บทที่ 12 อย่ารักเขาอีกเลย 4   1/    
已经是第一章了
บทที่ 12 อย่ารักเขาอีกเลย 4
“ฟางหลิน” ต้าเจิงที่นั่งดื่มชากับสหายผู้น้องอยู่ในหอวาดเขียน เอ่ยเรียกน้องสาวที่กำลังเดินผ่านไป “พี่ใหญ่..เรียกข้าทำ..” ฟางหลินหันตามเสียงเสียงของต้าเจิง ทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้หอวาดเขียน หากแต่แขกของพี่ชายกลับเป็นคนที่นางต้องชะงักไปทันที ยามเมื่อเห็นเขามองมาที่ตัวเอง เหตุการณ์เมื่อคืนก็ผุดขึ้น จนหน้าของนางขึ้นสี “เอ้อ หยางจื้อมาคุยกับข้าเรื่องงานหยวนเซียวน่ะ” ฟางหลินยืนตัวแข็งทื่อเผลอเม้มปากในทันที นางเลือกที่จะหลุบตาลงมองพื้น “อ้อ... ข้าจะไปหาท่านแม่ พี่ใหญ่มีอะไรหรือเปล่า” ฟางหลินพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อดึงความสนใจและสติของตัวเองให้อยู่ถูกที่ถูกทาง “คืนนี้เจ้าจะไปเที่ยวงานหยวนเซียวอีกไหม หยางจื้อก็จะไปด้วย” “ข..ข้าไม่ไปดีกว่า” ฟางหลินตอบ รู้สึกอึดอัดจนไม่กล้ามองหน้าของคู่กรณีเมื่อคืน “ฮึฮึ...” เสียงหัวเราะในคอของหยางจื้อมีอนุภาพมากพอที่จะทำให้ฟางหลินโมโหจนนางต้องเงยหน้ามาถลึงตาใส่ “ทำไมเล่า ก็ไหนเจ้าบอกว่าจะไปทั้งสามคืนอย่างไร หยางจื้อบอกข้าว่าเมื่อคืนพวกเจ้า...” “ห๊ะ เมื่อคืนอะไรเหรอ” ฟางหลินโพล่งถาม หน้าถอดสี นึกอยากจะเข้าไปทุบศีรษะของคนที่เอาแต่จิบชาทำหน้าตาน่าหมั่นไส้อยู่ “เป็นอะไรของเจ้า หยางจื้อบอกว่า เขาเจอเจ้าเดินอยู่คนเดียว ก็เลยมาส่งถึงหน้าจวน” “อ้อ...มาส่ง” ฟางหลินเสียงแผ่ว พลันเรื่องบ้าๆนั่นก็ผุดขึ้นมาในหัวอีก “ข้าก็เบาใจว่าเจ้าไม่ต้องเดินคนเดียว กลางคืนน่ะอันตรายมากรู้ไหม” “คุณชาย หลิวอิงขออภัยเจ้าค่ะ” หลิวอิงลงไปลุกเข่าสำนึกผิด ฟางหลินผู้เป็นนายมองการกระทำของสาวใช้อย่างไม่เข้าใจ “ขออภัยทำไม เจ้าทำผิดเรื่องอะไรที่ไหนกัน” ฟางหลินเอ่ยถาม ก่อนจะหันมาถามพี่ชายของตนด้วยสายตา “คุณหนูเจ้าไม่ว่า ข้ารึจะว่าอะไรได้” ต้าเจิงตอบ ก่อนจะหันไปมองคนติดตามของตัวเองอย่างรู้ทัน “ข้าเป็นคนอนุญาตให้พวกเขาไปเอง ก็นานทีปีหนจะมีเทศกาลอย่างนี้ ถ้ามัวแต่ต้องเดินตามข้าก็น่าเสียดาย” ฟางหลินตอบตามที่คิด “ว่าแต่ทำไมคืนนี้เจ้าถึงจะไม่ไปอีกเล่า เมื่อคืนไม่สนุกหรือ” ต้าเจิงเอ่ยถาม ทันใดนั้นฟางหลินก็แทบจะอยากเดินหนี “ข..