บทที่ 3 รับสมัครคนรับใช้ผู้ชาย   1/    
已经是第一章了
บทที่ 3 รับสมัครคนรับใช้ผู้ชาย
บทที่ 3 รับสมัครคนรับใช้ผู้ชาย หอคอยในเมืองจินหลินนั้นสูงมาก ถนนปูด้วยแผ่นหินสีเทาทอดยาวออกไปทุกทิศทุกทาง ถนนกว้างขวาง มีร้านค้าและร้านอาหาร (ร้านเหล้า) ตลอดทั้งสองข้างทาง บนถนนมีพวกเก็บของเก่าที่เดินไปดื่มไป ข้างทางมีพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารเช้าพร้อมผักและผลไม้อยู่ และนางก็โดนเสียงเหล่านี้เรียกอยู่หลายครั้งในตอนเช้า “ เจ้าขอทาน ยังตายกันไม่หมดอีกเหรอ! มาวุ่นวายตั้งแต่เช้า ไปๆๆ ไสหัวไป!” การข้ามเวลาในครั้งนี้ช่างตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ก่อนหน้านี้ไม่นานตัวเองยังมีฐานะเป็นหมอผียิงหยางที่มั่งคั่ง แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นขอทานที่ยากจน บรรพบุรุษตระกูลจ้าวเคยทำบาปอะไรไว้ ทำไมจึงไม่มีใครเคยบอกนางเลย? ถ้ายังอยากมีชีวิตรอด นางจะต้องหางานทำเพื่อหาเงิน แต่การแต่งกายเช่นนี้ ยังไม่ทันจะได้เดินเข้าประตูก็ถูกคนไล่ออกมาแล้ว คนจะให้ดูดีนั้นต้องอาศัยเครื่องแต่งกายส่วนม้านั้นต้องอาศัยอาน ตอนนี้นางคงทำได้แค่เพียงเดินเข้าไปดูในตรอกว่ามีบ้านไหนที่มีคนเอาผ้ามาตากไว้นอกบ้านบ้าง แล้วก็ “ยืม” มาใส่ก่อน จ้าวหมิงเยว่ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตในตอนนี้ เหมือนกำลังเดินมาถึงทางตัน นางมองขึ้นไปยังกำแพงสูงแล้วถอนหายใจ ถ้าโชคร้ายแม้แต่ดื่มน้ำยังติดฟัน ถ้าโชคร้ายไปที่ไหนก็จะเจอแต่อุปสรรคขัดขวาง ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนดังมาจากทางด้านหลัง “ยังจะกล้าหนีอีกหรือ เจ้าเด็กนี่กล้าดียังไงมาขโมยของของเจ้านาย.....หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าสั่งให้หยุด!” มีท่านลุงคนหนึ่งวัยประมาณห้าสิบกำลังวิ่งไล่และตะโกนตามหลังเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบสี่สิบห้าคนหนึ่งอยู่ ดูแล้วว่าท่านลุงไม่มีทางตามทัน แต่เด็กคนนั้นกลับโชคร้ายวิ่งเข้าไปหาทางตัน เด็กน้อยพยายามปีนขึ้นกำแพงอย่างตื่นตระหนก แต่เป็นเพราะกำแพงสูงเกินไปจนไม่สามารถปีนได้ เขาหันหน้ากลับมาแล้วตะโกนบอกจ้าวหมิงเยว่ว่า “ช่วยดันเท้าข้าหน่อย แล้วข้าจะให้เงินเจ้า!” ดันเท้าเขาขึ้นไปแล้วแล้วนางจะทำยังไงต่อล่ะ? พอที นี่มันไม่ได้เรียกว่าช่วยดันเท้าแต่นี่มันคือการให้นางออกรับแทนต่างหาก มิ่งเยว่ยกมือขึ้นทำท่าทำทางว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้ ชายชรารีบเดินเข้ามา แล้วลากขาของเด็กน้อยให้หล่นลงมา “ดูซิ เจ้าจะหนีไปไหนพ้น!” เมื่อเด็กน้อยถูกดึงลงมาเช่นนี้ ถุงที่ตัวเขาก็หล่นกลิ้งลงมาไปโดนเท้าของเจ้าหมิงเยว่ ดูแล้วน่าจะเป็นสินค้าที่เขาขโมยมา เสียงที่กระทบพื้นก็ฟังดูหนักมาก คาดว่าน่าจะเป็นเงินหรือไม่ก็เครื่องประดับ ทั้งสองจึงเข้าแย่งชิงกันอย่างไม่สนใจสิ่งอื่น ตอนนี้เด็กน้อยคนนั้นคิดเพียงแต่จะต่อสู้เพื่อหลบหนีเอาตัวรอด “ถ้าเจ้ายังไม่ปล่อยข้า ข้าจะไม่เกรงใจล่ะนะ!” “ขโมยของแล้วยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกหรือ!” ชายชราลากคอเด็กน้อยไว้อย่างสุดแรงแล้วหันไปตะโกนว่า “เจ้าพวกโง่หายไปไหนหมด มันอยู่ตรงนี้!” ดูเหมือนว่าชายชราจะมีผู้ช่วย เด็กน้อยรู้ดีว่าหากเขาถูกจับตัวกลับไปเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก หรือไม่ก็คงจะต้องถูกจับขัง ที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นอาจจะถึงขั้นถูกตีจนตาย ด้วยความร้อนใจจึงเอื้อมมือไปคว้าท่อนไม้ที่อยู่ตรงกำแพงขึ้นมา “เจ้ากล้าตีหรือ เจ้ากล้าตีจริงๆหรือ!” แรงของชายชราไม่อาจสู้ได้ เขาจึงใช้วิธีจ้องมองเพื่อเป็นการข่มขู่เพื่อเอาชนะ แต่เด็กคนนั้นโกรธจนหน้ามืดตามัวแล้วจะรู้สึกกลัวขึ้นมาได้อย่างไร จึงได้ยกท่อนไม้ขึ้นแล้วฟาดลงมา ชายชรารีบกำบังศีรษะของเขาไว้ ไม้นี้หากฟาดลงมาคงจะหมายเอาชีวิตเข้าเป็นแน่ “เฮ้ เฮ้!” หมิงเยว่ที่จริงๆแล้วไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ พอเห็นแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปคว้าไม้ไว้ “ถ้าตี คงได้ตายจริงๆแน่” ชายชราอายุมากขนาดนี้แล้ว หากถูกตีเข้าจริงๆคงต้องแย่แน่ๆ หลังจากนั้นก็มีชายสามคนเข้ามา ไม่นาน ชายหนุ่มสองสามคนนั้นก็เข้ามาจับตัวเจ้าโจรน้อยไว้ แล้วดุด่าทุบตี เมื่อเห็นว่าพวกเขาเริ่มวุ่นวาย จ้าวหมิงเยว่ก็รู้สึกนึกเสียใจเล็กน้อยที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้ แคการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็เหมือนกับว่าสูญเสียพลังงานในร่างกายไปทั้งหมด พอยืนขึ้นก็รู้สึกวูบไปชั่วขณะ ทันใดนั้นชายชราก็เรียกนางไว้ “เฮ้ เจ้าเด็กน้อย......