ตอนที่ 7
เสียงหนักเค้นออกจากลำคอ แววตาแข็งกร้าวขึ้นอีกครั้ง ชาครินทร์หลับตาลงและนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนที่เขาไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมใครคนหนึ่งหลังจากได้รับข่าวที่รอคอย ที่นั่นเขาได้พบกับคนไข้หญิงวัยกลางคนผู้ซึ่งเขารู้จักดีและเธอผู้นั้นก็จดจำเขาได้มากกว่าใครทั้งหมด ทุกอย่างแจ่มชัดในสำนึกของชายหนุ่ม ทำไมจะจดจำไม่ได้ในเมื่อเธอคือรมิตา แม่ของอัยย์ญาดาและคงเป็นแม่ยายของเขาในวันนี้หากเมื่อห้าปีที่แล้วงานแต่งไม่ล่มเสียก่อน เขารู้ว่าเธอเป็นผู้ป่วยหนักอาการอยู่ในระยะท้าย ๆ แต่ดูเหมือนยังมีกำลังใจและไม่ได้แย่เท่าไหร่นักแม้ว่าต้องนอนแบ่บอยู่บนเตียงคนไข้ลำพัง และเมื่อเห็นหน้าเขารมิตาก็ถึงกับหน้าตื่นน้ำตาคลอเบ้า
“โอม...นั่นโอมใช่ไหม?”
“ครับ...ผมเอง”
“โอม...รู้ได้ยังไงว่าแม่อยู่ที่นี่”
“ผมทราบข่าวว่าคุณแม่ป่วยหนัก เลยมาเยี่ยม”
“แล้วโอม...ได้เจออัยย์แล้วเหรอ”
“ยังเลยครับ...แล้วนี่ไม่มีใครมาเฝ้าคุณแม่หรอกหรือครับ”
“อัยย์ไปสมัครงาน…ส่วนพ่อน่ะ...เขาพึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว”
“อย่างนั้นหรือครับ ผมขอแสดงความเสียใจด้วย ตอนนี้ก็คงเหลือแต่คุณแม่กับอัยย์สองคนเท่านั้น”
“ใช่...เหลือแต่พวกเรา แม่กับอัยย์...และลูกสาวของอัยย์”
“ลูกสาว?”
“โอมคงไม่รู้ซีนะว่า เมื่อห้าปีก่อนตอนที่...โอมหายไปในวันแต่งงาน ลูกสาวแม่เกือบเป็นบ้า อัยย์เกือบไม่เป็นผู้เป็นคน เก็บตัวและร้องไห้อยู่นานนับเดือน แม่พยายามปลอบและคิดว่าเรื่องร้าย ๆ มันคงผ่านไปได้และอัยย์จะเข้มแข็ง ลูกสาวแม่อาจได้พบกับใครคนใหม่ที่จะมาช่วยเยียวยาหัวใจให้หายเจ็บปวด จนกระทั่งอัยย์ล้มป่วยและต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล เป็นไข้หนักเพราะร่างกายและจิตใจอ่อนแอ นั่นล่ะถึงทำให้แม่ได้รู้ว่า ที่จริงแล้วอัยย์ท้องก่อนแต่งงานได้เดือนกว่าๆ แต่เขาไม่เคยบอกใคร พอแม่ถามเขาร้องไห้และบอกแม่ว่า เขาอยากบอกโอมในคืนส่งตัวเข้าหอ แต่...ก็ไม่มีวันนั้น”
“แล้วตอนนี้ล่ะครับ อัยย์พบใครใหม่หรือยัง”
“โอมจะไม่ถามหน่อยหรือว่าลูกของอัยย์เป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อเด็กคนนั้นก็เป็นลูกของโอม”
“ผมแค่คิดว่าอัยย์อาจจะโกรธผมและคงหาผู้ชายคนใหม่มาเป็นพ่อของลูก”
“โอมน่าจะคิดว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาอัยย์กับลูกใช้ชีวิตอยู่กันยังไง ลูกสาวแม่ต้องเข้มแข็งขนาดไหนถึงทำใจได้ให้มีชีวิตอยู่เพื่อเด็กคนหนึ่งที่พ่อทิ้งไปได้จนถึงตอนนี้”
“คนทุกคนต้องเจอกับบททดสอบของชีวิตด้วยกันทั้งนั้นล่ะครับ เพียงแต่จะพบกับการทดสอบที่หนักหรือเบาก็เท่านั้น และคนที่ไม่เคยผ่านบทเรียนชีวิตก็จะไม่รับรู้ถึงรสชาติความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอย่างคนที่เคยผ่านมันมาเลย”
“แต่อัยย์ไม่ควรได้รับบททดสอบที่หนักหน่วงมากขนาดนั้น เป็นคนอื่นคงฆ่าตัวตายไปแล้ว เป็นเจ้าสาวตอนอายุแค่สิบแปด พอคลอดลูกก็ต้องกลับไปเรียนใหม่ โดนเหยียดหยามดูถูกว่ามีลูกไม่มีพ่อยังไงก็ต้องทน ตอนนั้นโอมก็คงไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วสินะ แต่...บอกแม่หน่อยได้ไหมว่าโอมหายไปไหนในวันแต่งงาน”
“ผมมีความจำเป็นที่ต้องไปอย่างกะทันหัน”
“โดยที่โอมปล่อยให้ลูกสาวแม่ต้องเผชิญกับความอับอายที่ต้องเป็นเจ้าสาวในงานแต่งที่ไม่มีเจ้าบ่าวอย่างนั้นหรือ?”
“มันเป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นใครก็ต้องปล่อยทุกอย่างทิ้งไว้ในเมื่อพ่อผมฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก”
“พ่อของโอมฆ่าตัวตาย...”
“ครับ...พ่อผมฆ่าตัวตายและคิดว่าคุณแม่อาจจะรู้จักท่านเป็นอย่างดี...ชัชวิน บรินรามพิพัฒน์”
“บรินรามพิพัฒน์!”
แววตาตื่นตระหนกของรมิตายังแจ่มชัดในมโนนึกของชาครินทร์ นัยน์ตาสีสนิมเหล็กเข้มเคียดขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มเก็บเรื่องราวต่าง ๆ ลึกล้ำในใจ ห้าปีที่ผ่านไปเขาทั้งคั่งแค้นและทุกข์ทรมานสาหัสไม่ต่างจากว่าที่เจ้าสาวของเขาแม้แต่น้อย