ข้า ข้าก็แค่ไม่อยากไปแล้วก็เท่านั้นเอง” “อย่างนั้นหลิวอิงก็คงอดไปเที่ยวสิคืนนี้” ต้าเจิงแกล้งจุดประเด็น ฟางหลินได้ฟังก็นึกตาม “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ คุณหนูไม่ไปข้าก็จะอยู่ดูแล” หลิวอิงตอบ มองเจ้านายด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ได้อย่างไรเล่า เจ้าก็ไปเที่ยวของเจ้า ข้าก็จะอยู่นี่ ไม่เห็นเกี่ยวกันตรงไหน” “จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน” ต้าเจิงเอ่ยถาม สีหน้าไม่พอใจหน่อยๆ “ทำไมล่ะพี่ใหญ่ ข้าก็จะอยู่แต่ในห้องของตัวเองไง” ฟางหลินแย้ง แววตาใสซื่อ “เจ้าอยู่คนเดียวไม่กลัวรึ” ต้าเจิงเอ่ยถาม แกล้งแสดงสีหน้าเป็นกังวล “กลัวอะไรเล่า ห้องข้าไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว” นางอยู่มาร่วมเดือนแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรนี่นา “ถ้าเกิดมีโจรบุกเข้ามาเล่า หรือถ้าเกิดว่าเจ้าโดนผีหลอกเล่า เจ้าจะทำอย่างไร” ต้าเจิงใส่ไฟ ในใจหวังจะให้น้องสาวได้ออกไปกับหยางจื้อสหายผู้น้อง เผื่อจะเกิดอะไรดีๆขึ้น “คนบางคนก็น่ากลัวกว่าผี...” ฟางหลินกล่าวกระทบกระเทียบหยางจื้อ กระทั่งเขาสำลักน้ำชาที่บรรจงดื่มมาพักหนึ่งด้วยความตกใจ “ถ้าเจ้าไปกับหยางจื้อ ข้าก็จะได้เบาใจลงอย่างไรเล่า ไม่ต้องกลัวว่าเจ้าจะเจออันตราย” พี่ใหญ่ควรจะรู้เอาไว้เลยว่า สหายของท่านน่ากลัวว่าโจร อันตรายกว่างูเสียอีก “ข้าไม่ไปดีกว่า...อยู่จวนกับท่านแม่ก็ได้” “ท่านแม่จะกลับไปเยี่ยมท่านยายบ่ายนี้ แสดงว่าเจ้ายังไม่รู้ข่าว... ข้าเดาว่าท่านก็คงเรียกเจ้าไปบอกเรื่องนี้นั่นแหละ” “ลงล๊อคอย่างกับละคร” ฟางหลินเอ่ย สีหน้าไม่สบอารมณ์ “ว่าอย่างไร” ต้าเจิงถามย้ำ สีหน้าคาดหวังแผ่ความกดดันมายังน้องสาว “สรุปก็คือ พี่ใหญ่จะให้ข้าไปงานหยวนเซียวให้ได้ใช่ไหม” “จะว่าไปก็ใช่ อยู่จวนคนเดียว เจ้าจะเหงาแย่ ไปเดินเล่นเสียดีกว่า นานๆทีบ้านเมืองจะคึกคักอย่างนี้” ถ้าหากว่าพี่ใหญ่ได้เห็นกรุงเทพเมืองที่ไม่เคยหลับล่ะก็นะ ท่านจะไม่พูดอย่างนี้ “ข้าไม่ไป” ฟางหลินตอบเสียงแข็ง ริมฝีปากยับยู่จากความไม่พอใจ “เฮ้อ...ข้าขออภัยเจ้าด้วยหยางจื้อ น้องเล็กของข้า กลับมาคราวนี้ดื้อราวกับเด็กๆ” “พี่ใหญ่!” ฟางหลินอดจะหัวเสียไม่ได้ นี่น้องนะ ทำไมไปเข้าข้างคนอื่นอย่างนี้เล่า “เจ้ายังไม่พอใจอะไรหยางจื้ออยู่อีก เขาอุตส่าห์มีน้ำใจมาส่งเจ้าถึงจวน” “ท่านน่ะไม่รู้อะไร เขาน่ะ...” ฟางหลินเกือบจะหลุดปากออกมา พลันพอเห็นสายตาของเขาก็เกิดอายขึ้นมาอีก นางไม่อาจจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครอื่นล่วงรู้ได้ “หื้ม...