บทที่ 10 งานเลี้ยงกลายเป็นงานร้าย   1/    
已经是第一章了
บทที่ 10 งานเลี้ยงกลายเป็นงานร้าย
“เธอเป็นยังไงบ้าง?” “โดนหอกเฉี่ยวแขนและขา ศีรษะแตก กระหม่อมเย็บและทำแผลให้แล้วพะยะค่ะ” “พระโอสถที่เสด็จพ่อต้องเสวยล่ะ” “เรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ ทรงบรรทมแล้ว กระหม่อมขอตัวไปดูคนเจ็บ หากมีอะไรทรงเรียกกระหม่อมได้ตลอดเวลานะพะยะค่ะ” “อือ...” อาเซน่ารู้สึกว่าตัวเองส่งเสียงครางออกไป ทั้งยังได้ยินบทสนทนาแว่วๆ ก่อนที่พวกเขาจะเปิดประตูออกไป พยายามที่จะลืมตาขึ้นมองแต่ก็รู้สึกหนักอึ้งเหลือเกิน จำได้ว่าเธอพลัดตกจากทางเชื่อม ทั้งหอกทั้งขาและอาวุธต่างๆ ของคนที่ต่อสู้กับจระเข้เฉี่ยวเฉือนจนเจ็บไปทั่วร่าง ได้ยินเสียงร้องเรียก เสียงตะโกนอื้ออึง และก่อนที่จะจมน้ำตาย เจ้าชายก็ดำน้ำลงมาช่วย “เจ้าชาย...เจ้าชาย...” เธอยื่นมือไขว่คว้า คิดว่าถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ไม่รู้ว่าตัวเองตื่นหรือกำลังฝัน เพราะไม่นานนักฝ่ามือนั้นก็อุ่นซ่านขึ้นมาด้วยมือของใครอีกคนที่เกาะกุมมือของเธอไว้ “อาเซน่า...ตื่นสิ...เจ้าหลับนานเกินไปแล้วนะ” “เจ้าชาย...” เธอค่อยๆ ลืมตา เมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดหน้าผาก ทั้งเส้นผมยาวสลวยที่คลอเคลียผิวเนื้อ ก่อนใบหน้าคมเข้มจะฉายชัด “เจ้าหลับไปนานทีเดียว กินยาหน่อยนะเดี๋ยวเราป้อนเอง” เจ้าชายโอซิริสใช้มือข้างหนึ่งช้อนร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียง มืออีกข้างยกถ้วยยาต้มจ่อที่ริมฝีปากซีดของเธอ อาเซน่าเผยอริมฝีปากจิบยาโดยไม่ต้องถูกบังคับ เกรงใจที่ต้องให้เจ้าชายสูงศักดิ์มาปรนนิบัติทั้งๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่พระองค์จะต้องตระหนักเลยสักนิด เธอเหลือบมองรอบๆ ตัว และเพิ่งรู้ว่านอนอยู่ในห้องของตัวเอง ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเธอกับเจ้าชาย “ข้าให้ทหารพาเจ้ามาเอง เพราะคิดว่าเจ้าไม่อยากจะนอนในโรงหมอ คนของเรายืนเฝ้าอยู่ข้างนอก” “พวกเขา...เป็นยังไงบ้างเพคะ?” เธอถามถึงผู้ร่วมชะตากรรมอันโหดร้ายในสระมรณะ ภาพของทหารที่มีเลือดท่วมตัวยังติดตาและตามมาหลอกหลอน “ตายไปสาม...กว่าจะฆ่าจระเข้ได้ก็บาดเจ็บกันถ้วนหน้า ปกติมันไม่ดุร้ายขนาดนี้ นี่คงถูกปล่อยให้หิวโซก็เลยกินไม่เลือก” “ตายจริง! ทรงบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าเพคะ?” เธอนึกขึ้นได้ว่าเจ้าชายเองก็กระโดดลงไปช่วย ซึ่งเป็นการกระทำที่อันตรายเกินไป เพราะพระองค์ไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้ว “พอไหว แต่น้องของเราสิ...