มารดา2
เจ้าหยวนเฟิงอาสาพาจะพาคนเจ็บมาส่งถึงบ้านแต่ที่นางมองจากไกลๆดูแล้วไม่เห็นจะมีบ้านสักหลังมีแต่เพิงที่ทำจากใบไม้เอาไม้มาปักทำเสาด้านข้างมีเพียงใบไม้แห้งพิงไว้กันแดดเพียงเท่านั้นอย่าว่าแต่สัตว์ป่าเลยแม้แต่แดดฝนยังไม่สามารถกันได้เลย
“ใกล้ถึงแล้วขอรับ เพิงด้านหน้านั่นขอรับ”เด็กชายหน้าตามอมแมมเอ่ยบอกพลางชี้นี้ไปยังเพิงด้านหน้าอย่างที่เยี่ยเซียงคิดไว้ไม่มีผิด ที่ตรงนี้มันติดกับเชิงเขาป่าต้องสาปกลางดึกไม่มีสัตว์ป่าลงเขามาหากินแถวนี้รึคิดได้นางจึงเอ่ยถาม
“นี่มันบ้านหรือนี่มันเพิงหลบแดดฝนคนหาของป่ารึเปล่า”
“ขอรับ พวกข้าเดินทางมาจากเมืองเกาเหยียนมาหาท่านปู่ใหญ่พี่ชายท่านย่าแต่ทว่าเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปีที่แล้วพวกเราไม่มีที่ไปแถมเงินที่ติดตัวมาก็ถูกขโมยไปอีก ท่านย่าเลยพาพวกเรามาพักที่เพิงแห่งนี้ขอรับ”เด็กชายตัวน้อยอธิบายให้ฟัง
“แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงขึ้นไปบนเขากัน”เยี่ยเซียงถามด้วยความสงสัย
“ท่านย่าพาพวกเราขึ้นไปหาขุดหัวมันกันขอรับ”เด็กน้อยตอบซื่อพลางเอาผ้าเก่าๆมาปูทับเศษหญ้าแห้งและห่อผ้าเก่าๆมาวางเป็นหมอนให้เจ้าหยวนเฟิงวางหญิงชรานอนลงก่อนเอ่ยขอบคุณเด็กหนุ่มที่ช่วยแบกท่านย่าของพวกตนลงมาจากเขา
เจ้าหยวนเฟิงมองดูเด็กน้อยตรงหน้าภายภาคหน้าเด็กคนนี้จะเป็นองครักษ์ให้กับอดีตชายาของตน หากตนยื่นมือเข้าไปช่วยโจ่งแจ้งมันจะเป็นที่สงสัยก่อนที่เขาจะเหลือบไปมองว่าที่แม่ภรรยาภายใต้รูปร่างสาวชาวบ้านธรรมดาแต่เนื้อในนั้นแม่ภรรยาคือโฉมงามล่มสามภพเลยก็ว่าได้เหตุนี้ละนะสองผู้เฒ่าตัวแสบถึงได้ปิดบังโฉมกายที่แท้จริงของนางไว้นางช่างเหมือนสตรีบางคนที่รู้จักแต่นึกไม่ออก ก่อนจากไปเจ้าหยวนเฟิงได้ยัดป้ายหยกชิ้นนึงให้กับนางโดยบอกว่าหากต้องการความช่วยเหลือไปหาเขาได้ทุกเมื่อ ก่อนจะทะยานตัวออกไปด้วยสะหายที่เขาว่ากำลังเดินมาทางนี้
ยังไม่ทันได้ปฎิเสธเด็กหนุ่มก็ให้ทะยานจากไปไกลแล้ว นางมองหยกในมือไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนางเลยเก็บหยดไว้ในสาบเสื้อเสียก่อนไว้ค่อยหาทางคืนทีหลังก่อนจะหันมาจักการกับคนทั้งสาม จากที่ฟังเด็กทั้งสองเล่ามามารดาเสียชีวิตพร้อมน้องคนเล็กตอนคลอดบิดาแต่งงานใหม่ไม่นานบิดาเสียชีวิตลงมารดาใหม่ได้ไล่พวกเขากับท่านย่าออกจากบ้าน พวกเขาไม่รู้จะไปอยู่ที่ใดท่านย่าเลยจะพามาหาพี่ชายท่านย่าที่หมู่บ้านโก่ว
