บทที่ 7 คนป่วยรูปงาม   1/    
已经是第一章了
บทที่ 7 คนป่วยรูปงาม
บทที่ 7 คนป่วยรูปงาม ภายในตำหนักจิ้นอัน แบ่งห้องเอกออกเป็นห้องเซียงฝางตะวันออกและตะวันตก ด้านนอกของห้องเซียงฝางมีระเบียงกว้างขวางทอดยาวไปจนถึงหน้าประตูห้องเอก ด้านนอกมองเห็นต้นแพร์อายุกว่าร้อยปียืนต้นเขียวชอุ่มอยู่ กิ่งที่บิดพันกันเป็นเกลียวยื่นออกมาปกคลุมส่วนหน้าของลานครึ่งหนึ่ง มีผลห้อยแทรกอยู่ระหว่างใบเต็มไปหมด ดูแล้วไม่น่าจะเกินเดือนหรือสองเดือนก็คงจะสุก ใต้ต้นแพร์มีโต๊ะและเก้าอี้หินอ่อนสีขาววางอยู่ อีกทั้งมีชิงช้าแขวนอยู่ด้วย ที่มุมกำแพงปลูกดอกไม้ ทำให้ลานทั้งลานเต็มไปด้วยสีเขียว จ้าวหมิงเยว่เปิดประตูห้อง ภายในห้องเอกแบ่งออกเป็นสามห้อง ที่โถงด้านนอกมีโต๊ะกลมทำจากไม้มะฮอกกานีที่ดูประณีตงดงามวางอยู่ และมีเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีแกะสลักวางถัดมา บนผนังแขวนหิ้งสำหรับวางเครื่องลายครามไว้อย่างสง่างาม อีกทั้งยังมีกระถางกล้วยไม้ที่ส่งกลิ่นหอมวางอยู่ ห้องโถงด้านในและห้องโถงด้านนอกเชื่อมต่อกันด้วยซุ้มแกะสลัก มีฉากกั้นห้องที่วาดเป็นรูปดอกบัววางอยู่ ประตูทางทิศตะวันตกเมื่อเปิดออกไปก็จะเจอกับสวนช่างชวน ทิวทัศน์ที่สวยงามในลานที่สะท้อนผ่านประตูเข้ามา ทำให้ดูเหมือนเป็นภาพวาดธรรมชาติภาพหนึ่ง จ้าวหมิงเยว่วางอาหารลง ในที่สุดก็ได้ยินเสียงไอดังมาจากในห้องนอน เริ่มจากเบาจนหนัก หลังจากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด ฟังดูแล้วอาการป่วยก็น่าจะหนักพอดู ซูหวั่นหรงกำชับว่าให้ทำแค่เพียงวางอาหารไว้เท่านั้น เรื่องอื่นห้ามเข้าไปยุ่ง ถ้าหากนางรีบร้อนเข้าไปรบกวนฉู่จื่อเย่น เป้าหมายที่นางต้องการก็คงจะต้องออกมาในทางตรงข้ามกันอย่างแน่นอน ต้องรู้จักอดทนรอคอยเพื่อที่จะให้บางอย่างสำเร็จ อยากเข้าถึงคนต้องเข้าถึงที่หัวใจ จ้าวหมิงเยว่ ไม่ต้องรีบร้อน หมิงเยว่วางอาหารลงแล้วเดินออกไป หลังจากนั้น จ้าวหมิงเยว่ก็ได้เลื่อนขั้นจากคนใช้ห้องครัว ขึ้นมาเป็นคนใช้ตำหนักเอก หน้าที่หลักๆของนางคือดูแลเรื่องกิจวัตรประจำวันต่างๆของฉู่จื่อเย่น แต่ดูเผินๆเหมือนว่าซูหวั่นหรงเป็นคนทำอยู่ ทุกวันซูหวั่นหรงจะนำกล่องอาหารมารอที่ด้านนอกตำหนักจิ้นอัน หลังจากนั้นก็ส่งต่ออาหารให้หมิงเยว่เพื่อนำไปส่งในตำหนักจิ้นอัน สิ่งที่ซูหวั่นหรงกำลังทำอยู่ตอนนี้ สามารถพูดแทนได้ด้วยประโยคหนึ่งว่า ทำไม่ดีแต่อยากได้รับคำชม นางเป็นคนเช่นนี้ แต่จ้าวหมิงเยว่ก็ต้องขอบคุณนาง มิเช่นนั้นนางจะมีโอกาสอย่างเช่นตอนนี้ได้อย่างไร