บทที่ 13 ดีก็ช่าง เลวก็ช่าง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 13 ดีก็ช่าง เลวก็ช่าง
เข้าเดือนที่สามแล้วที่นางกลายเป็นท่านหญิงฟางหลิน เวลาที่ผ่านมานี้ตัวนางแทบไม่ได้ออกจากจวน ท่านพ่อและพี่ชายทั้งสองก็เข้าออกวังไม่ได้ขาดเหมือนกัน ดูเหมือนว่าภายในจะมีเรื่องยุ่ง ๆเกิดขึ้นไม่น้อย ฟางหลินค่อย ๆปรับตัวให้ชินกับความไม่สะดวกสบายของชีวิตสมัยโบราณที่ไม่มีแอร์ไม่มีพัดลมและอดคิดถึงตู้เย็นที่ไม่ว่าจะเปิดเมื่อไหร่ก็จะมีแต่ของอร่อยๆอยู่ในนั้นไม่ได้ คิดไปแล้วก็อยากกลับบ้านตัวเองไม่น้อย ป่านนี้พี่ชายสองคนจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ที่น้องสาวหายไปนานขนาดนี้ นางคิดแล้วก็หันไปคุยกับหลิวอิง \"หลิวอิง เอาขนมกับน้ำชาไปนั่งกินกันที่ศาลากลางสระบัวดีไหม\" \"ทำไมคุณหนูอยากไปที่นั่นเจ้าคะ\" หลิวอิงอดสงสัยไม่ได้ \"ข้าจะไปนั่งเล่น อยู่แต่ในห้องมันน่าเบื่อ ...ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ข้าคงไม่ตกน้ำตายหรอกน่ะ\" ฟางหลินเอ่ยดักคอเมื่อเห็นสีหน้าที่อ่านได้จนขาดของหลิวอิง \"คุณหนู!!! ไม่พูดเรื่องตายสิเจ้าคะ ไม่เอาแล้วๆๆ\" หลิวอิงร้อนรน โบกมือมาเป็นเชิงห้ามปราม \"งั้นก็เอาขนมไปนั่งกินกับข้าสิ เร็วเข้านะ\" ฟางหลินสะบัดก้นเดินออกไปก่อน นางเดินไปตามทางเดินในสวน สูดหายใจเข้าอย่างสดชื่น อย่างน้อยที่นี่ก็อากาศดีกว่าสมัยนู่นล่ะนะ ฟางหลินเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ จนถึงศาลาก็นั่งลง หล่อนมองสระอย่างพยายามจะหาคำตอบ ว่าอะไรทำให้นางมาโผล่ในสระนี้ได้ ในเมื่อสระบัวที่บ้านนางก็ไม่ได้เป็นสระเดียวกันกับสระบัวที่นี่เสียหน่อย ยิ่งคิดก็ยิ่งหาคำตอบที่สมเหตุสมผลไม่ได้เลย หลิวอิงเดินนำสาวใช้ที่ยกขนมและน้ำชามาสองคน พอวางน้ำชาเสร็จก็เดินจากไป ฟางหลินจึงเอ่ยปากเรียกหลิวอิงให้มากินด้วยกัน \"หลิวอิง มา ๆมานั่ง\" ฟางหลินวางมือลงบนพนักนั่งพลางตบเบาๆ \"ไม่ได้เจ้าค่ะคุณหนู ข้านั่งเสมอกับคุณหนูไม่ได้\" หลิวอิงปฏิเสธ มือไม้โบกพลิ้วเป็นเชิงห้าม \"นั่งได้ ลองนั่งดูสิ\" ฟางหลินออกคำสั่งเสียงเรียบ \"ไม่ได้เจ้าค่ะไม่ได้ ถ้าฮูหยินมาเห็นเข้า ข้าโดนโบยหลังลายแน่\" \"ท่านแม่ไม่โบยหรอก ถ้าท่านจะโบย คงโบยข้าตั้งแต่เรื่องที่ข้าหนีออกไปเที่ยวข้างนอกตอนนั้นแล้ว\" หลิวอิงได้ฟังก็เกิดความคิดคล้อยตาม \"เพราะฉะนั้นเจ้ามานั่งนี่ กินขนมดื่มน้ำชาเป็นเพื่อนข้า อยู่ที่นี่ข้าเหงา พี่คนไหนก็ไม่ได้ออกนอกวังกลับมาจวน เทศกาลก็ไม่มีให้เที่ยว\" ฟางหลินระบายความอัดอั้น \"คุณหนูอยากออกไปเที่ยวที่ไหนบ้างไหมเจ้าคะ\" \"อืม ขอคิดดูก่อนละกันนะ แต่ตอนนี้ ข้าอยากมีอะไรทำบ้าง สตรีคนอื่นเขาทำอะไรเวลาว่างๆกันเหรอ\" \"อืม ก็เล่นพิณ ปักผ้า เล่นหมากล้อม ...