บทที่ 14 หายนะมาเยือน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 14 หายนะมาเยือน
บทที่ 14 หายนะมาเยือน “เพคะ ข้าน้อยกำลังนำน้ำของยามาช่วยลดไข้ให้แก่ท่านอ๋อง คงจำเป็นจะต้องถอดเสื้อผ้าของพระองค์ออกก่อนนะเพคะ......” ว่าแล้วก็ถอดเสื้อผ้าของเขาออก ถึงแม้จะมืด แต่ก็ยังพอมองเห็นหน้าอกของคนผู้นี้ขยับขึ้นลง มีลักษณะการหายใจที่เร็วและแรง นางนำถุงยานั้นมาเช็ดบนตัวของเขาจากนั้นจึงเช็ดบริเวณหน้าผาก ขมับ หลังหูและหน้าอกอย่างเบามือ หลังจากเช็ดซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง เสียงลมหายใจของฉู่จื่อเย่นก็ต่อยๆผ่อนลง ดูเหมือนว่าไข้จะลดลงแล้ว เพียงแค่ดูไปดูมาเหมือนคนที่กำลังหลับอยู่ แล้วไอขึ้นมาเป็นครั้งคราว ไม่สามารถนอนหลับได้สนิท เสื้อผ้าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อทั้งตัว ผมดำยาวก็เปียกตั้งแต่รากผมจนเกินครึ่ง สีหน้าซีดเผือดที่ปกคลุมไปด้วยผมสีดำ ยิ่งทำให้ดูเหมือนดอกไม้สีขาวที่ช่างดูบอบบาง ดูเหมือนว่าตัวแทนจะไม่ได้ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บให้เขาได้สักเท่าไหร่นัก ฉู่จื่อเย่น เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป อย่างน้อยก็ต้องรอให้ข้าหาไท่ยิงหลินซีจนพบเสียก่อน ข้าไม่ได้ต้องการของสิ่งนั้น ข้าเพียงแค่ต้องการหาทางกลับบ้านเท่านั้น...... จ้าวหมิงเยว่อุ้มเขาขึ้นมา แล้วผลักเขาเข้าไปในส่วนที่แห้งบนเตียง แล้วถอดเสื้อผ้าบนตัวของเขาออก ดึงหมอนที่เปียกออกไปแล้วดึงใบที่แห้งเข้ามาแทน แล้วนำเอาผมที่เปียกชุ่มที่อยู่ด้านหลังของเขาวางเข้าไปใต้หมอน คนผู้นี้ถึงแม้ร่างกายจะป่วยอยู่ แต่ก็มีผมที่มีสุขภาพดี หนาและดกดำ อีกทั้งยังนุ่มสลวยมาก ดูเหมือนทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางแล้ว เว้นเสียแต่กางเกงของเขาที่เปียกด้วย ถอดดีไหม? เหอะๆ เหอะ ดึงเอาผ้าเช็ดตัวที่แห้งและนุ่มออกมา คุกเข่าอยู่บนเตียงครุ่นคิดอยู่สองวินาที จึงหันไปพูดกับคนที่นอนอยู่บนเตียงว่า: “ข้อแรก มืดขนาดนี้ข้ามองไม่ชัดเจนอยู่แล้ว ข้อสอง ข้าจะใช้ผ้าขนหนูแห้งเพื่อดึงกางเกงออกจากตัวท่าน อย่าเข้าใจผิดนะ” ว่าแล้วก็นำผ้าเช็ดตัวที่แห้งมาพันไว้ที่เอวของเขาด้วยความคิดที่หวังดี แต่มือไม่ทันระวังไปแตะโดนบางส่วนที่นิ่มๆภายใต้ผ้าขนหนู แล้วตกใจจนรีบดึงมือกลับ เมื่อเห็นชายคนนั้นยังคงหลับอยู่ภายใต้ความมืดโดยไม่ได้ตอบสนองอะไร นางจึงรู้สึกโล่งใจ เป็นเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และไปสัมผัสโดนแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้รู้สึกอายจริงๆ ทุกอย่างจบลงแล้ว เสียงไก่ขัน ฟ้าใกล้สว่างแล้ว จ้าวหมิงเยว่เก็บข้างของเครื่องใช้ทุกอย่างที่นำเข้ามาในห้องจนหมด ไม่เหลือทิ้งไว้แม้เพียงชิ้นเดียว นางเดินออกไปข้างนอกแล้วมองไปที่เด็กหนุ่มที่เป็นตัวแทนคนนั้นล้มลงอยู่ คิดแล้วก็ยกตัวเขาขึ้น แล้วนำยาทิพย์ไล่ผีใส่เข้าไปในปากของเขา แล้วจึงเดินจากไป ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะไม่มีสันทัดกรณี แต่ยาทิพย์ไล่ผีของหมอผียิงหยางก็ยังคงใช้ได้ผล จริงๆแล้วนางใช้การกลั่นยาให้ฉู่จื่อเย่นมาเป็นข้ออ้างในการทำยาทิพย์ เดินถึงประตู หมิงเยว่ก็ยังไม่ลืมที่จะเก็บโคมไฟสีขาวที่นางทิ้งไว้ด้านนอกกลับไปด้วย นางยังไม่ทันได้นอนหลับ ก็ไปหาซูหวั่นหรงที่ห้องคนใช้ด้านหลัง แล้วเล่าเรื่องที่นางกระทำต่อฉู่จื่อเย่นให้ฟัง แต่แน่นอนว่าไม่ได้รวมถึงเรื่องของบรรยากาศเย็นเยือกภายในห้องเขา