แต่พี่ชายท่านย่าเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปีที่แล้วบุตรหลานไม่ยอมรับท่านย่าพวกเราไม่รู้จะไปอยู่ที่ใดเดินทางมาเรื่อย ๆจนพบเพิงแห่งนี้พออาศัยได้เลยพักอาศัยมาหลายวันแล้วสาวนอาหารพวกเขาเพียงหาขุดมันบนเขากินประทังไปเท่านั้น วันนี้ไปเจอกับหมูป่าตัวใหญ่นั่นก็เพราะหัวมันด้านล่างไม่มีให้ขุดแล้วพวกเขาจำต้องขึ้นเขาไปหาด้านบน
เยี่ยเซียงมองดูสภาพแล้วสงสารจับใจโลกใบนี้มันโหดร้ายมากเกินไปแล้วหญิงชรากับเด็กตาดำๆต้องมาเผชิญชะตากรรมตามลำพัง ถึงแม้โลกก่อนนางจะกำพร้าบิดาแม่แต่งงานใหม่เข้ากับครอบครัวใหม่ไม่ได้แต่แม่ก็ไม่เคยทอดทิ้งนางถึงแม้ให้นางได้ไม่เต็มที่อย่างแต่ก่อนแต่แม่ก็พยายามหาให้เพื่อความสบายใจของแม่นางเป็นคนขอแยกออกมาเอง
เด็กสองคนนี้ชะตากรรมไม่ต่างจากนางในโลกก่อนมากนักดีที่นางยังมีมารดาอยู่เด็กสองคนนี้เมื่อบิดาตายมารดาขับใสไล่ส่งแถมพ่วงด้วยแม่สามีที่แก่ชราอีกด้วยหากบิดาเด็กๆรู้จะยังแต่งานกับสตรีใจร้ายเช่นนั้นอยู่อีกหรือ เอาวะยังงัยนางก็ตัวคนเดียวหากคลอดลูกคนเดียวแล้วใครจะช่วยเหลือยามเดินเหินไม่สะดวกสู้ชวนพวกเขาไปอยู่ด้วยกันยังงัยเสียมันคงไม่ลำบากมากไปกว่านี้ละมั้ง
“หากข้าชวนพวกเจ้าไปอยู่ด้วยพวกเจ้าจะไปกับข้ามั้ย”นางเอ่ยถามเด็กหลังจากที่ช่วยกันชำแหละซากหมูป่าตัวใหญ่ และทำอาหารให้เด็กๆได้ทานกันส่วนเนื้อที่เหลือนางก็ใช้ไม้เสียบอังไว้ข้างกองไฟทำเนื้อแห้งไว้กิน นางถามพลางกลับไม้เสียบเนื้อไปด้วยเพื่อให้ทั้งสองด้านแห้งเท่าๆกันโดยมีเด็กๆนั่งอยู่ข้างๆบนกองไฟนางเอาก้อนหินสามก้อนมาวางทำเป็นเตาไปตั้งหม้อเคี่ยวยาให้หญิงชราไปด้วย
“ข้า....”เด็กชายมีสีหน้าลังเล
“ข้าไปเจ้าคะ”เด็กหญิงที่นั่งติดกับนางเอ่ยตอบ
“เสี่ยวถิงถึงเราอยากไปแต่เราจะไปอยู่กับท่านน้าไม่ได้หรอก”เด็กชายเอ่ยแย้งน้องสาวตน
“เหตุใดถึงจะไปไม่ได้ เจ้าห่วงท่านย่าเจ้ารึ เราก็ไปอยู่ด้วยกันหมดนี่ละ”
เสียงที่นางสนทนากับเด็กๆทำให้หญิงชราลืมตาตื่นขึ้นมาทันได้ยินพอดี
“ครอบครัวท่าน...”หญิงชราเอ่ยเสียงแหบพลางหันหน้ามามองนาง
“ครอบครัวเหรอข้า..นั่นสินะ” ครอบครัวนางอยู่ที่ใดนางก็สุดรู้ลืมตาขึ้นมาก็มีอาจารย์กับบิดาบุญธรรมเท่านั้นที่ดูแลนางส่วนครอบครัวคงไม่มีใครต้องการนางมั้งถึงได้ฝังนางทั้งเป็นอย่างนั้น
“แม่นางข้าขอบใจในความหวังดีของเจ้าแต่พวกเราไปกับเจ้าไม่ได้อยู่ดี”