เจ้าขอทานน้อย!” “เรียกข้าหรือ?” “เรียกเจ้านั่นแหละ” ชายชราผู้นั้นเดินเข้ามา มองดูเด็กที่ผอมแห้งแรงน้อยและสกปรกตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วหยิบถุงที่กลิ้งตกเมื่อกี้ขึ้นมาถามนางว่า “เจ้ารู้ไหมว่าของข้างในคืออะไร?” “ไม่ใช่ของที่เขาขโมยมาหรอกหรือ?” “ที่จริงแล้วเมื่อกี้เจ้าก็สามารถเอามันไปได้” ก็ใช่นะสิ! แต่เพราะเมื่อกี้หมิงเยว่ยังไม่ทันได้คิดว่านางควรจะเอาไป “เพิ่งพูดตอนนี้คงสายไปแล้วสินะ?” แต่เมื่อคิดดูแล้ว จ้าวหมิงเยว่ก็หันยิ้มให้กับชายชราแล้วพูดว่า “ท่านปู่ ถ้าตอนนี้ท่านพอจะตกรางวัลให้ข้าได้ นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะตอนนี้ข้าหิวมาก” เจ้าขอทานน้อยคนนี้ช่างพิเศษนัก ไม่กลัวคนแปลกหน้า พูดจาฉะฉาน แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความชัดเจน ชายชราจึงเลิกคิ้ว ถามขึ้นว่า “เจ้าอยากได้เท่าไหร่?” “ข้าเสนอราคาได้อย่างนั้นหรือ?” “ข้าจะยอมรับหากสมเหตุสมผล” หมิงเยว่กำลังนึกว่าตอนนี้นางไม่ใช้จ้าวหมิงเยว่ผู้มีชื่อเสียงในโลกยิงหยาง แต่เป็นขอทานน้อยที่กำลังอดอยาก นางจึงใช้คำพูดตอบกลับไปอย่างหวานหูทันทีว่า “ท่านปู่ ข้าสามารถทำได้หลายอย่าง ไม่กลัวลำบาก ไม่กลัวเหนื่อย ท่านจะสามารถช่วยหางานให้ข้าทำได้หรือไม่?” ไม่อยากได้เงินแต่อยากได้งาน? มองการณ์ไกลนัก อีกทั้งยังไม่ใช่คนเกียจคร้าน ชายชราจึงเลิกคิ้วอีกครั้ง แล้วถามขึ้นว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากจวนไหน?” “ไม่รู้” จวนของพวกเราหากจะรับคนต้องผ่านการคัดเลือกอย่างละเอียดและเข้มงวด เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถอย่างนั้นหรือ?” ตอนนี้ชายชราแสดงออกถึงท่าทางที่ดูภาคภูมิใจ แสดงให้เห็นว่าจวนที่เขาอยู่ต้องยิ่งใหญ่ เมื่อจ้าวหมิงเยว่ได้ฟังก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วโค้งคำนับพร้อมพูดว่า “ท่านวางใจเถอะ ข้าคิดว่าคงทำได้ดีกว่าเขา” แล้วจึงชี้ไปที่เจ้าหัวขโมย เมื่อชายชราได้ฟัง ตาก็กระตุกเล็กน้อยด้วยความเขินอาย ถึงจะเลือกเฟ้นอย่างละเอียดและเข้มงวดแล้วก็ยังมีพวกมือไม่ขาวสะอาดเช่นนี้หลุดลอดเข้ามาได้ ถูกเจ้าขอทานน้อยพูดเช่นนี้ ช่างน่าอับอายจริงๆ ถึงแม้เจ้าขอทานน้อยจะดูสกปรก แต่ก็ช่วยชีวิตเขาไว้ อีกทั้งยังไม่โลภคิดอยากได้เงินในถุงนั้น การพูดการจาก็ฟังดูฉลาด ตอนนี้ที่จวนกำลังรับสมัครคนรับใช้อยู่พอดี ลองให้เขาไปสมัครดูก็น่าจะได้ ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจของเขาด้วย “วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดี ที่จวนของเรากำลังรับสมัครคนรับใช้ผู้ชายอยู่พอดี เจ้าก็ตามข้ากลับไปเพื่อทดลองงานดูละกัน” คนรับใช้ผู้ชาย? แต่นางเป็นผู้หญิง......ผู้ชายก็คงได้กระมัง!
已经是最新一章了
加载中