Chapter 7 : สู้ตาย! ฉันไม่ยอมแพ้นายหรอกนะ!   1/    
已经是第一章了
Chapter 7 : สู้ตาย! ฉันไม่ยอมแพ้นายหรอกนะ!
เมื่อเห็นว่าการแหกปากไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นแถมฉันยังเหนื่อยเปล่าอีกต่างหา จึงเปลี่ยนแผนมาเล่นงานแผ่นหลังเขาแทนโดยงับหลังเขาไปเต็มคำ “Shit!!” ไบรอันสบถดังลั่น ระยะทางร้อยเมตรสำหรับเขาตอนนี้คงจะเหมือนร้อยกิโลเมตรได้มั้ง ร่างสูงไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวอีกต่อไป ไบรอันหยิกต้นขาฉันคืนจนฉันสะดุ้งด้วยความเจ็บ “อ๊ากกก!! ฉันเจ็บนะ”ฉันโวยวายสองมือก็ทุบหลังเขาไม่หยุด ไบรอันไม่สนใจแม้แต่จะต่อปากต่อคำกับฉัน เขาจ้ำพรวดๆไม่หยุด เส้นชัยอยู่ไม่ไกลแล้ว... ไม่นะ...ฉันจะแพ้เขาตั้งแต่เกมแรกแบบนี้ไม่ได้นะ มันเป็นลางงงงง [ ] เสียงเฮดังสนั่นเมื่อไบรอันแบกฉันเข้าเส้นชัยได้เป็นคู่แรก... “หยุดดิ้นได้แล้ว”ไบรอันสั่งพลางยืนหอบถึงเขาไม่สั่งฉันก็ไม่ดิ้นต่อหรอกเพราะราชินีไม่มีสิทธิ์ขัดขืนถ้าทหารพาวิ่งเข้าเส้นชัยแล้ว“เธอแพ้แน่เมลล์ หึ” “ถึงนายจะพาฉันเข้าเส้นชัยมาเป็นคู่แรก แต่ก็ใช่ว่าทีมสีฟ้าจะชนะซะหน่อย ระวังหัวเราะทีหลังดังกว่านะ”ฉันเถียงทั้งที่อยู่ในสภาพหัวชี้ดินก้นชี้ฟ้าขาห้อยต่องแต่งๆอยู่อย่างนั้น “เธอก็คอยดูก็แล้วกัน” ไบรอันพูดแค่นั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ ฉันย่นจมูกใส่หลังเขาอย่างหมั่นไส้ในความมั่นใจของเขา ไม่นาน พวกเหล่าทหารก็พาราชินีเข้าเส้นชัยได้อย่างทุลักทุเลท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้ชม สถานการณ์ตอนนี้เหมือนว่าทีมสีชมพูจะตามทีมสีฟ้าอยู่สองคู่ อาจเป็นเพราะความเกรงใจในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องจึงทำให้ทีมสีชมพูผู้ชายไม่กล้าทำรุนแรงกับรุ่นพี่ผู้หญิง ส่วนรุ่นพี่ผู้ชายก็สภาพบุรุษพอที่จะไม่ใช้ความเป็นรุ่นพี่บังคับรุ่นน้องผู้หญิงและด้วยความที่พวกเธอเกรงใจพวกเขานี่แหละจังไม่กล้าพยศกับรุ่นพี่มากนัก คงจะมีแค่ฉันนี่ล่ะมั้งที่กล้าหือกับรุ่นพี่ ฉันเริ่มเห็นความแพ้กวักมือเรียกอยู่ไกลๆแล้วล่ะ T^T จะว่าก็ว่าเถอะ ตอนนี้ฉันเริ่มเวียนหัวแล้วอ่ะ อยู่แบบนี้นานๆ เลือดลงหัวพอดี “นี่นาย ปล่อยฉันลงได้มั้ย”ฉันกระตุกชายเสื้อไบรอันยิกๆ “ปล่อยได้ไง เธอไม่ได้ยินกติการึไง” “นายเปลี่ยนท่าให้ฉันหน่อยสิ ฉันเวียนหัวอ่ะ” คำพูดของฉันหากใครได้ฟังคงจะคิดว่ามันคงดูล่อแหลม แต่จะให้ฉันพูดยังไงล่ะ ตอนนี้สมองฉันมันตื้อไปหมดแล้ว@^@ “เธอนี่มันเรื่องมากจริงๆเลยว่ะ”ไบรอันบ่นเสียงห้วนจัด เขาคงจะรำคาญฉันน่าดู ถึงจะบ่นแต่ไบรอันก็ยอมเปลี่ยนท่าให้ฉันแต่โดยดี ตอนนี้ร่างทั้งร่างของฉันเลยตกมาอยู่ในอ้อมแขนเขาแทน ___________________________________________ [::Brian’s Part::] “ขอบใจ” ผมก้มมองร่างบางในอ้อมแขนที่ตอนนี้เธอหน้าแดงก่ำเพราะห้อยหัวอยู่นาน ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย... ดวงตากลมโตของเมลล์ตวัดขึ้นมาสบตากับผม เธอคงรู้สึกตัวว่าถูกผมมองอยู่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอมองเธอนานแค่ไหน ไม่อยากจะบอกเลยว่ายัยนี่ตัวนิ่มมาก ยิ่งมองเธอใกล้ๆผมไม่ปฏิเสธเลยว่าเธอ...ช่างเถอะ! “เธอนี่มันตัวหนักชะมัด”ผมแสร้งทำเสียงดุก่อนจะกระชับอ้อมแขนอุ้มเมลล์ให้ถนัดขึ้น ความจริงเธอก็ไม่ได้หนักอะไรหรอก ตัวเล็กแค่นี้จะหนักสักแค่ไหนกันเชียว “นายนี่เป็นผู้ชายที่ขี้บ่นจริงๆ ชิ!”เมลล์พูดแค่นั้นเธอก็เลิกสนใจผมแล้วหันกลับไปสนใจเกมตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังดำเนินไปอย่างเมามันส์ ผมพยายามเลิกสนใจเธอแต่เสียงหัวเราะใสๆของเมลล์มันช่างดึงสายตาผมให้ก้มลงไปมองเธอบ่อยเหลือเกิน ยัยเด็กบ้านี่มีบางอย่างที่ทำให้ผมละสายตาไปจากเธอได้ไม่เกินสองนาที... [::End:Brian’s Part::] ___________________________________________ สามชั่วโมงผ่านไป... สารพัดเกมที่พี่ปีสองกับพี่ปีสามขุดขึ้นมาให้พวกเราเล่นนั้นสนุกมากจนฉันลืมความตื่นเต้นที่มีก่อนหน้านี้ไปเสียสนิทเลย ตอนนี้เรากำลังจะเริ่มเกมที่หกกันแล้วล่ะ เกมแรกเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากๆ ทีมสีชมพูแบกราชินีวิ่งเข้าเส้นชัยช้ากว่าทีมสีฟ้าเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเพราะฉะนั้นพี่ปีสี่จึงชนะไปในเกมแรก เกมต่อๆ มาไม่ว่าจะเป็นดอร์จบอลลูกโป่งน้ำที่เล่นเอาฉันเปียกไปทั้งตัวเอาเป็นว่าเกมที่คนทั่วๆไปเขาไม่ค่อยจะเล่นกันพวกพี่แกก็จัดมาให้เล่นหมด สรุปคะแนนตอนนี้ที่กำลังโชว์อยู่บนสกอร์บอร์ดคือสามต่อสองซึ่งทีมสีชมพูตามอยู่ ถ้าฉันไม่ได้คิดไปเองที่ไบรอันจับตามองฉันตลอด เขาก็คงจะจริงจังกับเกมมากจริงๆ เขาไม่ปล่อยโอกาสเล่นงานฉันให้หลุดลอยไปเลยสักครั้ง ดูอย่างเกมดอร์จบอลลูกโป่งน้ำนี่สิ เขาคอยแต่จะปาลูกโป่งใส่ฉันตลอดแถมยังปาแม่นอีกต่างหาก ที่ฉันเปียกก็เพราะเขานั่นแหละ(- -)*เกมนี้ทีมสีฟ้าชนะไป การแข่งขันเกมต่างๆที่ผ่านมาทำให้เราสนิทกันภายในทีมและนอกทีมมากขึ้น ฉันได้เพื่อนใหม่เยอะเลยล่ะอย่างที่สายฟ้าเคยบอกไว้ว่าเขาลงเกมที่หกและตอนนี้เขาก็มายืนอยู่ข้างๆฉันได้สักพักแล้ว เขาเป็นคนพูดเก่งจริงๆ คุยจ้อไม่หยุดเลยตั้งแต่ออกจากห้องพักนักกีฬาจนมาถึงกลางสนามเพื่อเตรียมแข่งจนกระทั่งพิธีกรเริ่มอธิบายถึงกติกาของเกมเขาถึงจะหยุดพูด “เอาล่ะครับตอนนี้เราก็มาถึงเกมที่หกกันแล้วเป็นเกมสุดท้ายก่อนที่เราจะพักเบรกหนึ่งชั่วโมงเพื่อทานอาหารกลางวันกันนะครับ” “ค่ะ เกมที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้างคะคุณเติ้ล” “สนุกมากครับคุณโมเม