ทำอาหาร\" สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มสาธยายกิจกรรมที่สตรีชั้นสูงของต้าถังนิยม \"นี่พวกนางสนุกกันได้จริงๆใช่ไหม\" นางจะอกแตกตาย ไม่มีอะไรสนุกว่านี้รึยังไงนะ อย่างเช่นมีเพื่อนคุยเพื่อนเล่นอย่างนี้ นางน่าจะมีน้องสาวบ้างนะ จะได้มีเพื่อนคอยคุยด้วย \"จริงๆข้าก็มองว่าน่าเบื่อ\" หลิวอิงไม่ปิดบัง นางทำงานมาตั้งแต่เล็ก ยามเมื่อเห็นว่าสตรีชนชั้นสูงกลับต้องใช้เวลาว่างอันมีค่าไปกับกิจกรรมน่าเบื่ออย่างนั้นก็อดจะหน่ายใจไปด้วยไม่ได้ \"ใช่ไหมล่ะ มันน่าจะมีอะไรสนุกๆทำมากกว่านี้สิ\" ฟางหลินได้ที นึกอยากจะหาอะไรแผลงๆทำขึ้นมา \"อะแฮ่ม\" เสียงกระแอ่มที่ทุ้มนุ้มดังขึ้นเบื้อหลัง หากแต่เมื่อฟางหลินเห็นปฏิกิริยาและคำพูดของสาวใช้ของตัวเองแล้วก็เข้าใจได้ในทันที \"ข้าน้อยถวายพระพรองค์ชายสิบห้าเพคะ\" หลิวอิง \"ฟางหลินถวายพระพรองค์ชายสิบ...\" ฟางหลินลุกขึ้นทำท่าจะทำความเคารพองค์ชายสิบห้าตามที่จะต้องทำ \"ไม่เอาแล้ว เจ้าเรียกข้าอย่างนี้อีกแล้ว เจ้าเรียกข้าให้เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือ\" องค์ชายสิบห้าเอ่ยขัด ใบหน้ายิ้มระรื่นชวนหลงใหล จำได้ว่าองค์ชายคนนี้เพิ่งจะย่างเข้าสิบแปดแท้ๆ อายุแค่นี้ทำไมถึงได้หล่อนักนะ ใจป้าไม่ดีเลย \"หม่อนฉันจำไม่ได้ว่าเรียกพระองค์ว่าอย่างไรเพคะ\" ฟางหลินเอ่ยเสียงเรียบ \"เจ้าเรียกข้าว่าท่านอ๋อง\" \"อย่างนั้นหรือเพคะ..\" ฟางหลินเอ่ยถามย้ำ ใบหน้าดูไม่เต็มใจจะเชื่อนัก \"เลิกพูดเป็นทางการกับข้าเสียด้วย\" หลี่อี้เอ่ยเสียงต่ำ ใบหน้าเรียบๆดูไม่สบอารมณ์เข้าเสียแล้ว \"เพคะ\" ฟางหลินตอบเพียงแค่นั้น ทั้งยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับเขาเสียด้วย \"เฮ้อ เจ้ากลายเป็นคนดื้อรั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ\" จากลูกสุนัขขี้อ้อนกลายเป็นเจ้าแมวจอมดื้อไปเสียแล้ว หากแต่กลับมีเสน่ห์มากกว่าเดิมได้อย่างไม่น่าเชื่อ \"ท่านอ๋องมาถึงจวนหวัง มีอะไรรึเปล่าเพคะ\" ฟางหลินเอ่ยถาม หวังจะรีบตัดบทแล้วตีจากจากชายตรงหน้าให้ไวที่สุด สรรพนามนั้นทำให้คนฟังพอใจไม่น้อย เขายิ้มออกมาน้อยๆด้วยความพอใจ \"ข้าคิดถึงเจ้าน่ะสิ\" หลี่อี้หยอดคำหวานอย่างที่ชอบทำเมื่อหลายปีก่อน หากแต่คนฟังกลับไม่ได้รู้สึกเคอะเขินแต่อย่างใด