บทที่ 3 มาขายปลาอะไรกัน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 3 มาขายปลาอะไรกัน
บทที่ 3 มาขายปลาอะไรกัน หลังจากผ่านช่วงเวลาอันวุ่นวายอย่างเรียบง่าย แถวอันแสนยาวราวกับลำตัวมังกรที่อยู่เบื้องหน้าก็หายไปในที่สุด โล่ยิ่งส่วยจึงหายใจออกอย่างแผ่วเบา เมื่อใกล้ถึงช่วงเที่ยง ตั้งแต่ตีสี่ในตอนเช้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาเสียแล้ว “พี่เชาหย่วน” เธอเงยหน้าขึ้นมามองเชาหย่วนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และกำลังตั้งใจชื่นชมในตัวเธออยู่ ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง และเรียกเขาให้ตื่นขึ้นอย่างเขินอาย “ต่อไปพี่ไม่ต้องทำแบบนี้แล้วนะ แบบนี้ไม่ดีเลยค่ะ” ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการตำหนิ แต่เมื่อมันถูกเปล่งออกมาจากปากของเธอ ล้วนแต่ให้ความรู้สึกที่แสนนุ่มนวล ทำให้ผู้คนใจไม่แข็งพอที่จะต่อต้านได้เลย เชาหย่วนเกาศีรษะของเขา และรู้สึกอับอายที่ตัวเองทำตัวไร้มารยาทไปเมื่อสักครู่นี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองใบหน้าอันงดงามไม่เหมือนใครและสดใสน่าดึงดูดของเธออีกสักครั้งหนึ่ง เขาส่ายศีรษะด้วยความไม่พอใจ และเอ่ยถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง “ส่วยเอ๋อ พี่บอกเธอแล้วไง ว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำงานอย่างหนักมากถึงขนาดนี้ พี่สามารถเลี้ยงดูเธอได้ รวมถึงน้องสาวของเธอ แต่ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่เคยฟังพี่เลย มาขายปลาอะไรแบบนี้อยู่กัน มัวแต่ทำงานหนักแบบนี้อยู่ได้” โล่ยิ่งส่วยนวดขมับของตัวเองที่ปรากฏอาการปวดศีรษะ สำหรับเรื่องนี้นั้น เขาพูดให้เธอฟังไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว “พี่เชาหย่วน ฉันสามารถเลี้ยงดูตัวเองกับน้องสาวได้ พี่ฟังนะ ตอนนี้ทุกอย่างล้วนแต่ไปได้สวยไม่ใช่เหรอ น้องสาวของฉันจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลายแล้ว รอเพียงแต่จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยเท่านั้น ธุรกิจแผงร้านค้าเองก็ดีวันดีคืน ไม่เห็นยากลำบากอะไรตรงไหนเลย แต่ตัวพี่นี่สิ ไม่สามารถคอยเก็บค่าคุ้มครองร้านค้าไปตลอดชีวิตนะคะ” เชาหย่วนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน พ่อแม่ของเขาเป็นเจ้าของตลาดรวมแห่งนี้ ก่อนหน้านี้ เขาชื่นชอบที่จะพึ่งพาตัวตนของพ่อเขาเสมอ และคอยเก็บค่าคุ้มครองร้านค้าจากพ่อค้าแม่ขายเหล่านั้น เขารีบหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ของเขาอย่างรวดเร็ว และนำมาเปิดเผยต่อหน้าโล่ยิ่งส่วย “ส่วยเอ๋อ นั่นมันเป็นเรื่องในอดีต