บทที่ 4 มันเป็นของเราแล้วนะ
1/
บทที่ 4 มันเป็นของเราแล้วนะ
เทพบุตรเงา
(
)
已经是第一章了
บทที่ 4 มันเป็นของเราแล้วนะ
ทว่า อีกห้องเรียนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าใดนัก แม่ทัพฮูร์เร็มกลับต้องรับบทหนักในการฝึกวิชาฟันดาบให้กับเจ้าชายน้อยที่เอาจริงเอาจังถึงขั้นทำให้คู่ต่อสู้ในวัยเดียวกันบาดเจ็บกันถ้วนหน้า ไม่มีใครอยากเป็นคู่ซ้อมกับเจ้าชาย บางคนแกล้งป่วยเพื่อหนีพระองค์ ทำให้เจ้าชายไม่มีเพื่อนเลย “ไมเซรินุส ข้าได้ข่าวว่าเจ้าทำให้เพื่อนเจ็บตัวไปหลายคน นี่เป็นเพียงการซ้อมเท่านั้น หากไม่ยั้งมือเจ้าคงจะหาเพื่อนไม่ได้” ฟาโรห์อเมโนฟิสกล่าวตักเตือนพระโอรสขณะเสวยอาหารมื้อค่ำพร้อมหน้ากันสามพ่อลูก อ่อนพระทัยที่ฝาแฝดคู่นี้ต่างกันสุดขั้ว โดยเฉพาะคนน้องที่ชอบหาเรื่องเจ็บตัว หรือไม่ก็ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายจากความซุกซนของตนเอง “ข้าไม่ต้องการเพื่อนนี่ครับเสด็จพ่อ” เมื่ออยู่กันตามลำพังในครอบครัว เจ้าชายก็เปลี่ยนคำลงท้ายกับบิดาเสียใหม่ “ทำไมล่ะ?” ทรงฉงนเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับคำตอบเช่นนั้น “เสด็จพ่อเคยสอนหม่อมฉันเองนี่ครับ ว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร หม่อมฉันจึงตัดสินใจที่จะไม่มีเพื่อนเหมือนกับเสด็จพ่อ” “ใครบอกว่าพ่อไม่มีเพื่อน ท่านมหาอุปราชก็เป็นเพื่อน แม่ทัพฮูร์เร็มก็เป็นเพื่อน ถ้าไม่มีพวกเขา งานของพ่อก็คงไม่สำเร็จ พ่อคงปกครองประเทศนี้ไม่ได้โดยลำพัง ไม่มีใครที่จะทำการใหญ่สำเร็จได้โดยลำพังหรอกนะลูก โดยเฉพาะเมื่อพวกเจ้าเป็นเจ้าชาย เมื่อเติบโตขึ้น พวกเจ้าจะต้องเลือกคบเพื่อนที่จะมาเกื้อหนุนเรา” “ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันก็มีเพื่อนแล้วล่ะครับเสด็จพ่อ” โอซิริสรีบอวดพระบิดา “จริงรึ? ใครกันล่ะ?” ทรงให้ความสนพระทัยแก่ความตื่นเต้นของแฝดผู้พี่ที่ดูสดชื่นขึ้นมากในระยะหลังๆ “อาเซน่า เราเรียนหนังสือด้วยกันสนุกมากครับ ลายมือสวยมากด้วย” “อาเซน่า!” ไมเซรินุสอุทาน “เจ้าเด็กเหลือขอที่ทำให้ข้าเป็นแผลเป็นนี่น่ะหรือ แหวะ!” “ไมเซรินุส!” ฟาโรห์ทรงเรียกเสียงเขียว เมื่อเจ้าชายน้อยลืมตัวทำกิริยาที่ไม่เหมาะสมขณะเสวย ซ้ำยังเรียกอีกฝ่ายว่าเด็กเหลือขอ “พ่อรู้นะว่าเจ้ากลั่นแกล้งอาเซน่ายังไงบ้าง ที่เจ้าบาดเจ็บก็เพราะทำตัวเองทั้งนั้น ถ้าหากเจ้าไม่ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น พ่อจะไม่ให้เจ้าร่ำเรียนอะไรทั้งนั้น ให้เป็นเจ้าชายง่อยอยู่ในวังนี่ล่ะ เจ้าจะเป็นคนที่ไม่มีวิชาความรู้ ไม่มีทักษะในการต่อสู้ ไม่มีใครคบหาเจ้าอย่างจริงใจ เจ้าอยากเป็นคนประเภทนั้นไหมล่ะ?” “ไม่เอานะเสด็จพ่อ! ข้าไม่อยากเป็นง่อย” ไมเซรินุสลุกจากเก้าอี้เข้ามาเกาะแข้งเกาะขาพระบิดา “ถ้าอย่างนั้นก็จงตั้งใจทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี อย่าให้พ่อได้รับคำร้องเรียนจากพฤติกรรมของเจ้าอีก” “ครับ เสด็จพ่อ” เจ้าชายน้อยก้มหน้าหงอยๆ เดินคอตกกลับไปยังเก้าอี้ ลงมือเสวยอาหารค่ำที่แสนจะฝืดคอ รู้ดีว่าเสด็จพ่อเอาจริงไม่ใช่แค่ขู่ให้กลัว พระบิดาที่ใจดีเป็นที่สุด และมีท่าทีสุภาพนุ่มนวลที่สุด เมื่อยามเอาจริงขึ้นมาก็น่ากลัวที่สุด เขาเคยเห็นมาแล้วในตอนที่พระองค์ทรงออกว่าราชการ ตอนที่ทรงงานหนัก ตอนที่กลับมาจากสนามรบ ใครๆ ต่างก็เคารพยำเกรง กระนั้น ก่อนเสด็จกลับวิหาร เจ้าชายก็ทรงหูผึ่ง เมื่อได้ยินพระบิดาตรัสกับเสด็จพี่ว่าจะทรงออกเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านเกเซ ซึ่งเป็นสถานที่เรียนหนังสือของโอซิริส แถมคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินชื่อของอาเซน่าดังขึ้นมาแว่วๆ เสด็จพี่มีเพื่อนแล้ว แต่เขายังไม่มีใครเลยสักคน! อาเซน่ายังไม่ละมือจากพู่กัน แม้ว่าครูใหญ่จะปล่อยให้พักตามอัธยาศัย เพื่อนๆ หลายคนยังนั่งคัดตัวอักษรกันอยู่ และอีกหลายคนที่ลุกเดินออกจากศาลาเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ ในยามเย็นเช่นนี้สายลมพัดมาแผ่วๆ ช่วงปลายฝนต้นหนาวนี้จะได้กลิ่นของแม่น้ำไนล์เจือติดมาจางๆ เจ้าชายโอซิริสลุกจากที่นั่งไปได้สักพักแล้ว ดูท่าพระองค์คงจะไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงขออนุญาตครูใหญ่ออกไปสูดอากาศบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับเธอแต่อย่างใด ทั้งพระองค์ยังเป็นคนฉลาดมาก แม้จะขาดเรียนหลายวันแต่ก็สามารถจำตัวอักษรที่ครูใหญ่สอนได้หมด เธอก้มหน้าก้มตาอยู่กับพู่กันและกระดาษ ไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนมานั่งข้างๆ กระทั่งรู้สึกว่าถูกจ้องมองอยู่เงียบๆ จึงเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปหาเพราะคิดว่าเป็นเจ้าชายโอซิริส “เจ้าชายโอซิริส ข้านึกว่าท่านกลับไป แล้ว...” เด็กหญิงเสียงยานในคำสุดท้าย เมื่อคนที่เธอพูดด้วย ไม่ใช่เจ้าชายอย่างที่คิด แล้วดวงตาก็เบิกกว้างเป็นสองเท่าเมื่อคนๆ นั้นส่งยิ้มพร้อมกับใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากเบาๆ “อย่าเสียงดังไป เราอุตส่าห์ปลอมตัวแล้ว” ฟาโรห์อเมโนฟิสนั่งเท้าคางเอนตัวพิงเสาอย่างสบายอารมณ์ ทรงปลอมตัวด้วยการสวมผ้าคลุมสีทึมๆ ทับพระภูษาอีกชั้นหนึ่ง ผมยาวสวยถูกมัดด้วยเชือกเส้นเล็กๆ ไพล่ไปด้านหลัง แถมยังไม่ยอมให้องครักษ์เข้าใกล้มากเกินไปอีกด้วย อาเซน่าหันซ้ายหันขวา ครั้นไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจฟาโรห์ เธอก็คลายความตื่นเต้นลง กระนั้นมือไม้ก็ยังสั่นจนไม่สามารถเขียนตัวหนังสือต่อไปได้ “นี่คงเป็นผลงานของเจ้า...