กลับกันยังรู้สึกรำคาญมากกว่าเดิมเสียด้วย หล่อน่ะหล่อ แต่รู้นะว่าใจร้าย \"ถ้าเป็นเมื่อก่อนหม่อมฉันคงดีใจมากเลยเพคะ แต่เพราะตอนนี้หม่อมฉันตายแล้วเกิดใหม่ ไม่เหลือความทรงจำอะไรเกี่ยวกับท่านอ๋องเลย เพียงแค่คำพูดของท่านอ๋อง ไม่ได้ทำให้หม่อมฉันรู้สึกอะไรเลยเพคะ\" ฟางหลินตั้งใจพูดให้เขารู้สึกตัว ถ้าขืนให้นางปล่อยให้เขามายุ่มย่ามมากไปกว่านี้ พ่อแม่พี่น้องของนางคงอกแตกตายเพราะความโกรธแค้นในตัวองค์ชายผู้นี้แน่ \"เจ้ากลายเป็นคนตรง พูดจาฉะฉานไม่เก็บอารมณ์ไปเสียแล้ว\" หลี่อี้โอด \"ท่านอ๋องบอกกับหม่อมฉันเมื่อครู่ว่าไม่จำเป็นต้องพูดทางการกับท่านอ๋อง หม่อมฉันจึงเลือกจะพูดตรง ๆเพคะ\" \"เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่รู้สึกอะไรกับข้าเลย\" \"ทำไมหม่อมฉันต้องโกหกด้วยล่ะเพคะ\" น้ำเสียงติดประชดประชันตอบขึ้น \"หากเจ้าจะว่าอย่างนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ แต่ไม่ได้แปลว่าข้าจะยอมให้เจ้าผลักไสไล่ส่งข้าออกไปหรอกนะ\" หลี่อี้ไม่ยอมแพ้ ตัวเขาเองแต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนไม่ยอมใครอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเป็นสตรีที่หวังจะครอบครองก็ยิ่งถอยไม่ได้ \"หม่อมฉันหรือจะกล้าไล่ท่าน มิบังอาจเพคะ\" ฟางหลินปฏิเสธ หากแต่ใจกลับบอกนางว่ามันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง \"แล้ว...เจ้ากับหยางจื้อเป็นอะไรกัน\" สุรเสียงนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้คนฟังคิ้วขมวดทันที \"..ไม่ได้เป็นอะไรกันเพคะ” ฟางหลินปฏิเสธทันควัน \"ข้าเห็นเดินจับมือถือแขนกันออกไปคืนวันงานหยวนเซียว\" \"มีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อยเพคะ เอ่อ...ตามประสาคนรู้จัก\" ฟางหลินอธิบาย \"อย่างนั้นหรือ ...เอาล่ะข้าจะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ ข้าจะมาเตือนเจ้า ว่าข้ายังไม่ลืมสัญญาที่เคยให้ไว้กับเจ้านะ \" นัยน์ตาดำสนิทจ้องมองสตรีที่เคยเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ \"สัญญาอะไรหรือเพคะ\" \"ข้าจะสู่ขอเจ้าไปเป็นชายา\" เป็นประโยคที่ทำให้คนฟังเผลอกรอกตามองบนอย่างหน่าย ๆ คำพูดของท่านเคยฆ่านางมาครั้งหนึ่งแล้ว นี่ยังจะกล้ามาพูดซ้ำอีกหน นางล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย \"หม่อมฉันต้องขอเสียมารยาทใส่ท่านอ๋องนะเพคะ หม่อมฉันจำคำสัญญานั่นไม่ได้เพคะ หม่อมฉันรู้เพียงแค่ว่าท่านอ๋องหลอกให้หม่อมฉันรอ แล้วก็ไปตบแต่งพระชายากับหญิงงามคนอื่น จนหม่อมฉันตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองลงที่สระตรงหน้าท่านนี้\" ฟางหลินหันหน้าไปมองสระบัวด้วยแววตาเศร้า เด็กสาววัยสิบสี่ที่ยังแทบไม่ได้ใช้ชีวิตนางหนึ่งต้องจบชีวิตตัวเองลงเพราะคำพูดไร้ความรับผิดชอบของคนๆนี้ และดูเขาไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับนางเท่าไหร่เสียด้วย \"ฟางหลิน...\" คำพูดและกริยานั้นทำให้คนต้นเหตุถึงกับพูดไม่ออก \"หม่อมฉันไม่อาจทำใจให้รักพระองค์ได้อีก แม้จะจำไม่ได้ว่าตอนนั้นเจ็บปวดเพียงใด แต่พอนึกขึ้นได้อย่างนั้นก็พาลโมโหตัวเองทุกทีเลยเพคะ\" นางหันกลับมามองใบหน้าของหลี่อี้นิ่งๆ ก่อนจะกล่าวเสริมตามความรู้สึก \"ข้าขอโทษ\" หลี่อี้นัยน์ตาวาววับ คลอหน่วยไปด้วยน้ำตาพลางกัดฟันแน่นข่มน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา \"หม่อมฉันยังไม่อาจให้อภัยพระองค์ได้เพคะ\" ฟางหลินหันหลังให้ทันที แค่ขอโทษอย่างนั้นเหรอ เวลามันย้อนกลับไปได้เสียเมื่อไหร่ ฟางหลินคนนั้นน่ะตายไปแล้ว แต่นางก็หวังให้ฟางหลินคนนั้นได้ยินคำขอโทษจากชายใจร้ายคนนี้ด้วยเหมือนกัน \"...อย่างนั้นข้าก็ไม่ควรอยู่รบกวนใจเจ้าอีก หากแต่ข้าจะมาอีก มาเจอหน้าเจ้าจนกว่าเจ้าจะอภัยให้\" ฟางหลินไม่ตอบ เพียงแต่หันมาย่อตัวทูลลา ฟางหลินมองตามหลังอ๋องสิบห้าไปจนลับตา แล้วจึงนั่งลงกินขนมจิบชาต่ออย่างสบายอารมณ์ \"คุณหนู...\" หลิวอิงเอ่ยเสียงเบา \"ข้าเสียมารยาทมากเลยใช่รึเปล่า\" ฟางหลินปรับอารมณ์ อย่างไรเสียก็ไม่ใช่เรื่องของนาง ถึงแม้จะอดไม่ได้ที่จะมีอารมณ์ร่วมกับเขาด้วยก็เถอะนะ มันก็น่าโมโหจริงๆนั่นแหละ \"คุณหนูเก่งมากเลยล่ะเจ้าค่ะ\" ใบหน้าของสาวใช้เปื้อนยิ้มขึ้นมา \"หืม ทำไมถึงมาชมข้า\" ปฏิกิริยาที่เหนือความคาดหมายนั่นทำให้นางแปลกใจ \"กลับมาคราวนี้ คุณหนูของข้าเก่งขึ้นมาเลยนี่เจ้าคะ\" หลิวอิงอธิบาย \"เมื่อก่อนข้าคงหัวอ่อนน่าดู\" \"คุณหนู ท่านน่ะจะต้องเข้มแข็งให้มากๆนะเจ้าคะ\" \"ข้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นห่วง แต่อย่าห่วงไปเลย ข้าไม่ใช่ฟางหลินคนเดิมแล้วเสียหน่อย\" อย่างน้อยก็เป็นผู้ใหญ่กว่าเกือบสิบปี และทันคนมากกว่านิดหน่อยล่ะมั้งนะ \"เจ้าค่ะๆ ข้าเชื่อว่าท่านน่ะเก่งขึ้นกว่าเก่า แถมดูท่ากลับมาคราวนี้ ประตูจวนคงไม่แห้งแน่ๆ\" \"หมายความว่ายังไง\" หลิวอิงยังไม่ทันตอบนางก็หันไปทำความเคารพชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็ว
已经是最新一章了
加载中