หยางจื้อทำอะไรรึ” ต้าเจิงเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะหันไปมองหยางจื้อเผื่อว่าจะได้คำตอบจากปากของศิษย์น้องของเขาแทน “ข...ข้า...ข้าไม่พูด” ฟางหลินทนไม่ไหว มองค้อนหยางจื้อหนหนึ่งด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาผู้เป็นแม่อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรกอย่างรีบร้อน เด็กน้อยอะไรกัน นางอายุมากกว่าตาอ๋องบ้านี่ตั้งหลายปี แถมเอาเข้าจริง ๆ นางอายุมากกว่าพี่ใหญ่ของตัวเองเสียอีก แต่พอมาอยู่ในร่างนี้กลับอายุเหลือแค่๑๖ แต่ถึงแม้ว่าร่างกายจะเท่าเด็กสาวอายุสิบหก แต่หัวสมองของนางก็อายุตั้งยี่สิบสี่ แถมยังรู้จักโลกมากกว่าพวกท่านเสียอีก นึกแล้วก็อดเจ็บใจไม่ได้ ถ้าเจอนางตอนอยู่โลกนู้นล่ะก็นะ นางจะไม่ไว้หน้าเลยคอยดูสิ “เจ้าไปทำอะไรให้นางไม่พอใจเข้ารึ” ต้าเจิงยังอยากได้คำตอบ “ฮึฮึ...ข้าไม่พูด ๆ” หยางจื้อหลุดยิ้ม รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาทันที “เฮ้อ หยางจื้อเจ้านะเจ้า ตาข้าไม่ได้บอด หูข้าก็ไม่ได้หนวก เจ้าไม่พูดไม่ใช่ข้าจะไม่รู้” ต้าเจิงเอ่ยอย่างมีเลศนัย มองหยางจื้ออย่างรู้ทัน หยางจื้อหันไปมองยังสวนเบื้องหน้า ความคิดในหัวทำให้ต้องอมยิ้มออกมา “ท่านแม่ ท่านแม่จะไปไหนเจ้าคะ” ฟางหลินเอ่ยถาม พลางเดินเข้าไปสวมกอดเข้าที่เอวของจางเฟยถึงผู้เป็นแม่อย่างต้องการจะอ้อน “ดูสิ อ้อนราวกับเด็กๆ” ฮูหยินจางลูบศรีษะของลูกสาวด้วยความเอ็นดู “ข้าอยากจะเป็นเด็กไปตลอดเลยเจ้าค่ะ ไม่อยากแยกจากท่านพ่อท่านแม่เลยแม้แต่น้อย” ฟางหลินตอบฮูหยินจางผู้เป็นแม่ “แม่ไม่ได้ว่าเสียหน่อย ดีเสียอีก เมื่อก่อนเจ้าชอบคิดว่าตัวเองโตพอแล้ว” “เมื่อก่อนข้าดื้อมากเลยหรือเจ้าคะ” ฟางหลินเอ่ยถาม ใจหนึ่งก็ดีใจที่อย่างน้อยก็มีโอกาสได้อยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง อีกใจก็รู้สึกเสียใจกับพ่อแม่ที่ต้องสูญเสียลูกสาวไปก่อนหน้านี้ “อ้อ พี่ใหญ่บอกข้าว่าท่านแม่จะไปเยี่ยมท่านยาย...” “ท่านยายป่วย อาการไม่สู้ดีนัก แม่ก็เลยจะไปดูเสียหน่อย” ฮูหยินจางตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ฟางหลินที่ได้ฟังก็อมยิ้มใจรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน การได้มีแม่ให้กอดอีกหนอย่างที่เป็นอยู่นี้ ค่อยๆเติมความรู้สึกขาดที่อยู่ในใจของนาง “อย่างนั้นข้าไปด้วยนะเจ้าคะท่านแม่ ข้าอยากไปเจอท่านยาย” “ก็ไหนเจ้าว่าอยากอยู่เที่ยวงานหยวนเซียวอย่างไรเล่า” “ข้าไม่อยากไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่” “ไม่สนุกหรือ” “เทศกาลคึกคักดีเจ้าค่ะ คนเยอะแยะเลย เพียงแค่ว่า...” ฟางหลินอ้ำอึ้ง ถ้าหากว่าพูดไป มีหวังบ้านแตกแหงๆ “อย่างไรหรือ” “ก็แค่...