ได้แผลเต็มตัวเลย” “เจ้าชายไมเซรินุสน่ะหรือเพคะ?” ครานี้เธอตกใจมากขึ้นไปอีก คนที่เสี่ยงชีวิตช่วยเธอ...เป็นเขา? “นั่นน่ะ ฆ่ามันด้วยหอกด้ามเดียว แต่ก็โดนคมเขี้ยวหลายที่เหมือนกัน หมอหลวงกำลังทำแผลให้อยู่” ก๊อกๆๆ “เจ้าชาย...แม่ทัพฮูร์เร็มมีเรื่องด่วนขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ” จีซาโผล่หน้าเข้ามาหลังจากเคาะประตูให้สัญญาณ “ได้สิ ไปที่ห้องของเราเลย อาเซน่า...เจ้าเองก็พักผ่อนให้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงเสด็จพ่อ พรุ่งนี้เราจะมาเยี่ยมใหม่” เจ้าชายกำชับแล้วเสด็จออกจากห้องไปพร้อมกับจีซา หญิงสาวไม่อาจข่มตาให้หลับ เธอรู้ว่าอีกไม่กี่เพลาก็จะเป็นไข้เพราะพิษของบาดแผล แม้จะดื่มยาแล้วแต่ก็เป็นเพียงการบรรเทาอาการเท่านั้น เธอเป็นห่วงเจ้าชายไมเซรินุส ที่ดูจะเจ็บไม่น้อย เป็นถึงเจ้าชายไม่น่าบ้าบิ่นถึงขนาดกระโดดลงมาฟัดกับจระเข้เลย ไม่รู้หรือว่าชีวิตของตัวเองมีค่ามากแค่ไหน ที่ฟาโรห์ทรงรับสั่งให้กลับมาก็เพื่อ.... “เฮ้อ!” อาเซน่าถอนหายใจเสียงดัง ปวดศีรษะขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับพระองค์อีก ถ้าไม่เพราะคำขอร้องของฟาโรห์ เธอไม่มีวันเข้ามาอยู่ในรั้วในวังเป็นแน่ แล้วยิ่งต้องมาอยู่ใกล้ๆ กันกับคนที่เกลียดเธอเข้าไส้ ขนาดมองเห็นกันทั้งวัน เจ้าชายยังไม่ตรัสกับเธอสักคำ เธอเดินกระโผลกกระเผลกออกจากห้อง หมอพันผ้าให้อย่างดีเลือดจึงไม่ซึมออกมา กระนั้นก็ยังเคลื่อนไหวลำบาก เจ็บจี๊ดขึ้นมาเป็นระยะๆ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องไปเยี่ยมเจ้าชายให้ได้ หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้า เธอคงสลบไปนาน พระจันทร์จึงอยู่ตรงศีรษะพอดี ทว่าภายในวิหารก็แทบจะไม่มีใครหลับใครนอน เพราะเหตุการณ์ร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้การดูแลความปลอดภัยเข้มงวดกว่าเก่า และแม่ทัพฮูร์เร็มคงจะจับคนร้ายได้แล้ว จึงให้จีซามาทูลเชิญเจ้าชายโอซิริสไป งานเลี้ยงต้อนรับกลายเป็นงานอวมงคล หลายชีวิตต้องสังเวยในสระนั่น เธอคงไม่กล้าเดินเฉียดวิหารฝั่งทิศตะวันออกอีกนาน ภาพอันน่าสลดใจยังติดตาไม่หาย แค่เพียงคิดว่าหากผู้เคราะห์ร้ายเป็นฟาโรห์หรือเจ้าชายองค์ใดองค์หนึ่ง เธอก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ต้องมีใครมุ่งร้ายต่อพระองค์แน่ และพวกมันคงเป็นคนในที่รู้ว่าพระองค์จะต้องเสด็จผ่านสระน้ำ ที่ผ่านมามีการลอบปลงพระชนม์เกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดที่จะวางแผนได้เหมาะเจาะได้เท่าครั้งนี้ เธอพาตัวเองมาจนถึงหน้าวิหารของเจ้าชายแฝดน้อง ซึ่งอยู่ถัดจากวิหารของเจ้าชายโอซิริส กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ ทหารยามก็หันมาเห็นเสียก่อน “ท่านอาเซน่า...