พี่ในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว เธอดูสิ นี่คือจดหมายตอบรับเข้าศึกษาของมหาวิทยาลัยเย่ต้า พี่รู้ว่าเธอไปสมัครเรียนต่อที่คณะการออกแบบของมหาวิทยาลัยเย่ต้าพี่ก็เลยไปสมัครด้วย” ใบหน้าเรียวเล็กของโล่ยิ่งส่วยดูเบิกบานเล็กน้อย มองดูจดหมายตอบรับเข้าศึกษาของเขาแผ่นนั้นด้วยความพึงพอใจ พยักหน้า และจากนั้นก็เริ่มส่ายศีรษะ “พี่เชาหย่วนทุกคนล้วนแต่มีจุดแข็งและงานอดิเรกของตัวเอง ทำไมพี่ถึงได้สมัครเข้าคณะออกแบบตามฉันอย่างนี้ล่ะคะ” เชาหย่วนเกาศีรษะของตัวเองอีกครั้ง เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกวางตัวไม่ถูก เขาจะชอบเป็นแบบนี้เสมอ ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็รีบส่ายศีรษะอีกครั้ง และจัดแต่งทรงผมที่ดูยุ่งเหยิงให้สูงขึ้น เมื่อเส้นผมกลับมาปกปิดยอดศีรษะอย่างไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไหร่อีกครั้ง เขาจึงเอ่ยปากพูดออกมา “ส่วยเอ๋อ เธอสมัครเรียนภาควิชาออกแบบเครื่องประดับ ส่วนฉันสมัครเรียนภาควิชาสถาปัตยกรรม ไม่เหมือนกันสักหน่อย” เมื่อได้เห็นโล่ยิ่งส่วยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาถึงจะรู้สึกผ่อนคลายลง และนำจดหมายตอบรับเข้าศึกษาเก็บกลับเข้าไปภายในกระเป๋ากางเกง “ฉันรู้สึกมีความสุขมากเลยที่ได้เห็นพี่ก้าวหน้า” โล่ยิ่งส่วยกล่าวอย่างจริงใจ “แหม ยิ่งส่วย อันนี้ซื้อมาจากที่ไหนเหรอ สวยงามจริง ๆ เลย แพงหรือเปล่าจ๊ะ” เถ้าแก่หญิงของร้านขายอาหารทะเลข้าง ๆ เดินมาหาเธอ ด้วยท่าทางที่ดูร่ำรวย ราวกับประดับประดาไปด้วยทองคำและเงิน ร่างกายของเธออ้วนท้วนสมบูรณ์ จึงทำให้ดูตุ้ยนุ้ยบวมเป่ง ยิ่งส่วยพยักหน้าให้อย่างสุภาพ ถึงจะกล่าวออกไปว่า “ไม่แพงเลยค่ะ อันนี้....หนูเป็นคนออกแบบเอง หนูเป็นคนทำเองด้วยค่ะ” “แหม มันสวยมากจริง ๆ นะ” เถ้าแก่หญิงกล่าวชื่นชมเธอ และจับจ้องไปที่คอของเธอด้วยความตะลึงงัน “ถ้าเกิดว่าคุณป้าชอบ หนูทำให้คุณป้าเส้นหนึ่งได้ค่ะ” เธอกล่าวอย่างกระตือรือร้น และรู้สึกชนะโดยที่ทำให้เถ้าแก่หญิงคนนั้นปลื้มปิติได้ “ยิ่งส่วย หนูช่างเป็นคนที่ฉลาดมากเหลือเกิน คราวก่อนที่หนูส่งของชิ้นนั้นให้ป้า ยายพวกนั้นล้วนแต่ถามว่าไปซื้อมาจากตลาดระดับไฮเอนด์ที่ไหนกันทั้งนั้น แถมยังถามอีกว่าป้าต้องจ่ายเงินหลายพันหยวนเลยใช่ไหม ป้าเลยบอกไปว่าหนูเป็นคนออกแบบให้ ยายพวกนั้นต่างอยากได้กันคนละเส้นเลยล่ะ เพียงแต่ว่าหนูละยุ่งเหลือเกิน ป้าละเกรงใจหนูจัง” “ไม่เป็นไรค่ะ” ยิ่งส่วยพูดอย่างอ่อนโยน และรู้สึกมีความสุขที่สิ่งของฝีมือเธอสามารถทำให้ทุกคนชื่นชอบได้ “ถ้าเกิดพวกเขาอยากได้ละก็ หนูสามารถวัดตัวและออกแบบให้เข้ากับพวกเขาได้ค่ะ”
已经是最新一章了
加载中