บทที่ 4 ท่านอ๋องผู้ถูกสาบแช่ง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 4 ท่านอ๋องผู้ถูกสาบแช่ง
บทที่ 4 ท่านอ๋องผู้ถูกสาบแช่ง “ขอบคุณท่านปู่ ขอบคุณท่านมากจริงๆ!” ความรู้สึกที่ได้รับการช่วยเหลือในเวลาที่คับขันเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกดีใจจนอยากจะเข้าไปจับมือชายชรา ชายชรายกมือขึ้นเพื่อเลี่ยงไม่ให้นางจับ “คนเนื้อตัวสกปรกเช่นเจ้า อย่าคิดจะมาสัมผัส......” “ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย” ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าชื่อว่าอะไร?” “......จ้าวหมิงเยว่” “บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน?” “เอ่อ......” นางควรบอกว่าอยู่ที่ไหนดี เพราะจริงๆแล้วนางก็รู้จักเพียงแค่เมืองจินหลินที่นี่ที่เดียวเท่านั้น “ข้าตระเวนขอทานขออาหารไปทั่วมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหน” เมื่อเห็นร่างกายของเด็กคนนี้มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด ชายชราจึงไม่ได้คิดสนใจจะถามต่อ “อายุเท่าไหร่แล้ว?” “......สิบสี่” พูดออกไปแบบไม่ทันได้คิด ถ้าบอกมากไปก็คงดูไม่เหมือน ถ้าบอกน้อยไปเขาก็คงไม่รับนางเข้าทำงานนะสิ? “เด็กชายอายุสิบสี่แล้วทำไมถึงยังผอมบางเช่นนี้?” ชายชรารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย หากผอมเกินไปเกรงว่าจะทำงานไม่รอด แต่ว่าขอทานน้อยที่แต่ละวันไม่เคยได้กินอิ่มท้อง ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบัก ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ก็นับว่าต้องโชคดีไม่น้อย จ้าวหมิงเยว่เกรงว่าเขาจะเปลี่ยนใจ จึงได้รีบให้คำมั่นสัญญาว่า “รอให้ข้าได้กินอิ่มท้องก่อน จะต้องมีแรงทำงานอย่างแน่นอน ท่านวางใจเถอะ” “......ช่างเถอะ แต่จงจำไว้ว่า เข้าจวนแล้วจงพูดให้น้อยทำงานให้มาก” “ครับ” “พูดว่า ‘ขอรับ’ ” “ขอรับ!” “หยุดตีได้แล้ว หากตีต่อไปต้องตายแน่ๆ” ชารชราหันกลับไปพูดกับบรรดาลูกน้อง “พาตัวกลับไป” พูดจบก็เดินนำหน้าออกมาจากตรอก จ้าวหมิงเยว่เดินตามชายชราไปตามเส้นทางที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองจินหลิน เดินเข้าสู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แล้วเลี้ยวเข้าสู่ถนนสายยาวที่ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ตลอดสองข้างทาง กำแพงอิฐที่ล้อมรอบลานยาวสุดลูกหูลูกตา ประตูใหญ่สีแดงสดที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ ประดับรูปปั้นสิงโตหินอยู่ทั้งสองด้าน ป้ายที่แขวนอยู่เหนือประตูใหญ่เขียนตัวอักษรไว้สามตัว “จวนอ๋องเย่น” จ้าวหมิงเยว่ตาเป็นประกาย ตอนแรกเดาว่าฐานะของชายชราผู้นี้ก็คงไม่ธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาจากจวนท่านอ๋อง Wขอทานตัวเล็กที่ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้จะได้เข้ามาทำงานใหญ่แล้ว! ดังนั้นนางจึงปักหลักทำงานที่จวนท่านอ๋อง งานหลักๆคือดูแลความสะอาดในห้องครัว โชคดีที่นางได้พบกับเพื่อนร่วมงานที่ชื่อจ้าวลิ่ว ซึ่งคอยดูแลนางเป็นอย่างดี จ้าวลิ่วก็เพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหกปี เป็นคนผอมบาง รูปร่างไม่สูง โครงหน้าคมชัด ตาตี่ ริมฝีปากหนา ดูแล้วเป็นคนซื่อๆแต่ไม่เซ่อ เป็นคนพูดมากทำให้ทั้งสองสนิทกันเร็ว จ้าวลิ่วบอกว่า “หมิงเยว่ ปกติแล้วงานหลักๆของเราคือตักน้ำ ผ่าฟืน ล้างผัก รวมถึงการทำความสะอาดในครัวล้วนเป็นงานของเราทั้งหมด” “ได้ มีงานอะไรที่ข้าพอจะทำได้ให้เจ้ารีบเรียกข้าได้เลยนะ” “ถ้าอย่างนั้นข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักจวนของเรา......” จ้าวลิ่วเดินแนะนำไปตลอดทาง ห้องคนใช้ด้านขวากับห้องคนใช้ด้านหลังเป็นที่สำหรับคนใช้อยู่ ทางด้านของห้องคนใช้ด้านหลังคือเรือนหรงซิ่ง เป็นที่ที่อ๋องเย่นพักอยู่ ถัดจากเรือนหรงซิ่งไปทางด้านหน้าคือตำหนักจิ้นอัน และเป็นวิหารบรรทมของอ๋องเย่นเช่นกัน จากที่ที่พวกเขายืนอยู่ตอนนี้ก็จะสามารถเห็นได้เพียงแค่กำแพงของตำหนักจิ้นอันเท่านั้น จ้าวหมิงเยว่มองออกไปยังที่ไกลๆแล้วถามว่า “จ้าวลิ่ว อ๋องเย่นเป็นคนอัธยาศัยดีไหม?” “อ๋องเย่นนะหรือ? จ้าวลิ่วหัวเราะชอบใจแล้วพูดว่า “เจ้านายของเรายังอายุไม่มาก แต่กลับอ่อนแอ” อายุยังไม่ถึงยี่สิบหรือ? โดยจิตใต้สำนึกแล้ว นางคิดว่าหากเป็นพี่น้องกับฮ่องเต้อย่างน้อยก็ต้องมีคนอายุพอสมควร “ถ้าอย่างนั้น เจ้าช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับเจ้านายของเราให้ฟังหน่อย เพื่อข้าจะได้หลีกเลี่ยงการพูดไม่เข้าหูในภายหลัง” “เป็นไปไม่ได้หรอก......ข้าหมายถึงไม่มีทางที่จะพูดไม่เข้าหูหรอก เพราะข้าเข้ามาอยู่ในจวนท่านอ๋องครึ่งปีแล้ว ยังไม่เคยพบอ๋องเย่นเลยสักครั้ง” “เขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ?” “อยู่ แต่อ๋องเย่นร่างกายอ่อนแอขี้โรคมาตั้งแต่เด็ก จึงออกมาข้างนอกไม่บ่อยนัก ถึงแม้จะออกมา แต่คนใช้ห้องครัวเช่นพวกเรา ก็ไม่มีทางจะได้พบ อีกทั้ง......” จ้าวลิ่วมองไปที่ตำหนักจิ้นอันแล้วพูดด้วยท่าทางลับๆล่อๆว่า “อีกทั้งยังมีคนบอกว่าอ๋องเย่นถูกคำสาบ คนที่อยู่ใกล้ชิดเขานานๆ ล้วนจะต้องตาย......” “อะไรนะ? โดนคำสาบ?” “อืม! ได้ยินมาว่าคนรับใช้ข้างกายอ๋องเย่นไม่ว่าชายหญิง ล้วนตายไปหลายคนแล้ว น่ากลัวจริงๆ!” บ้านหลังนี้คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกกระมัง? หรือเป็นเพราะพลังจิตสัมผัสของนางยังไม่ฟื้นคืน จึงไม่สามารถรับรู้ถึงเสียชี่ได้ มิเช่นนั้นทำไมนางจึงรู้สึกว่าคฤหาสน์แห่งนี้ค่อนข้างจะสะอาดเลยทีเดียว? “พ่อบ้านโจวอยู่กับอ๋องเย่นมานานเท่าไหร่แล้ว?” “เอ่อ ก็นานแล้วนะ” จ้าวลิ่วนึกถึงสิ่งที่เขาพูดในตอนแรก “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเกิดเรื่อง อาจจะเกี่ยวข้องกับวันเกิดก็เป็นได้ แต่ยังไงก็ยังน่ากลัวอยู่ดี......โอ้แม้เจ้า ทำข้าตกใจจริงๆ!” “เกิดอะไรขึ้น?” “ห้ามพูด รีบเดินไปเร็ว” จ้าวลิ่วรีบดึงมือจ้าวหมิงเยว่ หันไปโค้งคำนับ แล้วรีบเดินเลี่ยงไปด้วยความกลัว หมิงเยว่หันกลับไปมอง ทำให้จ้าวลิ่วตกใจจนกระโดดโหยง ตรงทางเดินด้านบนมีเด็กคนหนึ่งยืนอยู่ อายุไม่น่าจะเกินสิบสองสิบสามปี บนหัวสวมมงกุฎสีทอง สวมใส่เสื้อผ้าปักด้วยไหมสีทอง บนคอมีกุญแจทองแขวนอยู่ ที่เอวห้อยหยกแสงพระจันทร์ มือสองข้างวางทับกันไว้หน้าลำตัว มือขาวเรียวยาว บนข้อมือด้านหนึ่งประดับด้วยกำไลทอง ส่วนอีกด้านประดับด้วยกำไลมรกต และมีระฆังทองผูกไว้ที่ข้อเท้า พวกคนรวย! สวมใส่แต่แก้วแหวนเงินทองเต็มไปหมด เมื่อหมิงเยว่มองเขา เขาก็มองนาง แววตาช่างดูโศกเศร้าไร้ความรู้สึก ท่าทางดูซึมเศร้าและไม่มีความสุข จ้าวลิ่วรีบลากหมิงเยว่กลับเข้าไปในห้องครัวทางด้านหลัง เมื่อหมิงเยว่มองไม่เห็นเด็กคนนั้นแล้ว จึงถามว่า “นั่นคือใคร?”
已经是最新一章了
加载中