บทที่ 6 เข้าใกล้อ๋องเย่น   1/    
已经是第一章了
บทที่ 6 เข้าใกล้อ๋องเย่น
บทที่ 6 เข้าใกล้อ๋องเย่น คนในครอบครัวร้องไห้กันตลอดทั้งบ่าย ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน สุดท้ายก็ได้รับเงินบำนาญก้อนโต แล้วพากันเดินออกจากดงหลีหยวนทางประตูทิศตะวันออก ร่างของหญิงสาวก็ถูกส่งตามออกไปเช่นกัน ที่ลานด้านหลังมีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นในทันที จ้าวลิ่วเห็นจ้าวหมิงเยว่กำลังจะวิ่งออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงดึงนางไว้ “หมิงเยว่เจ้าจะไปไหน?” “น้าจางให้ข้านำอาหารเย็นไปส่งให้เบ้ยอยู๋ถัง” “จะให้ข้าไปเป็นเพื่อนไหม?” เห็นนางทำท่าสงสัย จ้าวลิ่วจึงขยับเข้ามาใกล้หูของนางแล้วพูดว่า “ข้าเคยบอกแล้วใช่ไหม คำสาบกลับมาอีกแล้ว ครึ่งปีมีคนตายไปแล้วสองคน หนึ่งร้อยวันหนึ่งคน คนแรกคือคนรับใช้ผู้ชายที่ชื่อเสี่ยวเกา มาตอนนี้ก็สาวใช้ผู้ทำหน้าที่ส่งอาหารที่ชื่อชวนหลิงอีก......” พวกคนรับใช้ไม่ได้รู้สึกกลัวเกี่ยวกับการตายของฝูเจ้ามากนัก ฝูเจ้าเป็นคนที่ถูกกำหนดขึ้นโดยหมอผียิงหยาง แต่คนส่งอาหารกับพวกเขานั้นเหมือนกันคือเป็นคนรับใช้ในจวน มีฐานะไม่แตกต่างไปจากพวกเขา หลายคนจึงกลัวว่าคนต่อไปจะเป็นตัวเองหรือไม่ “ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนหรอก เจ้ารีบกลับไปทำงานในห้องครัวเถอะ อย่าให้น้าจางต้องบิดหูของเจ้าอีก” “เจ้าไม่กลัวจริงๆหรือ!” “กลัวก็ไม่ต้องไปส่งข้าวอย่างนั้นหรือ?” “เอ่อ มันก็จำเป็นต้องไป” “ใช่ไหมล่ะ? ถ้าอย่างนั้นข้าไปทำงานก่อนนะ” ขณะที่จ้าวหมิงเยว่เดินจากห้องคนใช้ด้านขวามายังห้องครัว ก็ได้พบกับพี่น้องสามคนกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ คนที่ใส่ชุดสีเขียว หมิงเยว่จำได้ว่าชื่อช่วยจู เป็นหญิงสาวที่ชอบปะทะคารมกับจ้าวลิ่ว ช่วยจูพูดว่า “พี่หวั่นหรง ครั้งนี้แม่นมหลิ่วจะให้ท่านไปส่งอาหารให้แก่อ่องเย่นไหม?” ซูหวั่นหรง เป็นหญิงสาวที่ถูกเลือกออกมาจากในวัง เป็นผู้มีการศึกษา ได้รับการอบรมสั่งสอน รู้จักการวางตัว เนื่องจากทำงานในวังมาตั้งแต่เด็ก ทำให้สามารถพูดจัดการปัญหาได้ดี จึงเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คน ซูหวั่นหรงพูดว่า “แม่นมหลิ่วจัดแจงงานให้ข้าทำหลายอย่าง คงจะไม่มีวาสนาที่จะได้เข้าไปปรนนิบัติอ๋องเย่นหรอก แต่ท่าทางที่ดูกระฉับกระเฉงของช่วยจูนั้นก็น่าจะทำให้คนชอบได้ แม่นมหลิ่วจึงหวังให้เจ้าไปคอยรับใช้เจ้านาย” “ใช่ ใช่สิ ในจวนของเรามีใครไม่อยากไปรับใช้ท่านอ๋องบ้างล่ะ?” ช่วยจูหัวเราะพลางทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ซูหวั่นหรงหัวเราะแล้วตบหลังปลอบใจนาง “พวกเราล้วนทำงานให้เจ้านาย จะเลือกงานได้อย่างไรกัน” ดูเหมือนว่าทุกคนกลัวที่จะได้รับงานนี้ จ้าวหมิงเยว่ส่ายหัวแล้วเดินต่อเพื่อจะนำอาหารไปส่งที่เบ้ยอยู๋ถัง เดินไปไม่กี่ก้าวก็นึกขึ้นได้ว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว ตอนนี้กำลงัขาดคนส่งอาหารให้แก่อ๋องเย่นไม่ใช่หรือ? ถ้าหากนางรับงานนี้ นางก็จะได้เข้าใกล้ฉู่จื่อเย่นมากขึ้นไม่ใช่หรือ? จ้าวหมิงเยว่รีบถือกล่องอาหารวิ่งไปอย่างรวดเร็ว หลังจากส่งอาหารไปยังเบ้ยอยู๋ถังอย่างรวดเร็วแล้ว นางจงใจเดินกลับไปตามทางเดินระหว่างฝูหลินเตี้ยนกับวิหารหลัก เส้นทางนี้สามารถเดินผ่านตำหนักจิ้นอันของฉู่จื่อเย่นได้ ฝั่งตรงข้ามกับตำหนักจิ้นอันคือห้องหนังสือ จ้าวหมิงเยว่อยู่ที่ห้องหนังสือ แอบเห็นซูหวั่นหรงถือกล่องไม้กล่องหนึ่ง ยืนลังเลอยู่ที่หน้าตำหนักจิ้นอัน เดิมทีหมิงเยว่คิดว่าช่วยจูหรือคนอื่นจะเป็นคนนำอาหารมาส่ง