ตอนแรกคิดว่าจะมาระบายให้นางฟัง แต่คิดไม่ถึงว่านางกลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ใครใช้ให้เจ้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง? อ๋องเย่นมีคำสั่งลงมาอย่างเด็ดขาดว่า ใครก็ห้ามเข้าไปในตำหนักจิ้นอันโดยพลการ!” สีหน้าของซูหวั่นหรงตอนนี้ยังดูแย่กว่าของฉู่จื่อเย่นเมื่อครู่นี้เสียอีก “ทุกครั้งที่ถึงคืนโส้เยว่ แม้แต่พ่อบ้านโจวยังเข้าไปในตำหนักจิ้นอันไม่ได้เลย เจ้ารู้ไหม!” “เพราะอะไร?” “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเพราะอะไร?” “......” “แถมเจ้ายังอ้างชื่อของข้าอีก? เจ้า......เจ้าตั้งใจจะให้ร้ายข้าจริงๆ!” ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ จ้าวหมิงเยว่แอบถอนหายใจอยู่ในใจ แล้วพูดว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทำคนเดียวก็รับคนเดียว ถ้าอ๋องเย่นคิดเอาเรื่อง หมิงเยว่จะเป็นคนรับผิดเอง” “ถ้าเจ้ายอมรับผิด เช่นนั้นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ข้าให้เจ้าเป็นคนส่งอาหาร ก็ต้องถูกเปิดเผยออกมาด้วยนะสิ?” “......” จนป่านนี้แล้วนางยังมัวเป็นห่วงเรื่องนี้อีกหรือ? จ้าวหมิงเยว่มองนางแล้วหัวเราะ “พี่ซู ถ้าอย่างนั้นท่านจะให้หมิงเยว่ยอมรับหรือไม่ต้องยอมรับล่ะ?” นางมีวิธีรับมือทั้งสองทาง เป็นครั้งแรกที่ซูหวั่นหรงมองเห็นถึงความสามารถ ที่แสดงออกทางแววตาของจ้าวหมิงเยว่ นางคิดมาโดยตลอดว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่อ่อนแอ ไร้เดียงสา ถูกรังแกได้ง่าย แต่มาถึงตอนนี้ก็มีบางอย่างที่นางเองก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกัน หมิงเยว่หัวเราะอีกครั้ง ทำให้ท่าทีที่ดูไร้เดียงสา ไม่มีพิษมีภัยกลับคืนมา “ทำไมพี่สาวจึงไม่ลองคิดในทางกลับกันดูล่ะ? ถึงแม้หมิงเยว่จะเข้าไปในตำหนักจิ้นอัน แต่ก็ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีต่ออ๋องเย่น คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ถ้าหากมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ โทษที่หมิงเยว่จะได้รับ ก็ไม่มีทางให้พี่สาวต้องมาร่วมรับผิดอย่างแน่นอน จริงไหม?” แต่ซูหวั่นหรงก็ยังคงยิ้มไม่ออกอยู่ดี จนถึงตอนนี้ มีคนที่กล้าเข้าไปในตำหนักจิ้นอันในยามวิกาลเพียงสองคนเท่านั้น คนแรกถูกประหารไปแล้วด้วยเหตุลอบสังหาร แต่เรื่องจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ เพราะว่าตายไปแล้ว ส่วนคนที่สองก็คือจ้าวหมิงเยว่ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เพื่อที่จะปกป้องตัวเองนางก็คงจะต้องมอบตัวหมิงเยว่ออกมา เพราะชื่อเสียงเหล่านั้นเทียบไม่ได้กับชีวิต แต่ถ้าหากไม่เกิดเรื่องขึ้น นี่อาจจะเป็นโอกาสที่นางจะได้ยกระดับตัวเองขึ้นอีกขั้น “หมิงเยว่ เจ้าทำให้พี่รู้สึกเสียใจจริงๆ เจ้าเพิ่งเข้ามาจึงยังไม่รู้ คนแรกที่กล้าเข้าตำหนักจิ้นอันในยามวิกาลถูกประหารไปแล้ว ส่วนเจ้าก็เป็นคนที่สอง” “ร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ?” “เช่นนี้จะไม่ให้ข้าร้อนใจได้อย่างไร?” นางถอนหายใจ “แต่ว่าเจ้าก็พูดถูก เรื่องยังไม่ได้ร้ายแรงถึงจุดที่จะแก้ไขอะไรไม่ได้ เรามาคอยดูไปเรื่อยๆก่อนว่ามันจะดีขึ้นไหม?” “ครับ พี่ซู” “ฟ้าใกล้สว่างแล้ว เจ้าก็รีบกลับไปเถอะ จะได้เลี่ยงไม่ให้คนเห็น” ฟ้าสว่างแล้ว จวนอ๋องเย่นเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว! พ่อบ้านโจวเรียกรวมตัวทุกคนในจวนไปที่วิหารหลักตั้งแต่เช้า
已经是最新一章了
加载中