บทที่ 2   1/    
已经是第一章了
บทที่ 2
วังหลวง (เมมฟิส) ความโกลาหลที่ศาลาในหมู่บ้านเกเซ เทียบไม่ได้เลยกับความวุ่นวายในพระราชวัง หลังขบวนรถม้านำร่างของเจ้าชายมาถึง หมอหลวงถูกตามตัวด่วน ทหารอารักขารายงานต่อผู้บังคับบัญชา และรายงานต่อเป็นทอดๆ จนถึงท่านมหาอุปราชที่เป็นบุคคลใกล้ชิดที่สุดของฟาโรห์ “เจ้าชายทรงได้รับบาดเจ็บพะย่ะค่ะฝ่าบาท” “อีกแล้วรึ? เจ้าคนน้องอีกล่ะสิ” บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ทองคำมิได้ตระหนกตกใจ เพียงแต่ระบายลมหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เผยให้เห็นร่างสูงเต็มไปด้วยมัดกล้ามและรูปร่างงามสง่า วางมือจากงานที่อยู่ตรงหน้าชั่วคราว แล้วเดินนำมหาอุปราชออกไป “ถวายบังคมฟาโรห์” ทุกก้าวที่เยื้องย่างผ่าน บรรดาทหารและเหล่าหญิงรับใช้ต่างก็ทำความเคารพ กษัตริย์หนุ่มไม่ลืมที่จะมองอาณาบริเวณรอบๆ พระราชวังไปด้วย ครั้นเมื่อเห็นว่าทหารยามและทุกอย่างยังปกติ ก็วางใจได้ว่าไม่มีศัตรูมุ่งหมายเอาชีวิตบุตรชายของพระองค์แต่อย่างใด “นั่นเสียงอะไร?” พระองค์ทรงหยุดอยู่กึ่งกลางสระบัว ซึ่งเป็นทางเชื่อมไปยังวิหารของพระโอรส เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กดังลั่นในวิหาร “กระหม่อมไปดูเองพะยะค่ะ” ทหารองครักษ์ก้มคำนับแล้ววิ่งปร๋อออกไป ไม่กี่อึดใจก็วิ่งกลับเข้ามารายงานหน้าตาตื่นตระหนก “ว่าอย่างไร?” “ฟาโรห์ ทหารองครักษ์จับคนที่ทำร้ายเจ้าชายมาจากหมู่บ้านเกเซ เป็นครูใหญ่กับเด็กที่ทำร้ายท่านไมเซรินุสมารับการสำเร็จโทษพะยะค่ะ” “เด็ก?” พระองค์ทวนคำด้วยสีหน้าไม่ใคร่สบายใจ “บอกให้พวกเขารอที่ห้องโถงเล็ก อย่าเพิ่งทำอะไรทั้งสิ้น จนกว่าเราจะกลับมา ท่านเอลลูส...ท่านจงไต่สวนแทนข้าก่อน ข้าจะไปดูเจ้าชายเสียหน่อย” ประโยคท้ายพระองค์ทรงรับสั่งกับมหาอุปราช แล้วเดินลิ่วๆ ไปยังวิหารที่ประทับของเจ้าชาย โดยมีทหารและนางกำนัลคอยรายงานอาการของพระโอรสแทบจะทุกวินาที จนพระองค์ต้องโบกมือห้าม เมื่อผลักประตูห้องเข้าไป พระองค์ก็เห็นหมอหลวงและผู้ช่วยกำลังสาละวนกับการป้อนยาและทำแผลให้เด็กชายตัวอวบอ้วนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง ข้างๆ มีร่างของเด็กชายอีกคนที่รูปร่างหน้าตาเป็นพิมพ์เดียวกันกำลังจับมือคนเจ็บด้วยความเป็นห่วง “ท่านพ่อ!” เจ้าชายฝาแฝดอุทานขึ้นพร้อมกันเมื่อเห็นพระบิดา ก่อนที่คนเจ็บจะหลบสายตาวูบอย่างมีพิรุธ “อาการเป็นอย่างไรบ้าง?” พระองค์ทรงหันไปถามหมอหลวง “ทูลฝ่าบาท...