“ท่านย่าฟื้นแล้ว”เด็กน้อยทั้งสองเตรียมโผตัวเข้าใส่หญิงชราแต่เจ้าหมั่นโถวกระโดดมาขวางไว้เสียก่อนทำให้เด็กทั้งสองผงะถอยหลังก้นจ้ำพื้นทันที
“ตอนนี้พวกเจ้ายังเข้าใกล้ท่านย่าเจ้าไม่ได้ เดี๋ยวแผลที่ข้าทำไว้มันจะปริออก”เยี่ยเซียงเอ่ยยิ้มๆกับท่าทางของเด็กทั้งสองก่อนที่นางจะลุกมาพร้อมถ้วยยาแล้วโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพสตรีที่มีอายุมากกว่า นางนั่งลงข้างหญิงชราขออนุญาติก่อนเอามืออังดูที่หน้าผากนาง
“ไม่มีไข้ ท่านป้าช่วงนี้อย่าเพิ่งขยับตัวเดี๋ยวแผลจะปริแตกตอนนี้ท่านทานยาแก้ปวดแผลนี้ก่อน”นางว่าพลางส่งถ้วยยาให้เด็กชายก่อนลุกไปช้อนหญิงชราทางด้านหลังใช้ตัวเองเป็นพนักพิงหลังให้หญิงชราพิงกึ่งนั่งกึ่งนอนพอให้นางดื่มยาได้สะดวกไม่หกเลอะเทอะก่อนที่เด็กชายจะยื่นถ้วยยาให้ดื่ม
“ขอบใจเจ้ามากยายแก่คนนี้เป็นหนี้บุญคุณเจ้าแล้ว”หญิงชราพยายามยันกายจะลุกขึ้นคำนับขอบคุณนางแต่นางห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ท่านป้าไม่ต้องหรอกเจ้าคะ พักผ่อนนะเจ้าคะ”นางกล่าวพลางพยุงหญิงชราเอนกายลงนอนก่อนที่นางจะลุกขึ้นไปหลีกทางให้เด็กๆได้เข้ามาหาท่านย่าของพวกเขาแต่หญิงชราฉวยมือนางไว้ก่อน
“มีอะไรเจ้าคะ”นางหันกลับไปมอง
“ที่แม่นางบอกว่าจะให้พวกเราไปอยู่ด้วยข้า..”
“ท่านป้าตกลงจะไปอยู่กับข้าใช่มั้ยเจ้าคะ”
“ถึงยายแก่อย่างข้ากับหลานอยากไปอยู่ด้วยก็คงไม่ได้”หญิงชราพูดด้วยสายตาเศร้าสร้อยนางเป็นชาวต้าเหลียงก็จริงแต่นางแต่งานกับสามีชนเผ่านอกด่านทางเหนือย้ายครอบครัวไปอยู่บ้านสามีมีบุตรชายเพียงคนเดียวสิบปีก่อนสามีตายต่อมาเมื่อสองปีก่อนลูกสะใภ้ก็มาคลอดลูกตายบุตรชายแต่งงานใหม่พอปีที่แล้วบุตรชายตายสะใภ้ใหม่ที่ยังเป็นสาวแรกรุ่นอยากแต่งงานใหม่เป็นอนุหัวหน้าเผ่าเลยขับไล่ตนกับหลานออกจากชนเผ่า
“ทำไมละเจ้าคะ”นางถามด้วยความสงสัยหากว่าพวกย่าหลานเป็นปีศาจจำแลงกายมาหมั่นโถวย่อมรู้ได้จากการดมกลิ่นก่อนลงเขามันถูกทั้งอาจารย์และท่านพ่อยมบาลเคี่ยวกรำอย่างหนักเพื่อที่มันจะได้ปกป้องนางได้
“ข้าเป็นชาวนอกด่านอีกอย่างหลักฐานใดๆในตัวข้าก็ไม่มี ขนาดพี่สะใภ้ข้าเองนางยังไม่รับรองให้ข้าเลย”
“ป้ายที่แสดงตนว่าเป็นคนต้าเหลียงหรือไม่ก็ต้องมีคนรับรองว่าเป็นชาวต้าเหลียง”
“ป้ายหรือ”นางครุ่นคิดนึกได้ว่าก่อนลงจากเขาอาจารย์ได้ให้ป้ายนางไว้ชิ้นนึงให้นางนำไปให้ผู้นำหมู่บ้านจูนางเลยล้วงออกมาให้ดู
“ใช่ป้ายแบบนี้มั้ยเจ้าคะ”ป้ายไม้ดำมะเมื่อมเงาวับสะท้องแสงกองไฟนางยื่นให้หญิงชราดู
“แต่ว่า...”
