บทที่ 2 : คำพิพากษา   1/    
已经是第一章了
บทที่ 2 : คำพิพากษา
บทที่ 2 ร่างบางได้สติหลังจากถูกทำให้สลบไปเนิ่นนาน... เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว หากแต่ความเจ็บปวดไม่อาจทำให้ตื่นตกใจได้เท่ากับสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แก้วกัลยารู้สึกว่าตัวเองอยู่บนพาหนะอะไรสักอย่างที่กำลังเคลื่อนที่ ฟังจากเสียงแล้วมันน่าจะเป็นรถยนต์ เธอรู้สึกร้อน อึดอัด เหมือนกำลังนอนอยู่ในที่แคบๆ สองมือของเธอถูกจับมัดไพล่หลังทำให้ไม่อาจใช้มันคลำสำรวจสภาพโดยรอบได้ ความหวาดกลัวซึมซาบในอก... หญิงสาวตระหนักแล้วว่าเธอคงถูกใครบางคนลักพาตัวมาขณะที่กำลังร้องไห้อยู่หน้าเจดีย์เก็บอัฐิของนาฏณิชา ‘ฆาตกร...’ เสียงเย็นเยียบของใครบางคนยังคงดังหลอกหลอนในหู มันทำให้เธอขวัญผวา ในตอนนั้นเธอรู้เพียงว่าต้องหนี หากแต่ยังไม่ทันจะออกวิ่ง ร่างทั้งร่างก็ปะทะเข้ากับความแข็งแกร่งดุจภูผา เธอล้มลงไปกองกับพื้นทันที และก่อนที่สติของเธอจะดับวูบเพราะถูกโปะด้วยกลิ่นหวานๆ เสียงกระซิบของซาตานก็ดังเล็ดลอดเข้ามาในโสตประสาท ‘...ฉันทนไม่ได้ ฉันทนเห็นคนที่ทำให้ณิตายใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ได้!’ ณิ... นั่นหมายถึงนาฏณิชาหรือ? รถเริ่มชะลอความเร็วลง ก่อนที่มันจะหยุดนิ่ง เสียงเครื่องยนต์เงียบไปแล้ว ตอนนี้เธอคงเดินทางมาถึงที่หมายที่พวกคนชั่วต้องการจับเธอมา มีเสียงดังกึกเบาๆ แล้วที่นอนแคบๆของเธอก็ถูกเปิดออก แก้วกัลยาสูดเอาอากาศหายใจเข้าไปเต็มปอดหลังจากถูกขังไว้เนิ่นนาน ซ่า... เสียงซ่าๆดังแว่วมาพร้อมกับกลิ่นเค็มๆลอยปะทะจมูก หญิงสาวจำมันได้ แม้จะเคยมาแค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่นั่นเป็นความทรงจำที่เด็กตาบอดผู้ซึ่งไม่ค่อยได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวที่ไหนจำได้ไม่ลืม เสียงแบบนี้ กลิ่นแบบนี้ ที่นี่คงจะเป็นทะเลที่ไหนซักที่ “คุณภาคว่ายังไงบ้าง” “คุณเขาบอกว่าเตรียมเรือไว้ให้แล้ว พาขึ้นเรือได้เลย เรือจอดอยู่ที่ท่า” เสียงบทสนทนาของผู้ชายสองคนดังกระทบโสตประสาทอันตื่นกลัว แก้วกัลยารู้ชัดแล้วว่านี่ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่แท้จริง เธอยังต้องโดยสารเรือต่อไปอีก ความหวังที่จะหนีริบหรี่ลงเรื่อยๆ ร่างบางน้ำตาไหลพราก แค่คิดถึงชะตากรรมอันน่าอดสูภายภาคหน้าก็ทำให้เจ็บช้ำจนอยากตายไปเสียตรงนี้ “ชะ ช่วยด้วย!!!!!!!!!!” หญิงสาวรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายตะโกนออกมา หวังจะให้ใครสักคนที่อาจจะบังเอิญผ่านมาได้ยิน แต่นั่นคงเป็นแค่ฝัน... ไม่มีใครผ่านมาได้ยินเสียงของเธอ และคนร้ายเองก็คงมั่นใจเช่นนั้น พวกมันไม่แม้แต่จะหาอะไรปิดปากทำให้เธอเงียบด้วยซ้ำ มือคู่หนึ่งสอดเข้ามาใต้ตัวเธอ หญิงสาวผวาตกใจ ได้แต่กรีดร้องพลางสะบัดตัวสุดแรง แต่แขนแข็งแกร่งคู่นั้นกลับไม่สะเทือนเลย “ไม่! แก้วไม่ไป ปล่อย!!! ช่วยด้วย!!!” เธอยังคงพยายามร้องขอความช่วยเหลือเพราะไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านี้ ความรู้สึกนี้มันคล้ายกับวันนั้น... วันที่เธอเกือบจะถูกรุมข่มขืน มันน่ากลัว... ทุกสัมผัสยังคงตราตรึง เสียงหัวเราะน่าขยะแขยงยังคงดังก้อง แต่ทว่าเธอมองไม่เห็น เธอจินตนาการไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครที่พยายามจะทำร้ายเธอ “ปล่อยนะ! ปล่อยแก้ว ปล่อย!!!! ฮือออ” คนร้ายไม่ได้ฟังคำของเธอ มันอุ้มเธอไปตามเส้นทางที่เหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด แก้วกัลยาหมดแรงจะดิ้น เธอไม่เหลือกะจิตกะใจจะร้องขอความช่วยเหลือแล้ว ที่ทำได้มีแต่อ้อนวอน ร้องขอความเมตตาที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มี “ฮึก ปล่อยแก้วเถอะ นะคะ แก้วขอร้อง แก้วไม่มีอะไรจะให้คุณหรอก เมตตาแก้วเถอะนะคะ ฮือ” ร่างแบบบางถูกวางลงบนอะไรสักอย่างที่ลอยกระเพื่อม ให้ความรู้สึกคล้ายกำลังลอยอยู่บนผืนน้ำ เธอเดาว่ามันน่าจะเป็นเรือ เรือที่จะนำเธอไปยังสถานที่ที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ เรือที่จะพรากความฝัน ความหวังทุกอย่างไปจากเธอ หญิงสาวนอนขดตัวอยู่บนพื้นแคบๆ ได้แต่นอนร้องไห้ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม “ท่านบอกให้ไปถึงก่อนเที่ยงคืน” เสียงสนทนาดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ของเรือโดยสาร “ท่านจะเอาตัวเด็กนี่ไปทำไมวะ” “ข้าจะไปรู้เรอะ แต่เห็นเขาลือกันว่าแม่นี่ไปทำลูกกับเมียท่านตาย” “คุณณิน่ะนะ!” เสียงหนึ่งดูตกใจ เธอไม่รู้ว่าชายทั้งสองคนกำลังทำสีหน้าแบบไหน แต่บรรยากาศเงียบกริบก็ทำให้พอเดาได้ว่าคนทั้งคู่คงกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง และจากบทสนทนาเมื่อครู่ทำให้หญิงพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ คนที่สั่งให้ลักพาตัวเธอมา... คือสามีของนาฏณิชา “คุณณิตายเพราะเด็กคนนี้จริงๆเหรอ” น้ำเสียงนั้นดูเศร้าโศก นาฏณิชาคงเป็นที่รักสำหรับคนทั้งคู่ และเธอคนนั้นก็คงเป็นที่รักสำหรับทุกคน “แก้วขอโทษค่ะ...” ร่างบางเอ่ยเสียงพร่า ความรู้สึกตื่นตระหนกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด “เงียบไปเถอะ” เจ้าของเสียงเดิมว่า “เอ็งก็แค่คนตาบอด คงไม่ได้ตั้งใจ แต่นายท่านคงไม่ได้คิดแบบนั้น” ‘นายท่าน’ ที่ชายคนนี้พูดถึงคงเป็นสามีของนาฏณิชา แก้วกัลยาไม่เคยพบชายผู้นี้มาก่อน เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน แต่การที่เธอถูกจับตัวมาอยู่ที่นี่ก็แสดงว่าเขาไม่ใช่คนดีนัก