บทที่ 17 แกล้งหรือจริง?   1/    
已经是第一章了
บทที่ 17 แกล้งหรือจริง?
“ในสามวันนี้ เราจะต้องอยู่ด้วยกัน เจ้าจะต้องเป็นเมียเรา ได้ยินชัดไหม?” ทรงย้อนเสียงขุ่นเมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างของเธอ “อะ เอ่อ...คือ...หม่อมฉันคิดว่าพระองค์เกลียดผู้หญิง” “นี่เจ้าหาว่าเราเบี่ยงเบนหรือ? จะบอกให้นะ ที่เราเกลียดคือผู้หญิงขี้เหร่ และผู้หญิงที่ไร้ยางอายต่างหาก!” “ได้ข่าวว่าพระองค์ทรงปฏิเสธผู้หญิงทุกคนนี่เพคะ” “ช่วยไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมา เรายังไม่เห็นว่าจะมีใครคู่ควร แล้วที่เราเลือกเจ้ามาทำงานนี้ ก็เพราะรู้ว่าเจ้าไม่ได้มุ่งหวังในตัวเราเหมือนผู้หญิงคนอื่น อย่าสำคัญตัวเองผิดล่ะ” “เปล่าเพคะ หม่อมฉันมิได้คิดเช่นนั้น” “ดี และจงรู้ไว้ด้วยว่า ระหว่างที่เราต้องแกล้งเป็นผัวเมียกัน ถึงแม้เราจะต้องถูกเนื้อต้องตัวเจ้าบ้าง แต่นั่นก็เพื่อตบตาคนอื่นด้วยความฝืนทน ไม่ได้เป็นเพราะพิศวาสเจ้าแต่อย่างใด” “เพคะ หม่อมฉันเข้าใจดีเพคะ” เธอรีบตอบเอาใจ เมื่อเจ้าชายทรงจ้องมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยแววตาเดียดฉันท์ราวกับมองผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่ง เอาเถอะ เธอจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ลุล่วงเพื่อท่านอเมโนฟิส ส่วนเจ้าชาย...วางใจไปได้เปลาะหนึ่งว่าพระองค์จะต้องหาทางหลีกเลี่ยงเธอไปเองนั่นแหละ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องพัก อาเซน่าก็อึ้งกิมกี่ เพราะความวิจิตรงดงามและการประดับตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้ ทำให้ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้น น่าจะเป็นห้องสำหรับผู้หญิงเสียมากกว่าห้องของพ่อค้าเร่ทั่วไป เธอไม่คิดว่าเจ้าชายจะพอพระทัยเพราะมันดูกระจุ๋มกระจิ๋มไม่เหมาะกับชายชาตรีที่เกลียดสตรีเพศอย่างพระองค์เลยสักนิด แล้วนั่น มีเตียงเล็กๆ อยู่ที่มุมห้อง ก็เป็นเตียงสำหรับผู้หญิงอีกนั่นล่ะ คนตัวโตๆ ขายาวๆ อย่างเจ้าชายอาจจะนอนไม่สบาย แต่เธอก็ไม่คิดว่าเจ้าชายจะทรงบรรทมที่ไหนได้นอกจากบนเตียงนั้น ส่วนพื้นแข็งๆ ข้างล่าง ก็จะเป็นใครไม่ได้นอกจากเธอ “เหลือแต่ห้องแบบนี้ล่ะ ที่อื่นเต็มหมด” เจ้าชายโยนถุงสัมภาระลงพื้น ถอดชุดคลุมออกจากตัวแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงเป็นการจับจองที่หลับที่นอน มองหญิงสาวที่ยังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่กลางห้อง “ถอดชุดคลุมออกสิ จะนอนทั้งอย่างนั้นหรือ?” “เพคะ” ทรงส่ายพระพักตร์อย่างระอาที่เธอทำท่ากลัวไม่เข้าเรื่อง ทั้งๆ ที่ชินกับการอยู่กับผู้ชายสองต่อสองอยู่แล้ว ทั้งเสด็จพ่อและเสด็จพี่ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนโอซิริสอย่างกับแกะ แต่เธอซิเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัด เขาโยนผ้าผืนหนาลงไปกองที่พื้น ก่อนจะถอดรองเท้าแล้วล้มตัวลงนอน คลี่ผ้าห่มคลุมกายแล้วพลิกตะแคงหันหน้ามองหญิงสาวที่กำลังถอดผ้าอยู่ในความมืดสลัวอย่างพินิจพิเคราะห์ เธอกำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดใบหน้า ซึ่งเขามองเห็นแต่เพียงด้านข้าง ผมหยักศกสั้นรับกับใบหน้าเป็นอย่างดี แม้ไม่สวยหยาดเยิ้มหรือดูเป็นกุลสตรี แต่ก็ผุดผาดและดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง ทรวดทรงของเธอก็... สายตาของเขาไล่ลงมายังไหล่มน เธอก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อปลดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นเงานูนของทรวงอกที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป จึงไม่แปลกเลยที่เวลาเธอสวมชุดทหารแล้วใครๆ ก็แทบมองไม่ออกว่าเธอเป็นผู้หญิง เธอไม่มีพุง ไม่มีหน้าท้อง สะโพกและก้นงามงอนพอเหมาะไม่เหมือนผู้หญิงที่ผ่านมือผู้ชายมาแล้ว แต่ก็ใช่จะพิสูจน์ได้ว่าเธอยังบริสุทธิ์ เพราะเห็นกับตาว่าเธอออกมาจากห้องบรรทมของเสด็จพ่อกลางดึก ยังมีเสด็จพี่ที่ตามเทียวไล้เทียวขื่อและจะต้องเข้าพิธีแต่งงานกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เรียวขาใต้กางเกงผืนบางนั้นก็งามสมตัว ผิวสีน้ำผึ้งไร้การแต่งแต้มปะพรมน้ำหอมเหมือนผู้หญิงคนอื่น จะว่าไปแล้วอาเซน่าไม่ใช่คนชอบแต่งตัว เธอมักจะสวมชุดเรียบๆ สีขาวค่อนข้างมิดชิดพอสมควร เขาจึงไม่รู้สึกขวางหูขวางตาเท่าใดนักเวลาเธอเฉียดกรายเข้ามาใกล้ “เสร็จแล้วก็มานี่” “อุ๊ย!” อาเซน่าตกใจ เพราะนึกว่าเจ้าชายทรงบรรทมไปแล้ว “ตกใจทำไม ใครจะแอบมองเจ้ากันล่ะ” “เพคะ” เธอเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง สะลึมสะลือตาพร่าเพราะไข้ขึ้นอีกหน หลังฝืนห้อม้ามาค่อนคืน “เจ้าเป็นคนแรกที่ได้รับอนุญาตให้หายใจร่วมกับเราในเวลาส่วนตัว ในสามวันที่อยู่ร่วมกันเราจะอนุโลมให้ หากเจ้าจะเผลอมองรูปร่างของเราบ้าง นี่ไม่ใช่สิทธิพิเศษแต่เพื่อให้การอุปโลกน์สมจริง เข้าใจไหม?” กรี๊ด!! หญิงสาวอยากจะกรีดร้องให้หายอัดอั้นตันใจ ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเห็นใคร “หลงตัวเอง” อย่างเจ้าชายมาก่อนเลย อนุญาตให้หายใจบ้างล่ะ อนุโลมให้มองบ้างล่ะ ใช่ว่าเธออยากจะอยู่ใกล้ๆ ที่ไหนกันเล่า! นี่เจ้าชายไม่รู้พระองค์เลยหรือไร ว่าทำตัวแปลกประหลาดขนาดไหน ทั้งฟาโรห์และเจ้าชายโอซิริส ต่างก็มีนางกำนัลคอยดูแลตลอดเวลา ไม่ว่าจะยามหลับ ตื่น กิน นอน หรือแม้แต่ตอนอาบน้ำ ทั่วทั้งพระวรกายมิได้เป็นความลับอะไรเลย และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเธอด้วย เจ้าชายไม่เคยให้ทหารหรือนางกำนัลเข้าห้องขณะบรรทม ไม่เคยให้นางกำนัลสรงน้ำให้ ไม่เคยถอดพระภูษาต่อหน้าคนอื่น... หรือจะทรงมีปัญหาที่บอกใครไม่ได้ กับ...