“ท่านย่าพี่ทหารท่านนั้นบอกเราว่าเพียงหนึ่งครอบครัวมีป้ายเพียงอันเดียวก็ได้แต่ว่า..ข้ากับท่านไม่ได้..”
“หนึ่งป้ายต่อหนึ่งครอบครัว”นางนิ่งคิด หนึ่งป้ายต่อหนึ่งครอบครัวเพื่อคนในครอบครัวยืนยันตัวตนของอีกคนดังเช่นที่ท่านป้าต้องการให้พี่สะใภ้ยืนยันตัวตนของนางหากแต่โดนปฎิเสธออกมาอย่างไร้เยื่อใยเช่นนั้นหรือ
“หากเราเป็นครอบครัวเดียวกันละ”
“แม่นางเจ้า..”หญิงชราแม้ตอนนี้จะง่วงด้วยฤทธิ์ยาเพียงใดตาที่ปรือพยายามเปิกให้กว้างขึ้น
“หากข้าจะเป็นหลานสาวท่านคงหาที่มาที่ไปลำบากเผื่อญาติิท่านมาพบเจอจะเกิดเรื่องใหญ่ ท่านป้าว่ามีสะใภ้ใหม่หากข้าจะอุปโลกน์ตัวเองเป็นสะใภ้ท่านป้านางคงไม่เข้ามาในเมืองหลวงนี้กระมัง ส่วนเด็กสองคนก็เป็นบุตรที่ติดจากสามีมาหากจะให้เป็นบุตรข้าซือถิงยังพอได้แต่เจียงหู่คงไม่มีใครเชื่อเจ้าคะ”
ซือถิงอายุเพียงสี่ถึงห้าขวบสำหรับนางที่โดนท่านพ่อยมบาลหลอกให้มาเข้าร่างสตรีอายุสิบห้าบ้านท่านสิสิบห้าบวกอีกห้าแล้วมาบอกกันว่าอ่อนกว่าอายุที่โลกเดิมบอกจะมีลูกอายุสี่ขวบก็ไม่มีใครสงสัยส่วนเจียงหู่ปีนี้ไม่น่าจะเกินแปดขวบตามหลักความเป็นจริงไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
“แม่นางเจ้า..จะ..เจ้าจะพาพวกเราไปอยู่ด้วยจริงๆหรือ”หญิงชราพูดพลางน้ำตาคลอปริ่มจะไหลอย่างน้อยตอนนี้นางบาดเจ็บก็มีสตรีตรงหน้าช่วยเหลือตอนนี้นางเองก็แก่ชราคงเป็นที่พึ่งให้เด็กๆได้ไม่นานมีสตรีตรงหน้าช่วยเหลือแถมยังให้นางเป็นคนในครอบครัวไม่ได้ให้ไปอยู่ในฐานะบ่าวในเรือนต่อให้เป็นบ่าวในเรือนนางก็จะไปเพื่อให้เด็กๆกินอิ่มมีที่นอนไว้หลบลมฝนนางก็ดีใจแล้ว
“จริงเจ้าคะ ข้าเองมาที่นี่ก็ตัวคนเดียว..โอ๊ะมีเจ้าหมั่นโถวมาด้วย”
“สามีกับครอบครัวเจ้า”
“ข้าฟื้นมาก็จำอันใดไม่ได้ ทีเพียงอาจารย์กับบิดาคอยดูแลเพียงแต่พวกท่านต้องออกเดินทางไกลข้าที่มีครรภ์ไม่สามารถไปกับพวกท่านได้จำเป็นต้องกลับมาที่นี่ส่วนสามีพวกเขาคงไม่ต้องการข้าถึงทำร้ายข้าจนข้าจำอันใดไม่ได้เลย”
“ยายแก่เช่นข้าคงไม่อาจเอื้อมถึงเพียงนั้น”
“ท่านป้าไม่สิข้าต้องเรียกท่านว่าท่านแม่ถึงจะถูก”เยี่ยเซียงกล่าวยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นคุกเข่ากับพื้นคำนับนางสามครั้งตามที่นางจำมาจากหนังกำลังภายในที่โลกเก่า
“แม่นางเจ้าอย่าทำอย่างนี้”หญิงชราพยายามจะลุกขึ้นห้ามปรามการกระทำของนาง
“เด็กๆเจ้าจะยอมรับข้าเป็นมารดาหรือไม่”นางไม่สนใจการห้ามปรามของหญิงชราหันมาถามความคิดเห็นเด็กๆแทน