แผลไม่ลึกมาก โดนปลายปากกาถากจนเลือดซิบเท่านั้น ที่เห็นสีแดงบนพระภูษาเพราะเลือดออกปนกับสีของครั่ง กระหม่อมได้ทายาสมุนไพรแก้แผลอักเสบแล้วพะยะค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นอะไรมาก” ฟาโรห์ทรงถอนพระทัย “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าขอคุยกับพวกเขาตามลำพัง” เหล่าทหาร หมอหลวง และข้ารับใช้ ต่างก็เคลื่อนตัวออกจากห้องบรรทมของเจ้าชายตามรับสั่ง ครั้นเมื่อไม่เหลือใครแล้ว พระองค์ก็นั่งลงข้างเตียงของพระโอรส “ข้าคิดว่าคนที่เจ็บตัวคือโอซิริสซะอีก เพราะเจ้าคือคนที่ต้องไปเรียนหนังสือ” พระองค์สบตากับแฝดผู้พี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเหลือบพระเนตรมองแฝดผู้น้องที่ทำหน้าจ๋อยๆ คล้ายจะสำนึกผิด “ส่วนเจ้า...ไมเซรินุส เจ้าต้องไปเรียนฟันดาบกับแม่ทัพฮูร์เร็ม เหตุใดจึงสลับตัวกันจนทำให้คนอื่นต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย” “ลูกบาดเจ็บนะท่านพ่อ” เจ้าชายน้อยตัดพ้อพระบิดาที่ไม่สนใจอาการเจ็บของตนเลย “แผลนั้นแค่ถากหน้าอกเท่านั้นเอง สีแดงที่เห็นก็เป็นสีวาดภาพ ไม่ใช่เลือดสักหน่อย” “แต่...แต่...ลูกมีแผลเป็นนะพะยะค่ะ” เด็กดื้อยังไม่ยอมแพ้ เปิดผ้าพันแผลให้บิดามองเห็นชัดๆ “ลูกมีแผลเป็น แต่อีกสองชีวิตอาจต้องถูกประหาร พวกเขากำลังถูกท่านมหาอุปราชไต่สวนความผิด” เมื่อได้ยินคำนี้ของพระบิดา ไมเซรินุสก็เบิกตากว้างด้วยความตระหนก ผวาลุกขึ้นจากเตียงลืมสิ้นว่าตนเองยังบาดเจ็บ “น้องจะลุกขึ้นมาทำไม?” โอซิริสดุน้องชาย “ท่านพ่อ! จะประหารไม่ได้นะพะยะค่ะ ลูกไม่ยอม เด็กนั่นเป็นของเล่นของลูก” กษัตริย์แห่งอียิปต์ทรงหลับพระเนตร อ่อนใจในความเกเรของพระโอรสคนรอง ที่มักจะหาเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้ามาให้อยู่บ่อยๆ ผิดกับโอซิริสแฝดผู้พี่ที่อยู่ในโอวาทเสมอ และมักจะโดนน้องขอร้องให้ทำอะไรแผลงๆ ตามไปด้วย ทั้งๆ ที่ร่างกายไม่แข็งแรงนัก เพราะเป็นฝาแฝด และมเหสีของพระองค์ทรงคลอดอย่างยากลำบาก สองชีวิต จึงถูกแลกด้วยหนึ่งชีวิตของผู้เป็นพระมารดา เด็กทั้งสองจึงกำพร้าตั้งแต่แรกเกิด และโอซิริสแฝดพี่ก็สุขภาพไม่ดีตั้งแต่เยาว์วัย ด้วยเหตุนี้ เจ้าชายโอซิริส จึงมุ่งสู่หนทางวิชาการ ส่วนไมเซรินุสแฝดน้องซึ่งมีนิสัยซุกซนมาตั้งแต่เล็ก ชอบชกต่อยและล่าสัตว์ จึงเริ่มเรียนศิลปะการต่อสู้ ไฉนเลยจึงแอบสลับเปลี่ยนตัวกันโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ “โอซิริส...กลับไปเรียนเหมือนเดิม ส่วนเจ้า...ไมเซรินุส...