางเดินเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนใสของลูกสาวอย่างนึกเป็นห่วง “ข้าขอโทษค่ะท่านแม่ ข้าเพียงแต่ออกไปเดินเล่นข้างนอกมาเท่านั้น\" ฟางหลินไม่กล้าตอบตามความจริงทั้งหมด ด้วยไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะดีหรือร้าย \"แล้วกลับเข้ามาเย็นย่ำอย่างนี้ได้อย่างไร\" ผู้เป็นแม่ถามเพิ่มด้วยความเป็นห่วง \"ก็...ก็ข้าหลงทาง\" ฟางหลินโกหกออกไปอย่างรวดเร็ว \"โถ่ลูกแม่ ทีหลังจะออกไปไหนก็ให้บอกแม่ก่อน แม่จะได้ไปด้วย\" ไอ้หยา ถ้าขืนบอกก็ไปทำอะไรสนุก ๆ ไม่ได้น่ะสิ \"ท่านแม่ พี่ใหญ่บอกว่าถ้าหากข้าจะไปที่ใดก็ให้บอกเขาก่อน และต้องพาหลิวอิงไปด้วย... ท่านแม่คะ ข้าขอเพียงแค่ให้อิงหลิวไปเป็นเพื่อนก็พอแล้ว\" \"เอาเถอะครั้งนี้แม่เห็นว่าเจ้าปลอดภัย แม่จะไม่ลงโทษเจ้า แต่ครั้งต่อไปเจ้าต้องดูแลตัวเองให้มากกว่านีั\" \"ค่ะ ข้าจะระวังมากกว่านี้\" “คุณหนูต้องพูดว่าเจ้าคะนะเจ้าคะ” หลิวอิงเอ่ยท้วงเจ้านายสาว “หะ...เจ้าคะเจ้าคะอะไรนะ” “ลงท้ายด้วยเจ้าคะน่ะเจ้าค่ะ” “เจ้าคะ..เจ้าค่ะ ทำไมข้ายิ่งฟังยิ่งงง” ฟางหลินไม่ค่อยเข้าใจนักและยังไม่อยากจะทำความเข้าใจกับคำพูดของสาวใช้ของตนนัก นางเอ่ยปากให้หลิวอิงกลับไปพัก [1] ๑ ชั่วยาม = ๒ ชั่วโมง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 8 วาจาร้าย ใครเล่าพึงฟัง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A