เจ้านั่น? ตายจริง! มันอาจจะเป็นปมด้อยอย่างเดียวของเจ้าชายที่มีรูปลักษณ์ภายนอกรูปงามแข็งแกร่ง อาจจะทรงอับอายหากใครไปเห็นเข้า? บอกตรงๆ เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับสัญลักษณ์แห่งบุรุษเพศ เพราะเคยเห็นมาแล้วทั้งของคนเป็นและคนตาย พวกนางกำนัลอาจจะนำมาซุบซิบพูดคุยกันอย่างสนุกปาก แต่สำหรับเธอมันก็แค่อวัยวะชิ้นหนึ่งเหมือนแขนเหมือนขานั่นล่ะ เธอพยายามแล้วที่จะเลี่ยง ไม่พบหน้า ไม่สนทนากับพระองค์ เพราะรู้ว่าทรงรังเกียจเดียดฉันท์ แต่ก็ดูเหมือนยิ่งต้องมาเกี่ยวข้องกันมากขึ้น นี่ถ้ารู้ว่าเธอจะก้าวขึ้นเป็นชายาของเจ้าชายโอซิริส เธอคงจะถูกเกลียดมากขึ้นไปอีก “เพคะ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ เธอก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำเหมือนทุกครั้ง ไม่ว่าจะรับสั่งอะไร ขอเพียงแต่ “เพคะ” และ “เพคะ” ไว้ก่อน เป็นดีที่สุด เธอถอนหายใจโล่งอก เมื่อพระองค์ทรงสะบัดผ้าห่มแล้วพลิกตัวนอนตะแคงหันไปทางผนัง จึงปูผ้าที่ถูกโยนลงมาเป็นที่นอน แล้วพับด้านบนให้หนาขึ้นใช้หนุนแทนหมอน ก่อนจะคลี่ผ้าห่มผืนหนาอีกผืนคลุมกาย เพราะพิษไข้ ความเหนื่อยล้าและไม่มีใครปลุกกลางดึก เธอจึงนอนหลับตั้งแต่หัวถึงหมอน หลับสนิทจนไม่รู้ว่าเช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าชายขวางโลกที่บรรทมอยู่ใกล้ๆ ทำอะไรแปลกๆ กับเธอบ้าง ขณะเดียวกันขบวนทัพหลวง ยังคงปักหลักอยู่ที่โอเอซิสเป็นวันที่สอง กระโจมกว่าสามสิบหลังขึงกางอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่ออารักขากระโจมสองหลังซึ่งเป็นที่ประทับของฟาโรห์และเจ้าชายโอซิริส ทหารถูกผลัดเปลี่ยนเวรยาม รวมทั้งพลธนูกับม้าเร็วที่ต้องอยู่ประจำทั้งแปดทิศ ในเช้าที่ยังไม่ต้องเดินทาง กิจกรรมของเหล่าบุรุษจึงหนีไม่พ้นการประลองต่างๆ ทั้งงัดข้อ ฟันดาบ และยิงธนู ไม่มีมือยิงหมายเลขหนึ่งอย่างอาเซน่า อเมโนฟิสก็เข้าร่วมแข่งขันด้วยเพื่อให้หายคิดถึง คิดเสียว่าแม้ไม่ได้เห็นตัวได้จับคันธนูเหมือนเธอก็ยังดี ทรงคัดค้านแต่แรกแล้วว่าให้ติดตามมาในฐานะหมอหลวง แต่เธอก็ยืนยันที่จะตามเสด็จในฐานะทหาร เพราะการเดินทางครั้งนี้ไม่มีนางกำนัลแม้แต่คนเดียว หน้าที่ในการถวายงานทั้งหมดเป็นของเหล่าบุรุษที่ทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการหุงหาอาหาร ทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถู เธอจึงไม่สะดวกใจที่จะตกเป็นเป้านิ่งของทุกคน ไมเซรินุสเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ตามแผนที่วางกันไว้ พรุ่งนี้โอซิริสกับเอลลูสก็จะแยกตัวออกไปเช่นกัน เอ็ดฟูยังอีกไกล ต้องเดินทางฝ่าทะเลทรายไปอีกไม่ต่ำกว่ายี่สิบวัน การที่เขาและเชื้อพระวงศ์จะถูกลอบทำร้ายจึงเป็นไปได้สูง
已经是最新一章了
加载中