มาพบเจ้าชายหรือครับ?” “เอ่อ...เจ้าชายทรงบรรทมหรือยัง?” “ยังครับ หมอเพิ่งกลับไปเมื่อครู่นี้เอง เดี๋ยวข้าจะทูลพระองค์ให้ว่าท่านมาเยี่ยม” “อ๊ะ!” อาเซน่ายกมือห้าม แต่ก็ไม่ทันทหารผู้ว่องไวที่เดินหายเข้าในห้องบรรทมแล้ว เธอแค่อยากจะมาดูว่าทุกอย่างยังปกติดี และก็ได้เห็นแล้วว่าไม่มีอะไรน่าห่วง ไม่มีทางที่เจ้าชายจะให้เธอเข้าเฝ้าอยู่แล้ว เธอไม่อยากได้ยินคำพูดแดกดันจากพระองค์ในตอนนี้ด้วย ไม่รู้ทำไมฝาแฝดคู่นี้ถึงได้แตกต่างกันนัก และต่างก็มีในสิ่งที่อีกคนไม่มี เจ้าชายโอซิริสมีสติปัญญาปราดเปรื่อง เป็นคนอ่อนโยนเช่นเดียวกับพระบิดา แต่พระวรกายกลับด้อยกว่าเจ้าชายไมเซรินุส ซึ่งเพียบพร้อมด้วยชั้นเชิงในการต่อสู้และวางแผน ทว่าขาดความละเอียดอ่อนเป็นที่สุด คนที่ไม่รู้ว่ากำลังถูกเปรียบเทียบแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อทหารหน้าห้องแจ้งว่าหมอหลวงขอเข้ามาดูอาการ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งถูกจับทายาสมุนไพรและพันแผลตรงโน้นตรงนี้จนแทบจะกลายเป็นมัมมี่เดินได้อยู่แล้ว บาดแผลแค่นี้เล็กน้อยมากหากเทียบกับการอยู่ในสนามรบที่เทเบ มันน่ารำคาญก็ตรงที่ต้องทำตามคำสั่งหมอนี่ล่ะ เขาไม่ได้สนใจกับเสียงเปิดปิดประตู เพราะตะแคงหันหน้าไปทางหน้าต่างซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และคร้านจะพลิกตัวกลับไปกลับมา “จะทาจะพันตรงไหนก็ตามใจท่านแล้วกัน ข้าไม่มีแรงจะขยับตัวแล้ว” เจ้าชาย...ไม่มีแรงแม้จะขยับตัว!? อาเซน่ายกมืออุดปากด้วยความตระหนก ไม่คิดว่าเจ้าชายจะอาการหนักถึงเพียงนี้ และเมื่อมองพระวรกายของพระองค์จนถ้วนทั่ว เธอก็แทบจะร้องไห้ออกมา เพราะมีแต่รอยถลอกปอกเปิก เลือดซึมออกจากผ้าพันแผล พระองค์คงถูกงับตรงไหล่ เพราะหมอพันผ้าสอดผ่านรักแร้ขึ้นไป ดีแค่ไหนแล้วที่ไหล่ไม่หลุดแขนไม่ขาด ประเดี๋ยวอีกไม่นานก็คงจะไข้ขึ้น “หมอ...เอาผมของข้าออกให้ที” เจ้าทรายทรงผงกศีรษะขึ้นเพื่อให้หมอดึงผมยาวสลวยที่ถูกทับอยู่ออกไป หญิงสาวเดินเข้าไปชิดเตียง เอื้อมมืออันสั่นเทาทำตามที่รับสั่ง เมื่อมือสัมผัสกับเส้นผมนุ่มลื่นสลวยได้แล้ว เธอก็ค่อยๆ ดึงออกมาแล้วรวบเป็นกระจุกเดียวกันไว้ด้านหลัง คลายปมไว้หลวมๆ เผื่อจะทรงเปลี่ยนอิริยาบถ “มือเบาดี...ไม่เหมือนหมอคนเก่าข้าล่ะอยากจะไล่ออกไปนัก พันผ้าเสียแน่นรัดแผลไปหมด ท่านช่วยพันผ้าให้ข้าใหม่ด้วยก็แล้วกัน ทั้งตัวนั่นล่ะ ทำไปเลยข้าจะนอนแล้ว” เจ้าชายสั่งด้วยเสียงที่แผ่วลงๆ เพราะฤทธิ์ยาที่กินลงไปก่อนหน้าหลายขนาน ไม่อาจฝืนตัวเองได้อีก
已经是最新一章了
加载中