“ข้าจะได้กินอิ่มทุกมื้อมั้ยเจ้าคะ”ซือถิงน้อยส่งสายตาเป็นประกายความหวังถามนาง
“ได้สิจ๊ะยามมีเราอิ่มด้วยกันยามอดเราจะอดด้วยกัน”มือเรียวบอบบางยกขึ้นลูบหัวเด็กหญิงอย่างเอ็นดู
“เสี่ยวถิงเอานี่ไป”
เสี่ยวเจียงหู่ลุกขึ้นไปหยิบกระบอกไม้ไผ่อันเล็กๆที่ตัดเป็นแก้วน้ำชามาสองใบใส่น้ำเปล่ามาพร้อมส่งให้น้องสาวถือไหว้อันนึง แล้วพาน้องสาวนั่งคุดเข่าหันหน้ามาหานาง
“เจ้าคะ”เด็กหญิงรับแก้วน้ำมางงส่วนหญิงชรานอนลืมตามองการกระทำของหลานชายเจ้าตัดสินใจแล้วสินะก่อนนางจะหลับตาลงด้วยความง่วงงุนเพราะฤทธิ์ยา
“ทำตามข้า”เด็กชายถือจอกไม้ไผ่คารวะนางสามครั้งก่อนยื่นให้นางดื่ม
“คารวะท่านแม่ขอรับ”
“คารวะท่านแม่เจ้าคะ”
ทั้งสองส่งยิ้มให้เต็มดวงหน้าเด็กสองคนนี้หากล้างคราบสกปรกมอมแมมออกก็เป็นเด็กหน้าตาดีทีเดียวนางรับจอกน้ำมาก่อนจะดื่มจนหมดพร้อมอ้าแขนรับเด็กสองคนเข้าสู่อ้อมกอดทันที
“ต่อไปเจ้าจะมีแม่คนนี้คอยปกป้องละอีกไม่นานพวกเจ้าก็จะมีน้องน้อยไว้เป็นเพื่อนเล่นอีกคน”
“น้องหรือเจ้าคะ”
“ใช่จ๊ะอีกไม่นานเสี่ยงถิงน้อยก็จะได้เป็นพี่รองแล้ว”
“งั้นข้าก็ต้องเป็นพี่ใหญ่”
“ใช่แล้วเสี่ยวหู่ก็ต้องเป็นพี่ใหญ่คอยดูแลน้องๆ”
เสียงหนึ่งสตรีกับเด็กสองคนคุยกันดังแว่วมากับสายลมยามราตรีเสียงหัวเราะเคล้ากับเสียงหยอกล้อของคนทั้งสามทำให้เจ้าหยวนเฟิงหรือแม่ทัพสวรรค์เฟิงหลงสายตาคมทอดมองจากที่ไกลอดยกยิ้มกับพวกนางไม่ได้
\"ท่านแม่ทัพฝืนลิขิตสวรรค์มันไม่ดีนะท่าน\"ชายชรผมขาวโพลนเอ่ยเตือน
\"ท่านเองก็เช่นกันมิใช่รึ อย่าหาว่าข้าไม่รู้เดิมทีวิญญาณนางควรแตกสลายไม่ใช่รึเหตุในนางถึงมาอยู่ตรงนี้\"แม่ทัพสวรรค์เฟิงหลงเอ่ยถามทำให้เทพจันทราที่หวังดีมาเอ่ยเตือนกลับโดนคำถามนี้จากแม่ทัพสวรรค์ทำให้เขาถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเต็มหลัง โฉมงามบรรพกาลเขาอุตส่าห์แอบเอาเสี้ยววิญญาณที่เหลือของนางมาไว้ยังโลกที่ไม่มีใครสนใจเหตุใดมันผู้ใดดึงวิญญาณนางมาที่นี่แต่ก็ดีไปอย่างนางคือมารดาของชายาท่านในโลกนี้ยังไงเสียท่านก็สังหารนางไม่ได้ถึงอยากจะทำก็ทำไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า บุตรมังกรผู้อับจนหนทางมันเป็นเช่นนี้เอง อยากสังหารนางให้ดับสิ้นไปแต่ก็ทำได้แค่ยืนมองแถมยังต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือนางอีก มิน่าเล่าสองเฒ่าตัวแสบถึงได้ยืนมือเข้ามาสอดไว้ข้ารอดูตอนจบเจ้าจะทำอย่างไรหนึ่งสตรีที่ต้องกำจัดกับหนึ่งนางเป็นมารดานางในดวงใจ ข้าอยากขอบคุณผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