บทที่ 3 ถวายหัวใจ
1/
บทที่ 3 ถวายหัวใจ
เทพบุตรเงา
(
)
已经是第一章了
บทที่ 3 ถวายหัวใจ
เสียงทหารและเสียงย่ำเท้าจากข้างนอกแว่วเข้ามา อาเซน่าผวาเฮือก! ซุกอกบิดาร่ำไห้เงียบๆ เกรงว่าโทษทัณฑ์จะหนักกว่าเก่าหากส่งเสียงร้องออกไป กระนั้นสายตาก็ยังแอบมองคนที่กำลังเดินผ่านประตูเข้ามา ดวงตาของเด็กน้อยเบิกกว้างเมื่อได้เห็นพระพักตร์ของกษัตริย์ผู้ครองนครเมมฟิสเป็นครั้งแรก ในหยาดน้ำตายังมองเห็นบุคคลตรงหน้าเป็นเทพยดาลงมาจุติ เพราะคนที่ทำให้หวาดกลัวตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้านั้น หาใช่คนหน้าดุร่างยักษ์ดังที่วาดภาพไว้ แต่กลับเป็นกษัตริย์หนุ่มรูปงาม พระวรกายสูงใหญ่สะโอดสะอง พระพักตร์และพระเนตรก็ดูอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ “ถวายบังคมฝ่าบาท” คนทั้งห้องกล่าวขึ้นพร้อมกัน รวมทั้งจำเลยทั้งสามที่แนบศีรษะลงกับพื้น ขณะที่พระองค์เดินผ่าน อเมโนฟิสสบตากลมโตกับเด็กน้อยที่ผวาเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมอกพ่อแล้วยิ้มที่มุมปากนิดๆ ก่อนจะเดินไปนั่งยังเก้าอี้ทองคำ รับฟังรายงานการไต่สวนเบื้องต้นจากเอลลูส ทั่วทั้งห้องเงียบกริบ กระนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเสียงกระซิบของท่านมหาอุปราช แค่อึดใจเดียว พระองค์ก็หันกลับมาหาบุคคลทั้งสามที่ถูกควบคุมตัวอยู่กลางห้อง “เราได้รับฟังการไต่สวนจากท่านมหาอุปราชแล้ว อาเซน่ามีอะไรจะบอกเราไหม?” อาเซน่าสะดุ้งอีกครั้งเมื่อสุรเสียงก้องกังวานเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจเรียกชื่ออย่างอ่อนโยน หาได้มีท่าทีเกรี้ยวกราดดั่งที่พวกทหารกระทำ “หม่อมฉัน หม่อมฉันสะดุดขาล้ม จึงพลาดไปถูกเจ้าชายเพคะ” “ฝ่าบาท กระหม่อมผิดเองที่ไม่ระวัง” ครูใหญ่รีบออกรับแทนลูกศิษย์ แต่ก็ต้องหยุดเพียงแค่นั้นเพราะพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ห้าม “เราขอให้อาเซน่าตอบ เอ้า! เข้ามาใกล้ๆ เราหน่อย” “ไปสิลูก” บิดาของอาเซน่ากระซิบบอกบุตรสาว อาเซน่าหมอบคลานผ่านองครักษ์ทั้งหลายเข้าไปนั่งอยู่หน้าพระพักตร์ฟาโรห์ซึ่งทอดพระเนตรลงมา เธอนั่งตัวลีบรอฟังคำถามไม่กล้าขยับเขยื้อน “ได้ยินว่าพ่อของเจ้าเป็นคนตีดาบ เจ้าเป็นลูกคนเดียวหรือ?” “เพคะ” “เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะฝึกฝนตนในเรื่องงานบ้านงานครัวเพื่อที่จะเข้ามาเป็นหญิงรับใช้ในวัง ทำไมเจ้าจึงเลือกเรียนหนังสือล่ะ?” “หม่อมฉันอยากเป็นหมอเพคะ” “อย่างนั้นหรือ?” คำตอบนี้ทำให้พระองค์ทรงแปลกพระทัยเป็นอันมาก เพราะแม้ในยุคสมัยของพระองค์จะไม่ได้ปิดกั้นสตรี แต่หญิงสาวชาวอียิปต์ไม่มีใครสนใจการรักษาโรคมากนัก เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ถูกสอนให้เรียนรู้เรื่องงานบ้าน