เขียนได้สวยมาก” พระองค์ทรงคลี่ม้วนกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะออกดู แล้วเอ่ยชมเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงเขียนได้สวยอย่างที่โอซิริสอวดจริงๆ “ขะ...ขอบพระทัย...เพคะ” เด็กหญิงก้มศีรษะปลกๆ เพราะที่นั่งคับแคบลงไปถนัดเมื่อคนตัวโตเข้ามานั่งด้วย “ลายมือสวยอย่างนี้ เขียนชื่อของเราบ้างสิ ลูกๆ ของเราด้วย เราจะเอาไปติดไว้ที่ผนังห้องนอน” “เพคะ” อาเซน่ารีบควานหากระดาษใหม่ แล้วกางลงบนโต๊ะ นับนกทีละตัวในใจเพื่อเรียกสมาธิ ฟาโรห์ให้ข้าเขียนชื่อของพระองค์ ถ้าเขียนไม่ถูก...ข้าอาจจะถูกตัดหัว แล้วถ้าเขียนไม่สวย พระองค์อาจจะไม่พอพระทัย “เราขอพักเหนื่อยสักครู่เถิดนะ เจ้าเขียนตามสบาย เสร็จเมื่อไหร่เรียกเราด้วย” อเมโนฟิสแสร้งหลับตาเมื่อเห็นเด็กหญิงนั่งตัวเกร็ง แต่ก็แอบลืมตาขึ้นมองเป็นพักๆ เด็กคนนี้ขยันขันแข็งและมีความคิดที่ลึกซึ้ง สตรีอียิปต์ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการสนับสนุนให้ร่ำเรียนหนังสือเพราะมีหน้าที่ในการดูแลบ้านเรือน หรือหากต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็ต้องเข้าโรงเรียนสอนความเป็นกุลสตรี ซึ่งเข้มงวดมากในเรื่องกิริยามารยาท การปรุงอาหาร และการดูแลเชื้อพระวงศ์ โอซิริสได้เพื่อนที่ดี และการมีเพื่อนเป็นชนชั้นล่าง จะทำให้เขารู้จักปรับตัว รู้จักความยากลำบาก และการแสวงหามิตรภาพจากบุคคลอื่น ด้วยความเหนื่อยล้าจากการออกพื้นที่มาทั้งวัน ทั้งสายลมเย็นเอื่อยที่พัดแผ่ว เสียงพูดคุยของเด็กๆ เสียงย่ำเท้า และเสียงตวัดพู่กันใกล้ตัวค่อยๆ เลือนไป อเมโนฟิสก็เผลอหลับไปจริงๆ อาเซน่าเข้าสู่ภวังค์ของเธอเอง จึงไม่ได้สังเกตว่าฟาโรห์หลับตาพริ้มไปแล้ว และไม่ทันรู้ตัวว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งกำลังจ้องมองด้วยความริษยาอาฆาต “ทีกับข้าล่ะก็ไม่อยากเล่นด้วย ข้าไม่เหมาะเป็นเพื่อนตรงไหน?” เจ้าชายไมเซรินุสขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่หลังพุ่มไม้ หมั่นไส้เจ้าเด็กหัวฟูที่นั่งเคียงข้างพระบิดา เจ้าเด็กนั่นมีอะไรดี ทั้งเสด็จพ่อและเสด็จพี่ ถึงได้นับเป็นเพื่อน จวบจนตะวันโพล้เพล้ อาเซน่าจึงได้วางมือ และเสียงพู่กันที่กระทบโต๊ะไม้ ก็ปลุกให้ฟาโรห์ลืมตาขึ้นมาด้วยเหมือนกัน “เราคงเหนื่อยจนหลับไป” อเมโนฟิสพูดกับตัวเองแล้วขยับตัวไล่ความง่วงงุน มองแผ่นกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความพึงพอใจ “ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ” ทรงหยิบผลงานของอาเซน่าขึ้นมาแล้วยึดเป็นของตน “มันเป็นของเราแล้วนะ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 4 มันเป็นของเราแล้วนะ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A