บทที่ 4 ตกปากรับคำได้เสียที   1/    
已经是第一章了
บทที่ 4 ตกปากรับคำได้เสียที
บทที่ 4 ตกปากรับคำได้เสียที “แหม ช่างดีเหลือเกิน ในที่สุด ป้าก็ตกปากรับคำได้เสียที” เถ้าแก่หญิงจึงนัดหมายวันและเวลาพบปะกับเหล่าบรรดาเพื่อนเถ้าแก่อย่างไม่รีบร้อน หลังจากขอบคุณเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่ลืมส่งกุ้งมังกรตัวโตสองสามตัวกลับไปให้เธอ ถึงแม้ว่าเธอจะปฏิเสธอย่างสุภาพซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เถ้าแก่หญิงก็ไม่เก็บกลับไปเด็ดขาด เมื่อเห็นเถ้าแก่หญิงก้าวเท้าเดินจากไป พร้อมด้วยไขมันที่สั่นไหว ๆ เธอจึงได้แต่รู้สึกละอายใจขึ้นมา “ดูเธอสิ รังแต่หาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น แค่นี้ก็ทำงานหนักมากพอแล้ว ยังจะรับปากออกแบบเครื่องประดับเหล่านี้ให้กับป้าพวกนั้นอีก!” เชาหย่วนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นั้น ถึงแม้ว่าปากของเขาจะพูดจาตำหนิติเตียน แต่ภายในใจเขากลับรู้สึกเจ็บปวด ถ้าไม่ใช่เพราะ ยิ่งส่วย โปรดปรานการออกแบบเครื่องประดับจริง ๆ ละก็ เขาจะรีบออกปากปฏิเสธแทนเธออย่างรวดเร็ว โล่ยิ่งส่วยส่ายศีรษะพลางยิ้ม ดวงตาคู่โตที่แสนสดใสหลับตาลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ ริมฝีปากสีแดงอันนุ่มนวลเม้มขึ้น ดูคล้ายกับนางฟ้าที่ตกลงมายังโลกมนุษย์ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอคุ้นชินกับการพูดจาอย่างแผ่วเบา “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาดูแลฉัน ฉันกับน้องสาวคงไม่มีวันนี้ ถ้ามีอะไรที่ฉันสามารถทำเพื่อพวกเขาได้ละก็ ฉันจะรู้สึกมีความสุขอย่างมากเลยล่ะ” ถึงแม้ว่าการออกแบบเครื่องประดับพวกนี้ จะส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของเธอ แต่ทว่าเธอก็ยังยินยอมที่จะทำมันอยู่ดี “ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเธอดีจริง ๆ” เชาหย่วนอยากจะโอบกอดเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับดูแลปกป้องเธอเป็นอย่างดี แต่เมื่อคิดถึงความใสสะอาดบริสุทธิ์ของโล่ยิ่งส่วยแล้ว เขาก็ใจไม่แข็งพอที่จะทำให้เธอตกใจกลัว ทำได้แต่เพียงเก็บมือที่เอื้อมออกไปกลับเข้ามาอีกครั้ง กอดอก และกล่าวอย่างกลัดกลุ้มใจว่า “มีเรื่องไหนที่ต้องการให้พี่ช่วย ก็บอกกับพี่ได้โดยตรงเลยนะ” “อื้อ” โล่ยิ่งส่วยพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง พี่เชาหย่วนปฏิบัติกับเธอดีมากเกินไปแล้ว รวมไปถึงคุณลุงคุณป้าเถ้าแก่แผงร้านค้าทั้งหลายในตลาดรวมหยางกวนแห่งนี้ ในช่วงเวลาอันแสนยากลำบากที่สุดในชีวิต หลังจากที่แม่ของเธอจากไป ก็ได้พวกเขาคอยดูแลเธอและน้องสาวด้วยความรัก ความเมตตา และความโอบอ้อมอารี