ผมนี่ยืนหัวเราะน้ำตาเล็ดเลยล่ะครับ ถือว่าวันนี้เป็นวันที่มีความสุขอีกวันหนึ่งของผมเลยล่ะครับ เอาเป็นว่าเรามาอธิบายถึงกติกาเกมนี้กันดีกว่านะครับคุณโมเม” “เกมนี้มีชื่อว่า กิน กิน กิน อย่าให้เหลือ”พิธีกรทั้งสองคนพูดพร้อมกันถ้าในเวลาปกติฉันคงจะดีใจที่เกมนี้เกี่ยวกับการกินซึ่งฉันชอบมากๆแต่จากประสบการณ์ที่เล่นหลายเกมผ่านมาแล้วสอนให้ฉันอย่าไว้ใจทางอย่างวางใจเกม-..-* “ผู้แข่งขันคงจะเห็นโต๊ะที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงหน้ากันแล้วใช่มั้ยคะ”พี่โมเมเริ่มอธิบายต่อ โต๊ะที่เธอว่าตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พวกเรายืนอยู่มากนักมันมีทั้งหมดสองแถวซึ่งก็คงจะเป็นทีมละแถวโต๊ะที่ถูกยกมาต่อกันยาวประมาณห้าสิบเมตรได้มั้ง บนโต๊ะนั้นจะมีจานอาหารและมีฝาครอบปิดไว้อยู่ “บนโต๊ะทั้งสองแถวนี้จะมีจานอาหารพอดีกับจำนวนผู้เล่นของแต่ละทีมนะคะ กติกาคือให้ผู้เล่นเข้าแถวต่อกันเป็นรถไฟขบวนยาว เมื่อคนแรกหรือก็คือหัวรถไฟกินของที่เราให้มาหมด ย้ำนะคะว่าต้องหมดให้ไปต่อท้ายท้ายขบวน แล้วคนถัดไปก็รีบจัดการอาหารในจานต่อไป เป็นอย่างนี้จนถึงคนสุดท้ายนะคะ ทีมไหนกินหมดก่อนทีมนั้นก็ชนะค่ะ” “ว้าว ผมว่าเกมนี้เป็นเกมที่ง่ายที่สุดเลยล่ะมั้งครับคุณโมเม” “ฮ่าๆๆ มันก็ไม่เสมอไปนะคะคุณเติ้ล แต่ถ้าเป็นดิฉัน ดิฉันจะเลือกอยู่ข้างหน้าๆนะ” คำพูดของพี่โมเมเหมือนบอกใบ้อะไรบางอย่าง “เอาเป็นว่าเราอย่าเสียเวลากันดีกว่าครับ เรามาเริ่มเกมกันดีกว่าครับ ผู้เข้าแข่งขันพร้อม เริ่ม!!” ปรี๊ดดดดด! พอสิ้นเสียงลูกหวีดเท่านั้นแหละ ฉันก็ถูกสายฟ้าลากไปต่อแถวทันทีฉันเป็นคนที่ห้าสายฟ้าเป็นคนที่หกของแถว เกมเริ่มแล้วคนแรกจึงเปิดฝาครอบจานออก เสียงฮือฮาของเพื่อนๆที่อยู่หัวแถวก็ดังขึ้น จากคำบอกปากต่อปากฉันจับคำได้ว่าสิ่งที่อยู่ในจานเป็นขนมโก๋ก้อนหนึ่ง แต่ก้อนใหญ่มาก! เสียงเชียร์จากทุกสารทิศดังขึ้นไม่ขาดสาย และนั่นก็เป็นสิ่งกดดันชั้นดีให้คนที่ได้ขนมโก๋ต้องรีบยัดเข้าปากไปแล้วเคี้ยวให้โดยเร็ว ฉันมองไปทางทีมคู่แข่ง ทีมนั้นก็ได้ขนมโก๋เหมือนกัน ฉันคิดว่าของที่อยู่ในจานคงจะเหมือนกันทั้งสองทีม ไบรอันยืนอยู่เป็นคนที่แปดของแถว สีหน้าเขายังคงนิ่งเหมือนทุกครั้งที่ฉันเห็น เมื่อเห็นว่าฉันมองเขาอยู่รอยยิ้มกวนๆก็ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างท้าทาย ฉันย่นจมูกใส่เขาก่อนจะหันมาสนใจทีมตัวเองต่อ ผ่านไปหลายนาทีเพื่อนร่วมทีมคนแรกก็ยังยัดขนมโก๋เข้าปากไม่หมดก้อน ฉันล่ะสงสารเขามากเลย ดีหน่อยที่คนคิดเกมไม่ใจดำถึงขนาดไม่เอาน้ำให้ ในที่สุดเพื่อนในทีมก็สามารถกลืนขนมโก๋คำสุดท้ายลงคอไปได้สำเร็จ เขาอ้าปากให้กรรมการตรวจเสร็จก็วิ่งไปต่อแถวหลังสุด