บทที่ 12 เป้าหมายของเจ้าคือใครกันแน่   1/    
已经是第一章了
บทที่ 12 เป้าหมายของเจ้าคือใครกันแน่
“เสด็จพ่อทรงเลือกเจ้าเป็นหมอประจำตัวโดยตรงเลยสินะ” เช้าชายไมเซรินุสทรงย้ำคำว่า “เลือก” เป็นพิเศษ เพราะเห็นเสด็จพ่ออ่อนโยนกับเธอเกินความจำเป็น แม้แต่พี่ชายฝาแฝดของเขาก็ปกป้องเธอออกนอกหน้าเช่นกัน เมื่อวาน...เสด็จพ่อเกือบจะลืมพระองค์ลงไปช่วยเธอ ดีแต่ท่านมหาอุปราชรั้งเอาไว้ได้ พอเขาถือหอกกระโดดลงไปสู้กับจระเข้ โอซิริสก็ไม่รีรอที่จะตามลงไปอีกคน กว่าจะฆ่ามันได้ พี่ชายของเขาก็พาเธอขึ้นไปปฐมพยาบาลแล้ว ท่าทีของทั้งสองคนทำให้เขาเดาไม่ออกว่าเธอมีจุดประสงค์อยู่ที่ใครกันแน่ เสด็จพ่อ ไม่เหลียวแลหญิงใดนับแต่เขาจำความได้ แต่กลับชุบเลี้ยงเธอถึงขั้นพาเข้ามาอยู่ตำหนักใน คงเพราะรักษาสัตย์ที่ให้ไว้กับเขา และเธอไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นราชินี จึงเป็นได้แค่นางบำเรอของพระองค์ ก็แล้วโอซิริสเล่า? มีความสัมพันธ์ฉันท์ใดกับเธอ จึงได้เสี่ยงชีวิตตัวเองขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเธอเป็นของเสด็จพ่อ “มีหมอหลายคนเพคะ แต่หม่อมฉันมีหน้าที่ถวายโอสถและดูแลพระองค์ทุกคืนก่อนบรรทม” “พอแล้ว!” “เพคะ” หญิงสาวผงะถอยออกห่างด้วยความตกใจ เมื่อเจ้าชายทรงตวาดเสียงดังลั่น ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เก็บชายผ้าพันแผลเลย “หยุดทำไมก็ทำต่อให้เสร็จสิ!” “ทรงตรัสว่าพอแล้วนี่เพคะ” “ให้เลิกพูดถึงเสด็จพ่อ...อย่าให้ได้ยินอีกเชียว ไม่งั้นเราจะหักคอเจ้า!” “เพคะ” อาเซน่าอยากจะกัดลิ้นตายหรือไม่ก็ให้เจ้าชายฆ่าเธอเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะถูกใจพระองค์ เดี๋ยวก็สั่ง เดี๋ยวก็ห้าม แถมตอนนี้ใกล้จะสว่างแล้ว หากใครเห็นเธอออกจากห้องบรรทมของเจ้าชาย จะเกิดข่าวลือในทางไม่ดีไม่งามขึ้น เจ้าชายทรงหันมองไปทางอื่น ไม่อยากเห็นหน้าหญิงสาวที่อยู่ห่างเขาเพียงแค่คืบ เธอต้องก้มๆ เงยๆ กับแผลที่ไหล่ มือบางนั้นก็เลยต้องสัมผัสถูกผิวเนื้อของเขาอย่างช่วยไม่ได้ เขาคงจะเป็นไข้ จึงรู้สึกว่าตัวร้อนผ่าว โดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเธอสัมผัส มันวูบวาบจนอยากจะผลักเธอออกไป แต่เขาก็ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ถ้าไม่ใช่เธอ หมอคนอื่นก็คงทำให้เขารู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เอาล่ะ...