เจ้าถูกกักบริเวณจนกว่าแผลจะหายดี และห้ามไปที่นั่นอีกจนกว่าจะจบวิชาฟันดาบของเจ้า พ่ออนุญาตให้เรียนเขียนอ่านได้ แต่ต้องหลังจากที่พี่ชายของเจ้าเรียนจบเสียก่อน เพราะเจ้าสองคน จะอยู่นอกวังในสถานที่เดียวกันไม่ได้” “พะยะค่ะเสด็จพ่อ” โอซิริสรับคำก่อนเป็นคนแรก เพราะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าราชวงศ์ ไม่ควรจะปรากฏตัวในสถานที่เดียวกัน เพื่อความปลอดภัย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาและน้องชายที่เป็นสายเลือดโดยตรงของฟาโรห์ มีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา “แล้ว...เด็กคนนั้นล่ะพะยะค่ะ เสด็จพ่อจะลงโทษเขาหรือเปล่า?” ไมเซรินุสยังไม่ยอม “พ่อต้องกลับไปไต่สวนเสียก่อน ถ้าพบว่ามีเจตนาทำร้ายลูกจริง ก็ต้องลงโทษ” “ไม่นะ ทั้งหมดเป็นความประมาทของลูกเอง แต่เจ้านั่นก็มีส่วนผิดอยู่เหมือนกัน หม่อมฉันจะลงโทษมันเอง” ฟาโรห์อเมโนฟิสทรงขมวดคิ้ว เมื่อพระโอรสจอมซนเอ่ยเรียกเด็กคนนั้นว่า “เจ้านั่น” แต่ที่พระองค์ได้ยินเสียงร้องไห้ในวิหาร กลับ เป็นเสียงร้องของเด็กผู้หญิง ฤา ไมเซรินุสจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง... และที่สลับตัวกับพี่ชาย ก็คงเพราะต้องการเจอกับเด็กคนนั้น จึงตั้งใจที่จะจัดการเด็กเคราะห์ร้ายคนนั้นด้วยตนเอง แม้จะยังไม่เข้าใจ การกระทำของพระโอรส แต่ครั้นได้สบสายตาวิงวอนของไมเซรินุส พระองค์ก็ทรงตรัสกับเด็กดื้อในที่สุด “เอาเถอะ...พวกเจ้าพักผ่อนเสีย เรื่องที่เกิดขึ้นพ่อจะจัดการเอง” ทว่าคนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องโถงเล็ก ไม่มีวันรู้ชะตากรรมของตน ครูใหญ่ทำได้แค่เพียงกอดร่างเล็กๆ ไว้ในวงแขนอันสั่นเทา ขณะที่เด็กน้อยผู้เคราะห์ร้ายเหลือเพียงคราบน้ำตาติดแก้ม มหาอุปราชวัยสี่สิบปลายๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในที่นั่งสูงสุดติดกับเก้าอี้ทองคำของฟาโรห์ ภายหลังการไต่สวนคร่าวๆ ผ่านไปก็เหลือเพียงการรอคอยคำพิพากษา ผู้ที่สั่นคลอนความมั่นคงของอียิปต์ แม้จะเป็นเด็กตัวเล็กๆ ก็ไม่มีข้อยกเว้น “ท่านเอลลูส...เราได้ตัวบิดาของเด็กคนนี้มาแล้วครับ” “ให้เขาเข้ามา” มหาอุปราชผายมืออนุญาตให้ทหารนำบิดาของเด็กน้อยผู้ตกเป็นจำเลยเข้ามาได้ “อาเซน่า! ลูกพ่อ!” “พ่อจ๋า...” เด็กน้อยผวาเข้าไปหาบิดาที่อ้าแขนรับ แล้วร่างเล็กๆ ก็ถูกตวัดเข้าในวงแขน สองพ่อลูกสะอึกสะอื้นเมื่อความเลวร้ายมาเยือนเป็นครั้งแรกในชีวิต และการทำร้ายเจ้าชายแม้มิได้ตั้งใจ ก็ไม่มีหนทางให้แก้ตัวได้เลย “ฟาโรห์เสด็จแล้ว! ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องถอยไป”
已经是最新一章了
加载中