ฉันหันไปมองทีมคู่แข่งอย่างประเมินสถานการณ์ ดูเหมือนว่าทีมนั้นจะช้ากว่าทีมฉัน คนที่สองเปิดฝาครอบจานออก สิ่งที่วางอยู่บนจานคือแอปเปิ้ลลูกโตสองลูก ไม่รอช้าเพื่อนคนนั้นก็รีบจัดการแอปเปิ้ลตรงหน้าทันทีนับว่าเพื่อนผู้หญิงคนนี้กินเร็วใช้ได้ เธอกลืนแอปเปิ้ลคำสุดท้ายลงคอแล้วหันไปอ้าปากให้กรรมการตรวจเมื่อผ่านแล้วจึงวิ่งไปต่อแถวหลังสุด แถวฉันย่นขึ้นมาแล้ว คนที่สามเปิดฝาครอบจานออก มันเป็นกล้วยหอมสามลูกวางอยู่ แสดงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าฉันก็ต้องได้กินสิ่งที่อยู่ในจานนั้นสี่ชิ้นสินะ ของฉันก็ต้องเป็นห้าของที่อยู่บนจานจะเพิ่มขึ้นตามลำดับนี่สินะที่พิธีกรใบ้ให้ว่าคนแรกๆจะสบายที่สุด หวังว่าจานของฉันคงจะได้อะไรที่กินคล่องคอนะ T^T เพื่อนคนที่สามวิ่งไปต่อแถวข้างหลังแล้ว สิ่งที่คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าฉันได้คือปาท่องโก๋ชิ้นใหญ่สี่ชิ้น ทีมคู่แข่งก็ตามมาอย่างติดๆ “หวังว่าเธอคงจะได้อะไรที่ไม่พิสดารนะเมลล์”สายฟ้าอวยพรเสียงร่าเริง แต่หน้าเขานี่ซีดไปแล้ว “หวังว่านายก็เช่นเดียวกันนะ” สองนาทีผ่านไป... เพื่อนคนที่อยู่ก่อนหน้าฉันวิ่งไปต่อแถวข้างหลังแล้ว ฉันจึงเอื้อมมือไปเปิดฝาครอบจานออกอย่างไม่รีรอแต่ในใจก็แอบหวั่น สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือ...พริกหยวกลูกโตห้าลูก โอ้แม่เจ้า!! O[ ]O “อะไรกันเนี่ย”ฉันโพล่งออกมาทันทีที่เห็นสิ่งที่นอนให้ท่าเชิญชวนให้กินอยู่บนจาน “ไม่หมูซะแล้ว ฉันคิดไม่ออกจริงๆว่าถึงคราวฉันจะเป็นอะไร”สายฟ้าคร่ำครวญอยู่ข้างหลังฉันเสียงของเขากังวลจนฉันยังฟังออก ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหยิบพริกเม็ดแรกขึ้นมา กลั้นใจกัดไปหนึ่งคำ... ฉันบอกรึยังว่าฉันไม่ชอบรสเผ็ด T______Tถึงแม้ว่าพริกหยวกจะไม่เผ็ดมาก แต่มันก็เผ็ดอยู่ดีนะ ขณะนั้นเองที่ฉันเหลือบไปเห็นทีมคู่แข่งคนที่ห้ากำลังเปิดฝาครอบจานออก ฉันจะช้าไม่ได้แล้ว!!! คิดได้แบบนั้นฉันก็กลั้นหายใจแล้วกินพริกเม็ดนั้นไปอย่างรวดเร็ว แม้ใจฉันอยากจะโยนพริกที่เหลือทิ้งแต่ฉันก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ฉันทำได้อย่างเดียวคือต้องกินมันซะและทีมคู่แข่งก็เป็นแรงกดดันชั้นดีจริงๆ “สู้เขาๆ เหลืออีกสองลูกเอง”สายฟ้าส่งเสียงเชียร์ในตอนที่ฉันกำลังกินพริกลูกที่สาม โคตรเผ็ด!! เสียงเชียร์จากเพื่อนร่วมทีมและกองเชียร์บวกกับแรงกดดันจากทีมคู่แข่งทำให้ฉันฝืนกลืนพริกคำสุดท้ายลงคอไปได้อย่างยากลำบาก น้ำหูน้ำตานี่อย่าได้เอ่ยถึง มันไหลออกมาอย่างที่ฉันเองก็ห้ามไม่อยู่เหมือนกัน ฉันวิ่งไปต่อท้ายแถวทันทีเมื่อกรรมการพยักหน้าว่าฉันผ่านแล้ว ต่อไปก็เป็นสายฟ้าสินะ ขอให้นายปลอดภัยนะสายฟ้า -/|\\-
已经是最新一章了
加载中