การทำครัว และอื่นๆ ที่จะสนับสนุนบุรุษอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นการที่เธอไปนั่งเรียนร่วมกับเด็กผู้ชายคนอื่นๆ จึงถูกไมเซรินุสเข้าใจผิดไปเต็มๆ พระองค์ทรงเข้าพระทัยแล้วว่าทำไมไมเซรินุส จึงกล่าวว่าเด็กคนนี้เป็นของเล่น คงเพราะรูปร่างผอมบางและผมหยักศกสั้นเหมือนเด็กผู้ชาย และพื้นเพที่มาจากชนชั้นกลาง บิดาเป็นช่างตีดาบ ทำให้ไมเซรินุสซึ่งสนใจเรื่องตีรันฟันแทง ตั้งใจจะให้เป็นลูกไล่ลูกชนนั่นเอง สงสัยเจ้าชายน้อยจะยังไม่รู้ว่าอาเซน่าเป็นผู้หญิง เพราะถ้ารู้ จะไม่มีวันเฉียดใกล้แน่ๆ “ขออนุญาตฟาโรห์ อาเซน่าเป็นเด็กหัวดีตั้งใจเรียนอย่างมาก กระหม่อมยืนยัน” ครูใหญ่รีบสนับสนุนเมื่อบรรยากาศเปลี่ยนไปในทางที่ดี “อย่างนั่นรึ? อาเซน่า เราชักอยากจะเห็นเจ้าเติบโตขึ้นมาเป็นหมอซะแล้วสิ”อเมโนฟิสวางมือลงบนศีรษะของเด็กหญิงด้วยพระเมตตา “บุตรชายของเราได้แผลเพียงเล็กน้อย เราเองก็ไม่ติดใจเอาความ น้อยคนนักที่สนใจจะเรียนเพื่อเป็นหมอ จากนี้ไปเราขอให้เจ้าจงตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และเติบโตขึ้นมาเพื่อทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ” “โอ ขอบพระทัยฟาโรห์” “ฟาโรห์ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ” ครูใหญ่และบิดาของอาเซน่าต่างก็สรรเสริญความดีของฟาโรห์ หากแต่อาเซน่ากลับก้มลงจูบฝ่าเท้าของพระองค์ รับรู้ถึงความอ่อนโยนจากฝ่ามือที่วางอยู่บนศีรษะ หัวใจอิ่มเอิบซาบซึ้งเหนือคำบรรยาย ทุกถ้อยคำจากพระสุรเสียงนั้นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ ไม่คิดฝันว่าจะได้เจอกษัตริย์ที่ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา นับจากวินาทีนั้น เด็กน้อยก็ตั้งปณิธานว่า จะจงรักภักดีต่อฟาโรห์อเมโนฟิสและตั้งใจเรียนเพื่อพระองค์ เช้าวันถัดมา อาเซน่าขอย้ายที่นั่งไปแถวหน้าสุด เพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าชายตัวปัญหาที่ทำให้เธอและพ่อ รวมทั้งครูใหญ่เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งในลานประหาร จำได้ว่าวันแรกที่มาเรียนหนังสือ เจ้าชายเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แม้จะไม่ค่อยคุยเล่นกับใคร แต่ก็ไม่เคยก่อกวนหรือชวนเธอออกจากห้องกลางคัน ทว่าในอีกสามวันต่อมา ชีวิตของเธอก็เริ่มต้นสู่ความวุ่นวาย เธอทำกระดาษปาปิรุสหล่นที่ไหนสักแห่ง เป็นภาพวาดแสดงการตีดาบ ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย ที่คนเก็บมันได้คือเจ้าชาย ในช่วงพักกลางวันที่เธอเดินกลับไปกินอาหารที่บ้าน เจ้าชายก็มักจะแอบหนีองครักษ์ตามไปด้วยเสมอ จากนั้นมา เธอก็มักจะถูกรบเร้าให้หนีเรียนไปกับเจ้าชายบ่อยๆ ไม่รู้ว่าพระองค์นึกสนุก เบื่อการเรียนหนังสือ หรือว่าสนใจใคร่รู้ในการตีดาบแบบจริงๆ จังๆ กันแน่ แต่มันทำให้เธอขาดสมาธิในการเรียนไปด้วย “อาเซน่า” เสียงอ่อนโยนทุ้มนุ่มของฟาโรห์ดังเข้ามาในห้วงคำนึง ภาพของท่านอเมโนฟิสผุดขึ้นมาแทนภาพเจ้าชายดื้อ เท้าของเธอแทบจะลอยขึ้นจากพื้นเมื่อนึกถึงพระองค์ ตอนแรกเด็กหญิงนึกว่าฟาโรห์คงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อหรือครูใหญ่ แต่พระองค์เพิ่งจะมีพระชนมายุเพียงสามสิบห้าชันษาเท่านั้น “ทรงเลี้ยงพระโอรสอย่างสามัญชน ให้พระโอรสสัมผัสชีวิตของประชาชนอย่างใกล้ชิดที่สุด เพื่อจะได้รู้ว่าพวกเรากินอยู่กันอย่างไร มีปัญหาอะไร และคิดอะไร เป็นการวางรากฐานของการขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรห์องค์ต่อไป” ครูใหญ่คุยกับพ่อระหว่างที่ออกจากวังเมื่อวานนี้ เธอซึ่งไม่เคยสนใจใคร่รู้เรื่องในรั้วในวังอันเป็นเรื่องไกลตัว กลับอยากที่จะรู้จักพระองค์ให้มากขึ้น “ฟาโรห์อเมโนฟิส” “เรียกเสด็จพ่อของเราทำไมหรือ?” เสียงข้างตัวทำให้อาเซน่าสะดุ้ง ไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอเรียกพระนามของฟาโรห์ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ยิ่งเมื่อเห็นหน้าของคนที่เอ่ยคำว่า “เสด็จพ่อ” ใบหน้าของเธอก็เผือดลงทันที “เจ้าชายไมเซรินุส แผล เอ่อ..” “ข้าไม่ใช่ไมเซรินุส ข้าชื่อโอซิริส เป็นพี่ชายฝาแฝดของเขา” โอซิริสยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กหญิง คงเพราะเธออายุน้อยกว่าพวกเขา ทั้งรูปร่างหน้าตาก็เหมือนคนขาดสารอาหาร ดูเป็นคนเงียบๆ ไม่ซุกซนเหมือนเด็กทั่วไป ไมเซรินุสคงคิดว่าจะควบคุมได้ง่ายๆ “ฝาแฝด...หรอกเหรอ?” แวบหนึ่งที่อาเซน่าตาพร่าไปชั่วขณะ เพราะรอยยิ้มบางๆ ของเด็กชายที่แม้จะเหมือนกันจนแยกไม่ออก ทว่าสิ่งหนึ่งที่เธอสัมผัสได้คือความอ่อนโยนนุ่มนวล มีความเป็นมิตรเช่นเดียวกับพระบิดาของเขา “ข้าหยุดเรียนไปหลายวัน ช่วยบอกได้ไหมว่าครูสอนอะไรบ้าง?” เจ้าชายโอซิริสอดขำไม่ได้ที่เด็กหญิงไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝด แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะเธอยังเล็กนัก คงไม่สนใจ “อะ...อ๋อ...ได้สิ” เด็กหญิงรีบคลี่กระดาษออกให้ดูการบ้านเก่าๆ ของเธอ เมื่อเขาชะโงกหน้ามาถามและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง นับจากวันนั้น อาเซน่าก็กลายเป็นเพื่อนคนแรกของเจ้าชาย ด้วยความที่ชอบร่ำเรียนเขียนอ่านเหมือนๆ กัน และด้วยเจ้าชายโอซิริสเองมิได้ถือพระองค์ ทำให้ชั้นเรียนกลับมาสงบสุขอีกครั้ง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 3 ถวายหัวใจ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A