เธอเป็นหมอ หากเขาวู่วามกำจัดเธอออกจากชีวิตของเสด็จพ่อและเสด็จพี่ อาจกระทบถึงสุขภาพของทั้งสองพระองค์ ไม่แน่ว่าเธออาจใช้ยาเสน่ห์ทำให้พระองค์ลุ่มหลง เขาจะต้องจับตาดูและทำให้พระองค์ตาสว่างให้ได้ เจ้าชายไมเซรินุสดื่มพระโอสถแก้พิษไข้จนหลับไปอีกครั้ง ตอนแรกพระองค์คิดว่าคงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าสามวันจึงจะฟื้นตัว แต่พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้น พระองค์ก็ทรงลุกออกจากห้องบรรทมได้แล้ว ทั้งเสด็จพ่อและเสด็จพี่มิได้แวะมาเยี่ยมเลย จะมีก็แต่จีซาที่เข้ามารายงานความคืบหน้าเรื่องการไต่สวนนักโทษที่ถูกจับได้ในวันเกิดเหตุ ซึ่งมารู้ทีหลังว่า พวกมันแฝงตัวอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในได้สักพักหนึ่งแล้ว และรอเวลาลงมือแบบหวังผล คือตั้งใจจะฆ่าครอบครัวของเขาให้หมดในคราเดียว “ฝ่าบาท...กระหม่อมมีเรื่องด่วนจะกราบทูล” แม่ทัพฮูร์เร็มกับจีซาบุตรชายเดินหน้าขรึมเข้ามาขอเข้าเฝ้า ระหว่างสามพ่อลูกกำลังประชุมเครียดอยู่ในสวน “ท่านแม่ทัพ จีซา...นั่งก่อนสิ ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็เรากำลังคุยกันอยู่” อเมโนฟิสผายมือเชิญ เพราะรู้ว่าเรื่องที่แม่ทัพฮูร์เร็มจะพูดก็คือเรื่องของนักโทษที่ถูกจับได้นั่นเอง “พวกมันใช้เสื้อผ้าแขวนคอตายในห้องขังพะยะค่ะ” “อะไรนะ!?” ทั้งสามพระองค์อุทานขึ้นพร้อมกัน “เมื่อเช้า ทหารยามนำอาหารไปที่คุกใต้ดิน พบศพนักโทษทั้งสองรายแขวนคออยู่กับลูกกรงเหล็ก คาดว่าน่าจะตายตั้งแต่เที่ยงคืนพะยะค่ะ” “สอบสวนทหารยามหรือยัง?” “ท่านมหาอุปราชจะลงมาสอบสวนด้วยตัวเองพะยะค่ะ” “เสด็จพ่อ...ข้าว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน นี่อาจเป็นการฆ่าตัดตอนก็ได้นะครับ” เจ้าชายไมเซรินุสตั้งข้อสันนิษฐาน เรื่องเหล่านี้เดาได้ไม่ยากเลย ตอนที่ไปรักษาการอยู่ที่เทเบ ก็เจอมาแล้วทุกรูปแบบ “เสด็จพ่อ...ข้าก็คิดเหมือนไมเซรินุส ยังมีคนบงการอยู่ข้างในและอยู่ใกล้เรามากด้วยจึงรู้ความเคลื่อนไหวของเราทุกอย่าง และตั้งใจจะฆ่าพวกเราให้ตายพร้อมๆ กัน” เจ้าชายโอซิริสสนับสนุนพระอนุชา “คิดว่าเป็นคนของอดีตสังฆราชหรือเปล่า?” “ฟาโรห์... เท่าที่ข้าได้สัมผัสมา นี่ไม่ใช่วิธีของท่านสังฆราชเพราะโจ่งแจ้งเกินไป” แม่ทัพฮูร์เร็มไม่เห็นด้วย เพราะเขารู้จักชั้นเชิงของสังฆราชดีกว่าใคร จากแปดปีที่ร่วมกับเจ้าชายน้อยโค่นอำนาจมืดของชายคนนั้นจนไม่เหลือรากเหง้า “อาจมีใครจงใจทำให้เราไขว้เขว เพราะเป็นช่วงเวลาที่เจ้าชายเสด็จกลับจากเทเบพอดี” จีซาซึ่งอยู่ประจำเมืองหลวงตลอดตั้งข้อสังเกต ก่อนหน้าที่เจ้าชายไมเซรินุสจะเสด็จกลับมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเช่นนี้มาก่อน “ถ้าเป็นคนในแล้วใครกันล่ะ มีใครที่น่าสงสัยบ้าง?” ไมเซรินุสเหลือบมองคนนั้นทีคนนี้ที เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแปดปี จึงไม่รู้ว่าใครเป็นใคร นอกจากครอบครัวท่านมหาอุปราช แม่ทัพฮูร์เร็ม จีซา และทหารเก่าแก่ที่พอจะจำกันได้แล้ว ก็แทบจะไม่รู้จักใครอีกเลย “ตอนนี้มันคงระวังตัวมากขึ้นเพราะงานล้มเหลว พวกเราเองก็ต้องระวังตัวเองเหมือนกัน แต่งานทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไป ท่านแม่ทัพ...