ข้าแค่เบื่อเท่านั้นเองเจ้าค่ะ เลยคิดว่าจะอยู่แต่ในจวน” ฟางหลินตอบ ก่อนจะเสมองสาวใช้อย่างเป็นห่วง “ตามใจเจ้าก็แล้วกัน ไม่อยากทำก็อย่าทำ ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ดีไหม” “ดีเจ้าค่ะแต่ว่า...ข้าขออยู่แต่ในหอนอนแล้วให้หลิวอิงไปเที่ยวได้ไหมเจ้าคะ” ฟางหลินถาม แววตาเต็มไปด้วยความกังวล “หืม...ไม่ได้ เจ้าอยู่ไหนหลิวอิงอยู่นั่น เจ้าจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร” ฮูหยินจางปฏิเสธ สีหน้าเรียบเฉย นางเข้าใจดีว่าลูกสาวความจำเสื่อม ไม่เข้าใจในธรรมเนียม “แต่ว่าหลิวอิงนางอยากไป” ฟางหลินผิดหวังกับคำตอบนั้น “เจ้าก็ต้องเลือกว่าจะอยู่จวนกับหลิวอิง หรือออกไปกับนาง” “โธ่ ข้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นเหรอเจ้าคะ” “ยังมีเวลาให้เจ้าตัดสินใจอีกหลายชั่วยามนัก เจ้ากลับไปหอนอนได้แล้วล่ะนะ แม่จะต้องเตรียมข้าวของเสียก่อน” “ก็ได้เจ้าค่ะ ท่านแม่ ฟางหลินขอลา ...เดินทางปลอดภัยนะคะ” “คุณหนู ถ้าท่านไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ดูแลท่านเอง” หลิวอิงเอ่ย อยากไปเที่ยวนางก็อยากไปอยู่ แต่เมื่อเห็นคุณหนูของตัวเองต้องเดือดร้อนแทนอย่างนี้ นางยอมอยู่จวนรับใช้อย่างเต็มใจเสียยิ่งกว่าอะไร “ไม่ได้! เจ้ากับถิงเฟิงจะต้องได้ไปเที่ยวด้วยกันคืนนี้” ฟางหลินไม่ยอมความ รั้นจะหาทางให้สาวใช้คนสนิทได้ออกไปให้ได้ “เจ้าก็แค่ออกไปเที่ยวในงานกับข้าก็สิ้นเรื่อง กลัวอะไรหรือ” หยางจื้อดักรออยู่ที่ศาลาริมสระบัวอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นพอเห็นว่าฟางหลินเดินมาถึงจึงเผยตัวขึ้น “ท่าน...หลิวอิงไปกันเถอะ” ฟางหลินอารมณ์สะดุด ใจไม่อยากทะเลาะกับเขาอีก จึงตั้งท่าจะเดินหนีไปโดยไม่ต่อความยาวสาวความยืด “หรือว่าเรื่องเมื่อคืนที่ข้า...” “หยางจื้อ!...หลิวอิงเจ้ากลับหอไปก่อน” ฟางหลินเรียกคู่กรณีเสียงดัง แววตาบ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ค..