หมิงเยว่กำลังทำตามแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ออกจากห้องครัวมาข้างนอกเพื่อซื้อชวนเป้หมู่ ผีผาเย่ เชอเฉียงหยู กางเฉ่า หมาหวง เป่ยปู้ จี๋เกิ่น ซิ่นเหลิน แน่นอนว่ายังมีสูตรอีกหลายสูตรที่หมอผียิงหยางของตระกูลจ้าวใช้รักษาอาการไอ นางนำสิ่งเหล่านี้มารวมกันแล้วต้มเป็นยา ทุกครั้งที่นำอาหารมาส่ง ก็จะนำยาแก้ไอหนึ่งถ้วยวางคู่มาด้วยทุกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เข้าไปเก็บอาหาร ก็จะพบแค่ร่องรอยการกินเพียงนิดเดียว ยิ่งชามยายิ่งไม่มีรอยแตะต้องเลย หมิงเยว่ไม่ได้รู้สึกร้อนใจอะไร นางนำยาต้มมาทำเป็นยาเม็ด ทุกครั้งที่ไปส่งอาหารข้าจะนำยาสองเม็ดวางไว้ในถ้วยกระเบื้องใบเล็กที่อยู่ข้างๆ แต่เขาก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมกิน แต่ไม่เป็นไร เพราะนิสัยที่แท้จริงของนางเองนั้น ก็มีไว้สำหรับรักษาพวกดื้อรั้นโดยเฉพาะ นางยังคงส่งยาต่อไป เพียงแต่ข้างชามกระเบื้อง มีข้อความเขียนเพิ่มเติมไว้ ครั้งนี้ นางส่งอาหารออกมาได้ไม่นาน...... มีร่างสีขาวเดินออกมาจากห้องนอน มานั่งอยู่ที่โต๊ะกลม แล้วมองดูข้อความที่อยู่ข้างๆชามกระเบื้อง ยายังอยู่ นี่ก็เดือนกว่าแล้ว คนส่งยาคนนั้น ยังคงส่งยาอย่างต่อเนื่องอย่างเงียบๆ ฉู่จื่อเย่นยกมือขึ้นป้องปากแล้วไอเบาๆสองสามครั้ง นิ้วมือที่ขาวสะอาดราวกับหยก หยิบกระดาษแผ่นเล็กๆแผ่นนั้นขึ้นมา มีลายมือที่เขียนไว้อย่างสละสลวยว่า “ไม่ขม หวานเล็กน้อย” ขนตาที่คล้อยลงมาบนผิวที่ดูเป็นธรรมชาติของเขา สะท้อนเป็นเงาออกมาดูราวกับพัด หรี่ตาที่เป็นประกายของเขาลงครึ่งหนึ่ง ฉู่จื่อเย่นวางกระดาษแผ่นนั้นลง มองไปที่จานกระเบื้องใบเล็กสีขาว ที่มียาวางอยู่ข้างในสองเม็ดแล้วเบ้ปากเล็กน้อย นิ้วมือที่นุ่มนวลของเขาหยิบยาขึ้นมาหนึ่งเม็ดแล้วยื่นเข้าปาก ขม แต่เมื่อขยับลิ้น ก็รู้สึกว่ามีรสหวานออกมาเล็กน้อย สมุนไพรมีรสชาติที่เข้มข้น เมื่อลงไปในลำคอทำให้รู้สึกชุ่มชื่น ที่จริงแล้ว ที่เขาไม่กินยานี้ไม่ใช่เพราะกลัวขม แต่คิดว่าคงไร้ประโยชน์ เขากินยาไปหนึ่งเม็ด วันนี้ยังไม่ทันได้แตะอาหารก็เดินกลับเข้าห้องนอนไป หลังจากนั้นก็ยังคงรู้สึกคอแห้งและไออย่างต่อเนื่อง แต่รสชาติของยาที่ชุ่มอยู่ในลำคอ ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จ้าวหมิงเยว่เข้ามาเก็บจาน สิ่งแรกที่เห็นคือยาหายไปหนึ่งเม็ด! รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง ยาหายไปหนึ่งเม็ด ก็เหมือนกับฉู่จื่อเย่นยอมเผยมุมที่ลึกลับของเขาออกมามุมหนึ่งแล้ว อ๋องเย่น ดูเหมือนว่า เราสองคนอนาคตยังอีกยาวไกล
已经是最新一章了
加载中