แต่กลับเป็นซูหวั่นหรง ซึ่งถือว่าดีมาก เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็คงจะเป็นการดีที่จะได้ใช้คนฉลาด จ้างหมิงเยว่แสร้งทำเป็นว่าเกือบจะพบหน้านางแต่ก็แอบเดินหนีไป ผลสุดท้ายซูหวั่นหรงก็เรียกนางไว้ “หยุดก่อน” จ้างหวิงเยว่ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วโค้งคำนับนาง “ซู แม่นางซู” ซูหวั่นหรงเดินตรงเข้ามาหานาง แล้วถามด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “เจ้าออกมาเดินจุ้นจ้านแถวนี้ได้อย่างไร หากแม่นมรู้เข้า ดูซิว่านางจะลงโทษเจ้าเช่นไร?” จ้าวหมิงเยว่รีบตอบกลับไปด้วยความร้อนใจว่า “ข้าเพียงแค่เดินผ่านมาเท่านั้น แม่นางซุอย่าบอกให้แม่นมรู้เลยนะ” “อย่ากังวลไปเลย วันนี้ถือเป็นโชคดีของเจ้าที่ได้พบกับพี่ วันนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้เยี่ยมชมดูสักหน่อย” “ขอบคุณแม่นางซู” “เรียกข้าว่าพี่สาวเถอะ คนที่สนิทกับข้าล้วนเรียกข้าเช่นนี้ทั้งนั้น” จ้าวหมิงเยว่จึงเรียกตามอย่างว่านอนสอนง่าย “พี่ซู” “เด็กดี” ซูหวั่นหรงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าพี่ ข้าก็สอนให้เจ้าทำงานบางอย่าง คือให้เจ้านำอาหารเย็นไปส่งที่ตำหนักจิ้นอัน” “......” เช่นนี้จึงถือว่าทุกอย่างที่นางวางแผนเป็นไปอย่างสมใจนึก อีกทั้งนางยังแสร้งทำเป็นว่าไม่สามารถรับงานนี้ได้ “พี่สาว มันคงไม่ดีกระมัง หากแม่นมหลิวจับได้ละก็......” “เด็กโง่ หากเจ้าไม่พูดถึงเรื่องส่งอาหาร หากข้าไม่พูดถึงเรื่องที่เจ้าล่วงละเมิดเข้ามาในตำหนักจิ้นอัน แล้วแม่นมหลิ่วจะรู้ได้อย่างไรกันล่ะ?” พนันได้เลยว่าหากนางไม่ช่วยซูหวั่นหรงเรื่องส่งอาหารละก็ นางจะต้องเอาเรื่องนี้ไปฟ้องแม่นมหลิ่วอย่างแน่นอน ทำไมนางจึงได้ชอบสัญญาที่ฟังดูเอาเปรียบเช่นนี้? หมิงเยว่ถามด้วยความไร้เดียงสาต่ออีก “หมิงเยว่อยากจะช่วยพี่สาวมาก แต่ฐานะของหมิงเยว่ต่ำต้อย เพียงแค่ได้ผ่านเข้ามาในตำหนักจิ้นอันครั้งเดียวก็ถือว่าเพียงพอแล้ว หากดูหมิ่นสถานที่ของเจ้านาย ถึงเวลาก็คงจะต้องโดนลงโทษอย่างหนัก” ซูหวั่นหรงเป็นคนฉลาด จึงรีบพูดกลับไปในทันทีว่า “เรื่องนี้ไม่ยาก ถ้าหากเจ้าอยากจะส่งอาหารให้แก่เจ้านายทุกวัน ข้าก็จะให้แม่นมหลิ่วยกเจ้าให้มาเป็นลูกน้องของข้า ให้เจ้าได้ยกระดับจากคนทำความสะอาดในห้องครัวขึ้นมาเป็นคนรับใช้ทั่วไป และได้เงินเดือนเพิ่ม 10 ที่ประเทศฉู่ มีวิธีการแลกเปลี่ยนเงินคือหนึ่งเหรียญทองเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญเงิน หนึ่งเหรียญเงินเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญทองแดง ในทุกๆเดือนคนใช้ห้องครัวจะได้รับเงินเดือนยี่สิบห้าเหรียญเงิน ส่วนคนรับใช้ทั่วไปจะได้ไม่เท่ากันคือสามสิบห้าถึงห้าสิบเหรียญ ยิ่งตำแหน่งสูง อายุงานมาก ก็จะยิ่งได้เงินเดือนมาก แต่ตอนนี้สำหรับหมิงเย่วแล้ว เงินสำคัญน้อยกว่าธุระเรื่องนี้มาก นี่ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญมากที่นางจะสามารถเข้าถึงฉู่จื่อเย่นได้ “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณพี่สาวมากๆเลย” จ้าวหมิงเยว่รับกล่องไม้มาจากมือของซูหวั่นหรงด้วยความขอบคุณ ซูหวั่นหรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหมือนสามารถยกภูเขาออกจากอกไปได้เสียที “จำไว้นะว่า อาหารให้นำไปวางไว้บนโต๊ะ หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงก็ให้กลับมาเก็บ และห้ามเข้าไปในห้องนอนของท่านอ๋องหรือสถานที่อื่นๆก่อนได้รับอนุญาต” “ขอรับ” หลังจากที่ซูหวั่นหรงมอบหมายงานให้เรียบร้อยแล้ว เจ้าหมิงเยว่ก็เดินเข้าสู่ตำหนักจิ้นอัน
已经是最新一章了
加载中