คุณหนูเจ้าคะ” “เจ้าออกไปก่อนเถอะ คุณหนูขอเจ้าคงไม่ถึงกับจะฆ่าข้าหรอก” หยางจื้อ กล่าวพลางโบกหลังมือเบาๆเป็นเชิงไล่ แววตาแสดงออกถึงความสุข เขาสนุกเหลือเกินเวลาที่เห็นฟางหลินแสดงอารมณ์ออกมาโดยไม่เก็บอาการอย่างนี้ เมื่อฟางหลินเห็นว่าหลิวอิงเดินห่างออกไปแล้ว นางก็ชะเง้อคอมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง “ท่านยังต้องการจะแกล้งอะไรข้าอีก!” ฟางหลินเอ่ยถาม ปากของนางเริ่มคว่ำด้วยความไม่พอใจ “ข้าเปล่าแกล้งเจ้าเสียหน่อย ข้าตั้งใจ...” “อย่าพูดออกมานะท่าน” ฟางหลินคาดโทษ “ไม่พูด ๆ” หยางจื้อรับคำแต่โดยดี เขาหลุดยิ้มเขินอายออกมา “แล้วนี่ท่านมาขวางข้าไว้ทำไม” ฟางหลินถามต่อ “ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจำที่ข้าบอกกับเจ้าได้หรือไม่เท่านั้น” หยางจื้อเอ่ยจริงจัง ดวงตาจ้องมองลึกลงไปในนัยน์ตาของหญิงสาวร่างเล็ก “เรื่องอะไร ข้าจำไม่ได้” ฟางหลินตอบแบบขอไปที “เจ้าโกหกไม่เก่งเอาเสียเลยนะ” “ท่านนี่พูดไม่รู้เรื่อง ข้าไปล่ะ” ฟางหลินตัดรำคานตั้งท่าจะเดินหนี หากแต่หยางจื้อก็ไม่เคยปล่อยให้นางได้สมหวัง “ข้าอยากให้เจ้ามอบใจมาให้ข้าแทนที่จะเป็นจินอ๋อง” เขารั้งแขนนางให้กลับมาประจันหน้ากับตัวเอง จ้องมองดวงตาของนางอย่างจริงจัง “ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอะไร” ฟางหลินเอ่ยถาม โดยไม่คิดจะตอบคำถามของอีกคน “เจ้าอย่าแกล้งทำเป็นเฉไฉ” “ข้าเพียงแค่ปากพล่อยไปก็เท่านั้น ไม่ได้หวังให้ท่านตอบอย่างนั้นเสียหน่อย” ฟางหลินพูดตามความจริง ภาวนาไม่ให้เขาถือเอาเป็นจริงเป็นจัง “แต่ข้าตอบตามจริง” หยางจื้อตอบ แววตาส่งความรู้สึกออกมา หากแต่ฟางหลินกลับทำท่าทางราวกลับผิดหวัง “ท่านไม่ได้ฟังที่ข้าพูดหรือ ข้าก็บอกท่านแล้วว่าข้าน่ะแค่ปากพล่อยพูดอะไรไม่คิดเพียงเท่านั้น” ฟางหลินอธิบายอีกหน “ข้าเองก็บอกกับเจ้าแล้วว่าข้าตอบตามความจริง” หยางจื้อยังคงยืนกราน ในคำตอบของตัวเอง “ข้าไม่ยกใจให้ใครทั้งนั้นแหละ แล้วท่านก็ไม่ต้องมาพิศวาสข้าด้วย” ฟางหลินตอบ แววตาของนางไม่มุ่งมั่นอย่างที่เคย ใจของนางยังไม่อาจจะรับเรื่องรักใคร่ของหนุ่มสาวได้ไหวในยามนี้ นางยังอยากอยู่กับตัวเองให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย และนั่นทำให้หยางจื้อหัวใจห่อเหี่ยว ทั้งผิดหวังและเสียใจ หยางจื้อมองใบหน้าของฟางหลินนิ่งๆ ไร้ซึ่งคำพูด “เราเป็นสหายกันก่อนไม่ได้หรือ” “หลังจากที่ข้าเผยความในใจออกไปทั้งจากการกระทำ ทั้งคำพูดขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะขอให้ข้าเป็นเพียงสหายได้อีกหรือ” “จริง ๆแล้วข้าควรจะบอกความจริงดีไหมนะ” ฟางหลินมองคนตรงหน้า