แต่เธอไม่โทษเขาหรอก... เธอทำให้เขาเสียเมีย เสียลูกที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก เขาคงเหมือนถูกฆ่าให้ตายทั้งเป็น ชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็น ไม่มีใครรู้จักมันดีเท่ากับเธออีกแล้ว แค่หายใจก็ยังรู้สึกเจ็บ แค่มีลมหายใจก็รู้สึกผิด ทำไมต้องเป็นเธอที่รอด? หญิงสาวปล่อยให้ความคิดดำดิ่ง มีทางไหนไหมที่จะชดใช้ให้เขา? หรือบางทีการมีชีวิตอยู่ของเธออาจเป็นเหมือนแผลเป็นที่ฝังลึกในจิตใจของผู้ชายคนนั้น แก้วกัลยาหลับตาลง... เหนื่อยเหลือเกินกับการมีชีวิตอยู่ภายใต้ความรู้สึกผิดเช่นนี้ เธอจะขอชดใช้... แม้อาจมีค่าไม่เทียบเท่า แต่จะขอชดใช้มันด้วยชีวิตของเธอ ร่างบางขยับตัวชิดขอบเรือ หยดน้ำที่สาดกระเซ็นทำให้เธอรู้ว่านี่คงเป็นส่วนที่อยู่ใกล้น้ำทะเลมากที่สุดของเรือยนต์ลำนี้ เธอค่อยๆยืนขึ้นช้าๆ ไม่มีเสียงร้องห้ามใดๆแสดงว่าคนร้ายทั้งสองไม่ทันสังเกตเห็น หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาหยดสุดท้ายไหลรินออกมา ก่อนจะทิ้งตัวลงสู่ผืนน้ำอันมืดมิด ตู้ม! ความเย็นเยียบของผิวน้ำดูดกลืนสติเธอจนเกือบหมด น้ำทะเลปริมาณมากไหลทะลักเข้าปากเข้าจมูก ปิดทางหายใจจนเธอแทบขาดใจตาย แบบนี้น่ะดีแล้ว... โซ่ตรวนแห่งความผิดบาปของเธอกำลังถูกปลดเปลื้อง ชะตาชีวิตของเธอกำลังกลับสู่แบบที่มันควรจะเป็น เธอกำลังจะตาย... ทั้งๆที่ควรจะตายเมื่อนานมาแล้ว ตู้ม! เสียงผิวน้ำถูกกระแทกดังเข้ามาในห้วงสติที่กำลังจะมืดดับ มือของใครบางคนคว้าเอวเธอไว้ ลากเธอให้กลับสู่โลกแห่งความโหดร้ายอีกครั้ง ไม่... อย่า... ได้โปรด... ให้ฉันตายเถอะ ความรู้สึกเย็นๆกับสัมผัสที่ไม่แรงไม่เบา คล้ายมีใครกำลังเอาผ้าชุบน้ำเช็ดที่ ใบหน้า ปลุกให้ร่างบางคืนสติ มือเล็กเอื้อมจับมือของใครบางคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับหน้าของเธอ เจ้าของมือปริศนาหยุดขยับแทบจะในทันที “คุณภาคคะ เธอฟื้นแล้วค่ะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังอยู่ข้างๆ ดูเหมือนว่าเธอจะหันไปพูดกับใครอีกคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก “โล่งอกไปที” คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชายที่ดังพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หาข้าวหาปลาให้เธอกินก่อนนะครับ ผมจะไปตามคุณยักษ์” แก้วกัลยาได้ยินเสียงประตูเปิดออก คาดว่าผู้ชายคนนั้นคงกำลังไปตามใครบางคน หญิงสาวดึงความสนใจกลับมาที่ตัวเอง เธอถูกช่วยเอาไว้... “ทำไมไม่ปล่อยให้แก้วตาย...” เสียงแผ่วเบาเอ่ย พร้อมๆกับความรู้สึกอัดอั้นถูกระบายออกมาเป็นหยดน้ำใสๆที่เอ่อล้นดวงตาไร้แววคู่นั้น “ช่วยแก้วไว้ทำไม!?!” ‘บุหงา’ หญิงสาวผู้ทำหน้าที่ดูแลนักโทษคนสำคัญของเจ้านายชักสีหน้า รู้สึกไม่ชอบใจเด็กตาบอดคนนี้ขึ้นมาทันที ขอบคุณสักคำยังไม่มี แถมยังกล่าวโทษราวกับว่าการที่ช่วยชีวิตไร้ค่านี้ไว้เป็นความผิดเสียอย่างนั้น “ฉันก็ไม่ได้อยากจะช่วยหรอกนะถ้าคุณยักษ์เธอไม่สั่งไว้” เสียงเย็นชาตอบ พร้อมๆกับเจ้าตัวหยัดตัวขึ้น เตรียมไปจัดหาอาหารตามที่คุณเลขาสั่ง ร่างบางสะดุดหูตรงชื่อที่ถูกเอ่ยออกมา คุณยักษ์? “ฮึก แก้วไม่อยากอยู่แล้ว” “คนที่จะตัดสินว่าเธอจะอยู่หรือตายคือคุณยักษ์ เธอไม่มีสิทธิ์เลือก” แม่บ้านสาวว่า ตอกย้ำความรู้สึกต่ำต้อยของเธอ ตอนนี้เธอคงไร้ค่าขนาดที่ว่าไม่อาจกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เธอจะอยู่หรือตาย... ขึ้นอยู่กับ ‘คุณยักษ์’ ผู้ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร “ถ้าจะตายก็อย่าลากคนอื่นเค้าไปซวยด้วยสิ รู้มั้ยว่าถ้าเมื่อคืนเธอเกิดตายขึ้นมา ผัวฉันที่เป็นคนไปรับเธอก็คงต้องตายด้วย ทีหลังทำอะไรก็หัดคิดบ้างนะ เธอรออยู่เฉยๆที่นี่แหละ ฉันจะไปเอาข้าวมาให้” แม่บ้านทิ้งท้ายก่อนจะออกจากห้องไป ทิ้งให้เธอตื่นตะลึงกับประโยคนั้น... ถ้าสามีของผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ไปลักพาตัวเธอมา นั่นหมายความว่าตอนนี้เธอก็ยังคงอยู่กับพวกคนร้าย คนที่ช่วยเธอไว้คือคนร้ายอย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นคุณยักษ์นั่นก็คง... ความกลัวทำให้ร่างเล็กสั่นไปทั้งตัว เธออยากจะหนีจากเขา หนีจากชะตากรรมอันแสนโหดร้ายที่เขาผู้นั้นกำลังจะมอบให้ เธอจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ยักษ์ร้ายตนนั้น... ไม่อนุญาตให้เธอทำ เขาไม่อนุญาตแม้จะให้เธอตายด้วยซ้ำ แก้วกัลยายกมือปิดหน้าร้องไห้จนตัวโยน กึก! หากแต่มือข้างหนึ่งของเธอกลับถูกรั้งไว้ หญิงสาวตกใจ ยกมือข้างที่เป็นอิสระคลำดูก็พบว่ามืออีกข้างถูกล่ามด้วยกุญแจมือ เธอพยายามดึงมันออก เคร้งๆ เสียงโลหะกระทบกันพร้อมกับความรู้สึกแสบตึงที่ผิวยืนยันแล้วว่าเธอไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ได้ เขาคงกลัวว่าเธอจะหนี ไม่ว่าจะหนีจากสถานที่นี้หรือหนีไปโลกหน้าก็ตาม ตอนนี้แก้วกัลยาไม่อาจทำได้สักอย่าง ใจร้าย... เขาใจร้ายและเลือดเย็นเหลือเกิน เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง ร่างบางที่ทรุดตัวนั่งคุคคู้อยู่บนเตียงเข้าใจว่าแม่บ้านคนเดิมคงเอาอาหารมาให้ “แก้วไม่หิว เอากลับไปเถอะค่ะ” เสียงเล็กเอ่ยบอก เธอไม่มีความอาหารเลยสักนิด และหากจะให้อยู่เยี่ยงนักโทษเช่นนี้ เธอขออดตายไปเลยยังจะดีกว่า ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา... แก้วกัลยาได้ยินเพียงเสียงล็อกลูกบิด จากนั้นก็มีเสียงเก้าอี้ถูกลากมาใกล้ๆ หญิงสาวขวัญผวาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอตัวสั่นเหมือนลูกนก บดเบียดตัวเองไปจนชิดติดหัวเตียงราวกับรู้ว่าอันตรายกำลังจะมาเยือน “แล้วคิดเหรอว่าฉันจะให้เธอกิน?” “!!!” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เสียงแบบนี้... “ฆาตกรอย่างเธอน่ะ ไม่กินอะไรซักวันสองวันคงไม่ตายหรอก” น้ำเสียงของเขา เยียบเย็น เย้ยหยัน... ราวกับต้องการจะเหยียดหยามคนทั้งโลก แก้วกัลยาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ “คะ คุณเป็นใคร” เอ่ยถามออกไปทั้งที่ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้กระต่ายตัวน้อยที่ท่าทางดูหวาดกลัวเขาเหลือเกิน ดวงตาไร้แววของเธอมองสะเปะสะปะไปทั่ว แต่เชื่อเถอะว่าเธอจะต้องขอบคุณที่ตัวเองมองไม่เห็นเขาตอนนี้ มิเช่นนั้นเจ้าตัวอาจจะหัวใจวายตายไปก่อนที่เขาจะแก้แค้นสำเร็จเสียด้วยซ้ำ “อ้อ มองไม่เห็นสินะ แต่เธอคงจำฉันได้ ฉันคือคนที่เธอพรากทุกอย่างไปไง” “สามีของคุณนาฏณิชา...” เสียงเล็กเอ่ยแผ่วเบา ริมฝีปากสั่นระริก... เขาเป็นคนที่สั่งให้จับตัวเธอมา ชายผู้กุมชะตากรรมของเธอไว้ ยักษ์ ดวงตาร้ายกาจสลดวูบยามได้ยินชื่อของอดีตคนรัก นาฏณิชาคือความเจ็บปวดที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจลืมเลือนได้ แผลใจที่คิดว่าผ่านไปหลายเดือนแล้วอาจจะดีขึ้นกลับกลัดหนองขึ้นมาอีกครั้งยามที่ได้เห็นตัวต้นเหตุที่ทำลายชีวิตรักของเขาจนพังไม่เป็นท่า เลือดในกายพลันพุ่งพล่าน มันผลักให้อสุราหนุ่มย่างเท้าก้าวไปหาเหยื่ออันโอชะที่นั่งตัวสั่นเทาหดลีบอยู่อีกฟากของเตียงเก่าๆ “รู้มั้ยว่าฉันกำลังจะแต่งงานกับณิ” น้ำเสียงของเขาดูคุกคามดุร้ายยิ่งกว่าเก่า ยิ่งทำให้แก้วกัลยาหวาดกลัว หยดน้ำเล็กๆรื้นขึ้นมาคล้ายจะบอกว่าเธอไม่อาจทนแรงกดดันจากชายตรงหน้าได้มากไปกว่านี้แล้ว “เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน” แต่ยักษ์หนุ่มไม่หยุด มือหนาจับไหล่บางที่สั่นสะท้านพร้อมกับบีบจนมันแทบแหลกสลายคามือ “แล้วเธอเป็นใคร? เธอเป็นใครถึงได้กล้ามาพรากเค้าไปจากฉัน!!!!!!!!” “แก้ว... ขอโทษ...” “เงียบ!!!!!!!!!!” เสียงดุดันตวาดกร้าวคล้ายอสนีบาต “ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวจากฆาตกรอย่างเธอ” ราพณ์กำลังสับสน... ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาในห้องนี้ ในหัวของเขามีแผนแก้แค้นเธอมากมายเหลือเกิน แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากันแล้ว อสูรร้ายกลับพบว่าแผนการแก้แค้นของเขามันไม่สาสมกับสิ่งที่เธอพรากจากเขาไปเลยสักนิด หัวใจของเขาบาดเจ็บแสนสาหัส เขาอยากให้เธอเจ็บปวดกับการสูญเสียคนที่รัก แต่แก้วกัลยาไม่มีคนรัก จากข้อมูลที่ได้รับ ผู้หญิงคนนี้ถูกรับอุปการะที่บ้านเด็กกำพร้าตอนเก้าขวบ เธอตาบอด มิหนำซ้ำความทรงจำยังขาดหาย เธอจำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครเสียด้วยซ้ำ ผู้หญิงคนนี้... ไม่มีอะไรเลย หยดน้ำใสๆร่วงเผาะจากดวงตากลมโต มองดูคล้ายนางฟ้าแสนสวยกำลังร้องไห้ เธอช่างบอบบาง อ่อนแอ คล้ายกับเธอคนนั้น ภาพตรงหน้าทำให้ราพณ์นึกถึงคนรักผู้ล่วงลับ นาฏณิชาเองก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เธอบอบบาง น่าทะนุถนอม หากแต่ก็มีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่หวาดกลัวต่อความร้ายกาจของเขา เธอกุมหัวใจด้านชาของเขาไว้ ครอบครองมันเอาไว้ด้วยหัวใจอันแสนบริสุทธิ์ ความปวดร้าวกำลังช่วงชิงลมหายใจของเขา ดวงตาสีนิลกาฬกลับมาดุร้ายดังเดิม ร่างสูงมองดูนักโทษตาบอดของตัวเองด้วยสายตาชิงชังเคียดแค้น เธอจะต้องสูญเสียบ้าง แต่เธอไม่มีอะไรเลย... เธอไม่มีอะไรพอที่จะให้เขาพรากมันไป แต่แล้วอย่างไรเล่า? ถ้าเธอไม่มี เขาก็แค่ ‘สร้าง’ มันขึ้นมา ราพณ์คิดก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง “ถอด...” เขาสั่งเสียงเรียบ ทว่าหนักแน่น “ฮึก...” “ฉันบอกให้ถอด! ถอดเสื้อผ้าของเธอซะ!” “!!!” “ถอดออกมาให้หมด และไม่ต้องร้องนะ เพราะเสียงของฆาตกรอย่างเธอ ฉันไม่ได้ยิน!” คำสั่งนั้นคล้ายคำประหาร แก้วกัลยาตาเบิกโพลง เธอไม่ทำตามที่เขาสั่ง มิหนำซ้ำกลับกอดตัวเองแน่น ส่งเสียงร้องไห้อย่างน่าเวทนา หากแต่กับคนที่เย็นชาไร้หัวจิตหัวใจอย่างราพณ์ ต่อให้เธอคุกเข่าก้มกราบแทบเท้าเขา มันก็ไม่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสงสารเลยสักนิด มือกร้านจัดการกระชากร่างบอบบางเข้าหาตัว “คุณจะทำอะไร... กรี๊ดดดดดดดดด!” แคว่ก! เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกขาดออกจากกันจากการกระชากเพียงครั้งเดียว ผิวขาวเนียนเป็นรอยแดงเพราะถูกเสียดสี แรงกระชากเมื่อครู่ทำให้ข้อมือของเธอที่ถูกพันธนาการไว้พลอยถูกดึงรั้งไปด้วย เจ็บ... “คุณยักษ์ ฮึก คุณยักษ์อย่าทำอะไรแก้วเลยนะคะ” “แล้วณิมีโอกาสร้องขอชีวิตแบบนี้รึเปล่า?” ยักษ์ร้ายเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “...ฮึก...” “ฉันถาม!?!!!!!” “ฮึก... คุณยักษ์ ได้โปรด...” “เธอจะไม่มีวันได้รับความเมตตาใดๆจากฉัน” และเขาก็ทำตามคำพูดนั้นได้อย่างไม่มีบิดพลิ้ว แคว่ก! “กรี๊ดดดดดดดดด!!!!” สัมผัสหยาบโลนไร้ความปรานีกระทำย่ำยีราวกับเธอมิใช่มนุษย์ ความโกรธ ความแค้นของเขาถูกถ่ายทอดออกมาอย่างหมดจด ทั้งทางวาจาและการกระทำ ดอกแก้วกัลยาดอกน้อยถูกอสูรร้ายรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า... ไร้ทางหนี ไร้ความหวัง ไร้ซึ่งหนทางต่อกร! “อยากออกไปจากที่นี่เหรอ? งั้นก็รีบท้องซะสิ แล้วฉันจะได้พรากลูกของเธอไปบ้าง เธอจะได้รู้สึกทรมาน เหมือนกับที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้!!!”
已经是最新一章了
加载中