บทที่ 8 อย่าคิดฝันทำการใหญ่   1/    
已经是第一章了
บทที่ 8 อย่าคิดฝันทำการใหญ่
“เสด็จพ่อให้มาชวนเจ้าออกไปล่านกเป็ดน้ำด้วยกัน วันนี้ไม่ต้องอ่านหนังสือก็ได้กระมัง” เจ้าชายโอซิริสไม่พูดเปล่า แต่ยังช่วยเก็บหนังสือขึ้นวางบนชั้นไม้อย่างไม่ถือพระองค์ “หม่อมฉัน...” “อย่าปฏิเสธเลย ถ้าไม่มีเจ้าใครจะเป็นคู่แข่งพระองค์กันล่ะ กว่าจะเริ่มงานเลี้ยงต้อนรับไมเซรินุสก็อีกตั้งนาน หลังจากคืนนี้แล้วพวกเราต้องเตรียมงานใหญ่ คงไม่มีเวลาไปล่ามันด้วยกันแล้วล่ะ” เมื่อได้ยินว่า “งานใหญ่” อาเซน่าก็ถอนใจเฮือก ทั้งๆ ที่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอเจ้าชายโอซิริสพูดถึง เธอก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ ฟาโรห์จะออกล่านกเป็ดน้ำ หลังจากหยุดกิจกรรมนั้นมาตั้งแต่ฤดูน้ำหลาก การล่าที่ใช้ธนูเป็นอาวุธพระองค์ทรงโปรดปรานมากกว่ากิจกรรมประเภทอื่น และเธอก็มักจะได้รับเกียรติให้ร่วมแข่งขันด้วยทุกครั้ง ได้เห็นพระพักตร์แจ่มใสสดชื่นของพระองค์ในวันนี้ เธอก็ดีใจแล้ว แม้ว่าจะต้องทนกับแววตาอาฆาตของใครอีกคน ที่จงเกลียดจงชังเธอเข้ากระดูกดำก็ตาม ขบวนเรือพระที่นั่งลำเล็กพร้อมด้วยทหารอารักขาอีกสามลำเคลื่อนลงสู่แม่น้ำไนล์บริเวณหลังมหาวิหาร มุ่งหน้าสู่บึงใหญ่ที่เป็นแหล่งผันน้ำจากแม่น้ำลงสู่คูคลองส่งต่อไปยังพื้นที่การเกษตร ต้นปาปิรุสและต้นกกขึ้นรกชัฏ ปราศจากจระเข้แม่น้ำที่น่ากลัว จึงเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของฝูงนกเป็ดน้ำที่มักจะบินอพยพจากต้นน้ำมาที่นี่หลังฤดูน้ำหลาก ฟาโรห์และพระโอรสทั้งสองพระองค์ประทับอยู่บนเรือคนละลำ ส่วนอาเซน่าอยู่บนเรือลำเดียวกันกับจีซา บุตรชายคนโตของแม่ทัพฮูร์เร็ม ซึ่งรับหน้าที่เป็นหัวหน้าขบวนอารักขาพร้อมทหารอีกสิบนาย เรือแต่ละลำเริ่มหยุดการเคลื่อนไหว เมื่อเข้ามาใกล้ใจกลางบึงซึ่งฝูงนกเป็ดน้ำนับร้อยตัวกำลังไล่จิกปลาเป็นอาหาร บ้างก็บินถลาไปมา โดยไม่รู้ว่าอีกไม่นานพวกมันก็จะเป็นเหยื่อของมนุษย์เช่นกัน อเมโนฟิสยกธนูขึ้นก่อนเป็นปฐมฤกษ์ เล็งไปยังเป้าหมายขณะที่ทุกคนเงียบกริบ ปล่อยให้ลูกธนูลอยแหวกอากาศไปปักอยู่บนลำตัวเจ้าสัตว์เคราะห์ร้ายอย่างเหมาะเหม็ง ฟ้าว! พับๆๆๆ เท่านั้นเอง ฝูงนกเป็ดน้ำทั้งหลายก็ได้รู้ว่ามีอันตรายมาถึงตัว พวกมันพากันบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่ผู้ล่าทั้งสี่คน ต่างก็เล็งเป้ากันคนละตัวสองตัว ตุ้บ! ตุ้บ! พวกมันหล่นลงน้ำ พร้อมกับหยดเลือดสีแดงฉาน ณ ขณะนี้ไม่มีใครสะกดกลั้นเสียงของตัวเองได้อีกต่อไป