ยืนยันหมายกำหนดการที่จะไปเอ็ดฟูยังคงเดิม จีซา...เตรียมทหารหนึ่งกองร้อยไว้ให้พร้อม เราจะให้เจ้าติดตามไปด้วย” “พะยะค่ะ” แม่ทัพฮูร์เร็มและจีซาขานรับพร้อมกัน “เสด็จพ่อ...ยังไม่ได้บอกข้าเลยนะครับ ว่าเรียกข้ากลับจากเทเบเพราะอะไร หรือจะเกี่ยวพันกับการที่เราต้องเดินทางไปเอ็ดฟู” เจ้าชายน้อยกระซิบกระซาบกับพระบิดา หลังจากสองทหารกล้าออกไปแล้ว “พ่อตั้งใจว่าจะให้เจ้าพักผ่อนอยู่ที่นี่ไปสักระยะก่อน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็เห็นว่าจะต้องบอกเจ้าแล้วล่ะ” ทรงหันไปพูดกับพระโอรสหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจังมากขึ้น “เราจับชาวฮิตไทต์ที่ลักลอบเข้าไปปล้นเหมืองทองแดงได้จำนวนหนึ่ง พวกมันใช้ดาบที่ทำจากเหล็ก ซึ่งมีความแข็งแกร่งมาก ที่เหมืองมีแร่เหล็กอุดมสมบูรณ์ การที่ชาวฮิตไทต์ลอบเข้ามาแสดงว่าพวกมันอยากได้แร่เหล็กของเรา มันเป็นเรื่องสำคัญต่อประเทศของเรามาก พ่อจึงอยากจะพาพวกเจ้าไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง” “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการดี ข้าจะได้ใช้โอกาสนี้กำจัดหนอนที่แฝงตัวอยู่กับพวกเราแบบไม่ให้ผุดให้เกิดอีกเลย” ปังๆๆๆๆ เสียงเคาะประตูปึงปังดังถี่ๆ ทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มผวาลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ แม้คฤหาสน์หลังใหญ่ของเขาจะมีอาณาเขตรั้วรอบขอบชิด แต่การมีคนมาส่งเสียงดังยามวิกาล อาจทำให้ทหารแห่กันมาเพราะคิดว่าเกิดเหตุร้าย ดีไม่ดีจะส่อพิรุธถูกจับได้ก่อนงานจะสำเร็จ แกร็ก..... “ท่าน? ใครบอกให้มาเอาตอนนี้ ไม่ดูเวลาเสียบ้าง!” “ข้ามีเรื่องด่วน...ฟาโรห์ให้เตรียมทหารหนึ่งกองร้อยไปเอ็ดฟู ท่านทราบเรื่องหรือยัง?” ผู้ที่เข้ามายามวิกาลนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกโดยไม่สนใจท่าทีฉุนเฉียวหวาดระแวงของอีกฝ่าย “อะไรนะ!? บ้าฉิบ! นึกว่าจะทรงเลื่อนมันออกไปเสียอีก แล้วคนของเราที่ยังไปไม่ถึงล่ะ คงไม่พร้อมเป็นแน่...โธ่เอ๊ย! กะว่าจะถ่วงเวลาให้เจ้าชายพำนักอยู่ที่นี่ไปสักระยะ แล้วจะทำยังไงกันดี?” “ก็ต้องเร่งให้คนของเราเข้าไปแฝงตัวอยู่ที่นั่นให้ได้ก่อนขบวนทัพจะไปถึง ข้าขอเตือนว่าให้ระดมพลมือดีของเราทั้งหมด ระดับเจ้าชายไมเซรินุสไม่ใช่ธรรมดา”
已经是最新一章了
加载中