ทำให้เธอสามารถรับช่วงต่อกิจการแผงร้านค้าที่แม่ของเธอทิ้งไว้ให้ได้อย่างมั่นคง และยังทำให้เธอสามารถเลี้ยงดูน้องสาวได้สำเร็จ จนทำให้เธอมีโอกาสเรียนต่อได้ เธอคิดอยู่เสมอว่า ตัวเธอและน้องสาวนั้นช่างมีความสุขเหลือเกิน ที่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมายขนาดนี้ “ส่วยเอ๋อ เธอเป็นอะไรไปน่ะ” พี่เชาหย่วนโบกไม้โบกมือที่เบื้องหน้าของเธอ เมื่อเห็นน้ำตาที่ปรากฏวาบขึ้นมาภายในดวงตาของเธอ ก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกซาบซึ้งถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง “โอ้ ฉันไม่เป็นไร” เธอหันหน้าไปอีกทาง ปาดน้ำตาจากหางตา พร้อมกับยิ้มให้ “เธอนี่นะ อ่อนไหวง่ายเหลือเกิน” เห็นได้ชัดว่าเชาหย่วนปฏิบัติต่อเธอด้วยความคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่ายิ่งส่วยนั้นเป็นผู้หญิงที่เหมือนกับชื่อของเธอเหลือเกิน คือเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนดั่งน้ำไหลริน แต่เธอเองก็เหมือนน้ำในอีกแง่มุมหนึ่งเช่นกัน คือเป็นผู้หญิงที่ไม่สามารถยอมรับความสกปรกวุ่นวายได้ ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ เขากับพ่อของเขาเป็นคนอารมณ์รุนแรง ชอบหาเรื่องผู้คนไปทั่ว และต้องการเก็บค่าคุ้มครองภายในตลาดแห่งนี้ ทุกคนล้วนแต่ต้องส่งเงินให้กับเขา เพื่อหลีกเลี่ยงการมีปากเสียงและรักษาความสงบสุข ยกเว้นก็แต่เธอเท่านั้น....... ในวันนั้น ขณะที่เขากำลังฟังลูกน้องรายงานว่ามีผู้เช่าหญิงคนหนึ่งที่ดื้อรั้นเช่นนี้ เขาจึงนำทัพของผู้คนจำนวนมาก และเตรียมพร้อมที่จะแสดงพลังอำนาจให้หญิงคนนั้นได้เห็น เมื่อเขาเดินไปหาหญิงคนนั้นอย่างน่าเกรงขาม ดวงตาของเธอกลับไร้ซึ่งความเกรงกลัวใด ๆ และใบหน้าของเธอล้วนแต่เต็มไปด้วยความสงบนิ่ง “การที่คุณทำแบบนี้ มันแตกต่างกับการปล้นตรงไหน ทำไมถึงไม่หาเงินด้วยวิธีการที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง” เธออธิบายกับเขาด้วยความจริงอย่างไม่คาดคิด “เธอเป็นใครมาจากไหนกัน กล้าดียังไงถึงมาพูดแบบนี้กับคุณชายอย่างฉัน เธอไม่รู้เหรอไงว่าฉันเป็นใคร” เมื่อเห็นเด็กสาวดูอ่อนแอเช่นนี้ เขาจึงไม่สนใจเท่าไหร่นัก เขาเก็บค่าคุ้มครองที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว สำหรับเขาแล้ว ยายเด็กผู้หญิงคนนี้ คงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ถึงได้หาญกล้ามาทำเช่นนี้กับเขาเสียได้ “ฉันรู้ค่ะ” คำตอบของเธอเกินความคาดหมายของเขา “คุณคือลูกชายของเจ้าของตลาดแห่งนี้” “งั้นทำไมเธอถึงยังไม่รีบส่งค่าคุ้มครองมาให้ฉันโดยเร็วล่ะ” เขาคว่ำตู้ปลาที่ตั้งอยู่ข้างหน้าเธออย่างกำเริบเสิบสาน น้ำสาดกระเซ็นเสื้อผ้าและผมของเธอจนเปียกปอน แต่กลับไม่อาจทำให้เธอรู้สึกตกใจได้
已经是最新一章了
加载中