พอเข้าใจอยู่ว่าคนตรงหน้าไม่รู้ว่านางไม่ใช่ฟางหลินคนเก่า “ความจริงเรื่องอะไรเล่า” “ช่างเถอะ ถ้าท่านไม่อยากเป็นสหายข้า เราก็ต่างคนต่างอยู่ไปเลยแล้วกัน ข้าไม่อยากมานั่งอธิบายอะไรที่ไม่จำเป็น” ฟางหลินตัดรำคาญ เดินหนีออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมให้หยางจื้อรั้งเอาไว้อีกต่อไป หยางจื้อไม่หันไปมองตามหลังของฟางหลินอย่างที่มักจะทำ หากแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นด้วยความประหลาดใจ นางมีอะไรปิดบังเขาอยู่กันแน่ เขาเดาทางไม่ออกเลยแม้แต่น้อย . . . “คุณหนู ไปทะเลาะอะไรกับคุณชายเขาอีกล่ะเจ้าคะ” หลิวอิงเอ่ยถาม เป็นกังวลแทนเจ้านาย “เจ้าถามเหมือนข้าเป็นคนชอบหาเรื่องคนอื่นอย่างนั้นแหละ” “ไม่ใช่เจ้าค่ะ แต่คุณหนูเป็นสตรี...” “เจ้าก็เห็นว่าเขาตั้งใจยั่วโมโหข้า” ฟางหลินโต้ตอบ เรื่องนี้ถ้านางจะผิดก็แค่ส่วนเดียวเท่านั้น “โถ่คุณหนู...” “ไม่ต้องมาใช้สายตาคาดโทษใส่ข้าเลย แล้วอีกอย่างวันนี้ข้าคงไม่ได้ไป ถ้าเจ้าอยากไปก็แอบไปกับถิงเฟิงเอานะ” “คุณหนูเจ้าคะ...ถ้าท่านไม่ไปแล้วข้าจะไปได้อย่างไร” “ข้ารอไปกับพี่รองดีกว่า” ฟางหลินเสียงอ่อนลง นางนึกกลุ้มใจอยู่ไม่น้อยกับคำสารภาพที่แสนจะตรงไปตรงมาของคู่กรณี “พรุ่งนี้น่ะหรือเจ้าคะ” “อื้ม ส่วนคืนนี้ข้าขอล่ะ” ฟางหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือยๆ นางไม่อยากปล่อยให้ตัวเองต้องไปอยู่กับหยางจื้อแล้วก็ไม่พ้นว่าจะต้องมาคอยเถียงกับเขาอีก หลิวอิงเม้มปากถอนหายใจเบาๆ คุณหนูของนางช่างไม่เข้าใจอะไรเลย คุณหนูในตอนนี้หรือเมื่อสองปีก่อนก็ไม่ต่างกันสักนิด เรื่องงานหยวนเซียวน่ะนางไม่ห่วงหรอก ไม่ใช่ว่าจะได้ไปทุกปีเสียหน่อย นางจึงเดินออกจากหอนอนของเจ้านายไปยังโรงครัวด้านหลังเพื่อเตรียมมื้อกลางวันให้อย่างรู้งาน “หลิวอิง... คืนนี้เจ้า...” ถิงเฟิงเอ่ยถามขึ้น เมื่อเขาเดินเข้ามาในครัวและเห็นแผ่นหลังของคนตัวเล็กกำลังเตรียมอาหารอย่างตั้งใจอยู่ “คืนนี้คุณหนูไม่ไปหรอก ข้าก็ต้องอยู่ดูแลนาง” “ก็ไหนคุณชายหวังเขารับอาสาจะดูแลคุณหนูแทนเจ้าอย่างไรเล่า” ถิงเฟิงท้วง ใจอยากจะไปใช้เวลากับหญิงคนรักในงานเทศกาลคืนนี้ใจจะขาด “ท่านไม่รู้อะไร คุณหนูกับคุณชายรองตระกูลหวังคนนั้นเจอกันทีไร ก็มีอันต้องทะเลาะกันทุกที” “อย่างนั้นข้าคงต้องผิดหวัง” “ทำอย่างกับว่าท่านกับข้าไม่ได้อยู่จวนเดียวกัน ...ข้าต้องไปก่อนล่ะ” หลิวอิงเอ่ยประโยคสุดท้าย ก่อนจะยกสำรับอาหารออกจากโรงครัวไป
已经是最新一章了
加载中