ต่างพากันส่งเสียงเชียร์นักล่าในทีมของตนเต็มที่ “แข่งกันไหมเสด็จพี่! ใครได้ตัวใหญ่กว่าเป็นคนชนะ” เจ้าชายไมเซรินุสท้าดวลพี่ชาย ทรงลุกยืนขึ้นด้วยการทรงตัวที่ดีเลิศ ขาข้างหนึ่งก้าวไปข้างหน้า เงื้อเล็งคันศรด้วยท่วงท่าลีลางดงาม “เจ้าแข่งกับอาเซน่าดีกว่า นางฝีมือดีกว่าข้าอีก” เจ้าชายโอซิริสโบ้ยไปทางหญิงสาว “หม่อมฉันไม่แข่งกับผู้หญิงหรือคนที่ไม่ทัดเทียมกันพะยะค่ะ” “อาเซน่าไม่ใช่คู่แข่งของพวกเจ้าหรอก เธอเป็นคู่แข่งของเราต่างหากล่ะ” ฟาโรห์ตรัสยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าพระโอรสแฝดน้องตั้งป้อมรังเกียจหญิงสาวอย่างออกนอกหน้า “ครั้งนี้หม่อมฉันคงแพ้พระองค์แน่ๆ เพคะ” อาเซน่าหันมายิ้มหวานให้กับอเมโนฟิส “เจ้าก็อย่าออมมือให้เราสิ” ไมเซรินุสเหลือบมองพระบิดากับหญิงสาวพูดจาหยอกล้ออย่างสนิทสนมด้วยความแค้นเคือง ตอกย้ำข้อสันนิษฐานที่ว่าอาเซน่ากำลังพยายามไต่เต้าขึ้นมาเป็นพระมารดาเลี้ยงของเขา เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ผลการแข่งขันปรากฏว่าเจ้าชายโอซิริสยิงได้เพียงสามตัว ส่วนเจ้าชายไมเซรินุสพอไหวเพราะฝึกหนักมาแล้วทั้งดาบ ธนู และอาวุธอื่นๆ ถึงแม้ปากบอกว่าไม่อยากจะแข่ง แต่ครั้นฟาโรห์ยกย่องอาเซน่าอย่างออกหน้าออกตา ก็ไม่อยากจะเสียหน้าเหมือนกัน อาเซน่ามองนกเป็ดน้ำที่ตกลงในน้ำตัวแล้วตัวเล่าด้วยความสงสาร เมื่อมันบินหนีไปหมดแล้ว จีซาก็สั่งให้ทหารนับทีละตัว เพื่อตัดสินผลแพ้ชนะ “เจ้าชายโอซิริสสามตัว เจ้าชายไมเซรินุสเจ็ดตัวพะยะค่ะ” “หม่อมฉันได้น้อยที่สุดตามเคย” โอซิริสหัวเราะอารมณ์ดี “ของอาเซน่าเจ็ดตัว ของฟาโรห์หกตัวพะยะค่ะ” “อะไรกัน มีคนชนะข้าตั้งสองคนเชียวหรือนี่ อาเซน่าเจ้าได้น้อยเกินไปหรือเปล่า เรารู้สึกว่าเจ้าตั้งใจยิงไล่มันมากกว่านะ” ฟาโรห์ทรงสั่งฝีพายให้พายเรือเข้าไปหาพระโอรส เพื่อนับจำนวนนกเป็ดน้ำของแต่ละคนด้วยพระองค์เอง “หม่อมฉันทำสุดฝีมือแล้วเพคะ” หญิงสาวยิ้มพรายเมื่อพระองค์ทรงทักอย่างรู้ทัน เพราะเธอตั้งใจยิงพลาดเพื่อไล่พวกมันไปจริงๆ และยังต้องคอยนับด้วยว่าฟาโรห์ยิ่งได้กี่ตัวแล้ว เพื่อที่เธอจะได้เล็งเป้าไม่มากไม่น้อยกว่านั้นนัก แต่ไม่คิดว่าจะได้จำนวนเท่ากับของเจ้าชายไมเซรินุสพอดิบพอดี เธอหันไปมองเจ้าชายทั้งสองแล้วก็แทบจะหันกลับมาไม่ทัน เมื่อสบตาคมเข้มดุดันของเจ้าชายแฝดน้องที่จ้องมองอย่างจับผิดอยู่ก่อนแล้ว พลันเนื้อตัวก็ร้อนวูบวาบขึ้นมา ให้ตายสิ เธอกำลังถูกเจ้าชายจับตามองราวกับว่าเป็นตัวอันตรายที่ต้องถูกกำจัด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าชายน้อยยังผูกใจเจ็บและเคืองแค้นเธอมากขนาดไหน “ฟาโรห์ กระหม่อมได้ซากนกเป็ดน้ำครบทุกตัวแล้วพะยะค่ะ ขอเชิญเสด็จยังเรือพระที่นั่ง กระหม่อมจะต้องนำซากนกไปทิ้งก่อนจระเข้จะแห่กันมา” จีซาใช้ด้ามพายดันเรือของตัวเองออก เปิดทางให้เรือของฟาโรห์และเรือของพระโอรสทั้งสองหันหัวเรือออกไปก่อน เพราะขณะนี้เรือสำเภาลำเล็กจอดรออยู่ที่ปากแม่น้ำ “อาเซน่าเจ้ามานั่งกับข้าสิ จะได้ไปขึ้นเรือพร้อมกัน” เจ้าชายโอซิริสเอื้อเฟื้อ ครั้นเมื่อมองเรือแจวของตัวเองที่แคบเกินกว่าจะยัดคนลงไปได้อีก ก็ทรงหันไปทางเรือของแฝดน้องที่นั่งกันอยู่เพียงสองคน “หรือจะนั่งไปกับไมเซรินุสก่อนก็ได้” “เรือของหม่อมฉันนั่งได้เพียงสองคนเท่านั้นเสด็จพี่” ไมเซรินุสรีบปฏิเสธพี่ชายด้วยน้ำเสียงประชดประชัน พลางกางขายาวๆ ออกจนเต็มพื้นที่ เพื่อให้เห็นว่าเรือแจวของเขานั่งได้เพียงแค่นั้นจริงๆ “เสื้อผ้าของหม่อมฉันเปื้อนเลือดทั้งตัวเลยเพคะ คงไม่ดีแน่หากจะไปขึ้นเรือใหญ่ เดี๋ยวหม่อมฉันนั่งไปกับทหารเองเพคะ” หญิงสาวตัดปัญหาไม่ขึ้นเรือไปกับใครทั้งนั้น “ข้าจะต้องตามเสด็จ” จีซายังเป็นห่วง เพราะเขาต้องตามอารักขา ทั้งช่วงหัวค่ำเป็นช่วงน้ำขึ้น จระเข้ชุกชุมกว่าช่วงกลางวันมาก \"ไปเถอะ เราไปกับเรือเล็กตั้งหลายลำแถมหอกกับธนูอีกเต็มลำเรือ พ้นบึงนี้แล้วก็ปลอดภัย” ขณะที่เรือพระที่นั่งกำลังแล่นเข้าสู่เขตมหาวิหาร สายตาคู่หนึ่งก็กำลังจับจ้องทุกความเคลื่อนไหวก่อนที่งานเลี้ยงต้อนรับเจ้าชายน้อยแห่งเมมฟิสจะเริ่มขึ้น มีเวลาเตรียมการไม่นาน แต่หากผลของมันออกมาเป็นที่น่าพอใจย่อมคุ้มค่ากับการรอคอย หลังจากพลาดหวังด้วยวิธีการต่างๆ นานามาแล้วหลายครั้ง จนไม่คิดว่าจะมีโอกาสงามๆ เช่นนี้อีก จระเข้หิวโซถูกขังอยู่ในตาข่ายสองตัว เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยและดูเจตนามากเกินไป การปล่อยมันออกมาในช่วงแม่น้ำไนล์เอ่อล้นเข้าฝั่ง เป็นความสมเหตุสมผลและมีโอกาสที่จะล้มเหลวน้อยที่สุด เสียงสวบสาบด้านหลัง ทำให้เขาหันไปมองด้วยความระแวง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นพวกเดียวกันก็สอบถามความคืบหน้าของงานทันที “มาถึงกันหรือยัง?” “กำลัง” “เมื่อมาถึง น้ำก็ท่วมทางเดินที่เชื่อมมาวิหารพอดี เตรียมแผนสองไว้ด้วยเผื่อไม่สำเร็จ” “ดูจงใจเกินไป รอโอกาสหน้าดีกว่า จระเข้ตัวเขื่องสองตัว ดีไม่ดีอาจตายกันหมดทั้งสามคน” “ถ้าอย่างก็ไปที่นั่นได้แล้ว” ร่างท้วมเตี้ยภายใต้ชุดทหารแยกย้ายกันเคลื่อนตัวออกไป ปะปนอยู่กับทหารคนอื่นๆ ที่เดินตรวจตราความเรียบร้อย แล้วกลืนหายไปกับความมืด
已经是最新一章了
加载中