บทที่ 6 เพื่อนเก่า   1/    
已经是第一章了
บทที่ 6 เพื่อนเก่า
บทที่ 6 เพื่อนเก่า แต่การที่จะพบ“ฉู่เจียวเจียว”คนนั้นที่ผมไม่รู้จักในเร็วๆนี้คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ผมเริ่มคิดถึงฉู่เจียวเจียวที่ผมรู้จักขึ้นมาแล้วสิ จึงได้หยิบมือถือขึ้นมาและกดโทรหาฉู่เจียวเจียว ก่อนเรียนจบพวกเราได้แลกเบอร์กันไว้ แต่เราก็ไม่เคยติดต่อกันมาก่อน ไม่ใช่ว่าไม่กล้าติดต่อ แต่เพราะหลังจากเรียนจบแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะคุยอะไรกันดี “ฮาโหล เฉินเฉียงหรือเปล่า ไม่ได้คุยกันตั้งนานเลย” ฉู่เจียวเจียวรับสายอย่างรวดเร็ว การที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้นของเธออีกครั้ง มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก จนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี “ฉันเอง ไม่ได้คุยกันตั้งนานเลย ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยู่ๆก็นึกถึงเธอขึ้นมา ก็เลยอยากคุยกับเธอ”ผมพูดไปอย่างเก้งก้าง น้ำเสียงของฉู่เจียวเจียวดูดีใจไม่น้อย เพราะเราไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้วจริงๆ แต่วินาทีต่อมาเธอกลับถามคำถามหนึ่งที่ทำให้ผมนิ่งเงียบไปเลย “ตอนนี้ฉันอยู่ในโรงเรียนที่ตอนนั้นเราบอกว่าจะสอบเข้าด้วยกันแล้วนะ แต่ทำไมฉันไม่พบนายในโรงเรียนเลยล่ะ ครูบอกว่าจากคะแนนสอบของนาย การจะเข้าโรงเรียนนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายมากนินา” ในน้ำเสียงของฉู่เจียวเจียว ผมฟังออกว่าเธอมีความเชื่อมั่นในตัวผมมาก เพราะเราได้เคยเรียนในห้องเดียวกันและพบกันทุกวันตั้งหนึ่งปี เธอก็ถือว่าค่อนข้างรู้จักผมดี และผมเองก็อยากไปในโรงเรียนที่เธออยู่มากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็นไปตามที่คิด หลายๆครั้งสิ่งที่ตัวเองอยากทำกับความเป็นจริงมันจะแตกต่างกันเสมอ สำหรับเรื่องสถานการณ์ภายในครอบครัวของผม ตอนที่ผมอยู่ม.ต้นก็เคยเล่าให้เธอฟังไปบ้าง แต่ในรายละเอียดปลีกย่อยนั้นเธอก็ไม่รู้ ผมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริงเธอได้ ฉู่เจียวเจียวเป็นคนที่ไว้ใจได้ ต่อให้รู้เรื่องพวกนั้นของผม เธอก็ไม่หัวเราะเยาะผมหรอก “ตอนแรกฉันก็ตั้งใจจะไปโรงเรียนนั้น แต่พ่อกับพี่เลี้ยงฉันไม่เห็นด้วย พ่อของฉันกะจะไม่ให้ฉันเรียนต่อด้วยซ้ำ ฉันก็เลยใช้ความตายมาขู่พวกเขา สุดท้ายพวกเขาจึงจำใจยอมให้ฉันเรียนต่อม.ปลาย แต่แม่เลี้ยงของฉันกลับกำหนดว่าต้องมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมห่วยแตกแห่งนี้ ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจ สุดท้ายก็ได้รู้ว่าที่เธอขายฉันมาอยู่ในโรงเรียนนี้ก็เพื่อทุนการศึกษาห้าหมื่นหยวน โรงเรียนที่ฉันอยู่ตอนนี้เป็นโรงเรียนขยะที่มีแต่พวกอันธพาล มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถอยู่ร่วมกับฉันดีๆได้ แต่คนที่รังแกฉันกลับมีไม่น้อยเลย...............” ผมพูดความในใจทั้งหมดออกมารวดเดียว คำพูดเหล่านี้เก็บไว้ในใจมานานมากแล้ว นานๆทีจะมีคนหนึ่งที่สามารถระบายได้ ผมก็ต้องไม่ปล่อยโอกาสอันล้ำค่านี้ไปอยู่แล้ว “ว่าไงนะ แม่เลี้ยงกับพ่อของนายถึงกลับร่วมมือกันทำเรื่องแบบนี้ ทำเกินไปจริงๆ นายวางใจเถอะ เรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันก็พอ ฉันจะชำระแค้นแทนนายเอง ส่วนนายแค่ตั้งใจเรียนก็พอ เด็กชนบทอย่างเราจะให้คนอื่นดูถูกไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวสองสามวันนี้ฉันจะหาโอกาสไปโรงเรียนของนายดู นายหยุดคิดมากได้แล้ว” ถึงแม้ว่าผมจะตื้นตันใจมาก ฉู่เจียวเจียวก็เหมือนเป็นพี่สาวคนหนึ่ง ผมดีใจมากที่เธอพูดคำพูดพวกนี้กับผม จึงได้กล่าวขอบคุณเธอไปหลายครั้ง ต่อด้วยพูดเรื่องจิปาถะอีกเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะกดวางสาย หลังวางสายแล้ว อารมณ์ของผมก็เริ่มสงบลง และนึกถึงเรื่องที่นัดผมพี่สะใภ้เอาไว้ในวันเสาร์ขึ้นมา พี่สะใภ้รับปากกับผมแล้วว่าวันเสาร์ผมสามารถมีอะไรกับเธอได้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ผมก็รู้สึกตื่นเต้นสุดๆ ตอนที่อยู่ในโรงเรียนเธอถึงกลับกล้าร่วมมือกับหวังเหล่ยมาทำร้ายผม วันเสาร์นี้ผมจะจัดการเธอ ให้เธอร้องครางสุดเสียงใต้ร่างของผม จากนั้นอัดวิดีโอความร่านของเธอเอาไว้ แค่คิดผมก็ตื่นเต้นแล้ว ผมเข้าไปดูคู่มืออำลาความพรหมจรรย์ของผู้ชาย ค้นดูอยู่หลายเว็บ จนจำสิ่งที่ควรจะทำเกือบทั้งหมดไว้ในใจแล้ว จากนั้นไปร้านของใช้สำหรับผู้ใหญ่อีกรอบหนึ่ง หลังจากได้เตรียมความพร้อมพอสมควรแล้ว ก็ได้ทำการปิดมือถือและเล่นเกมในร้านคอมต่อ พอตกดึกขณะที่หลับอยู่นั้น เหมือนว่าในร้านคอมจะเกิดเรื่องขึ้น พอผมลุกขึ้นมาดูก็พบว่ามีคนกำลังชกต่อยกันอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้วิ่งเข้าไปดู หลังจากถามคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ เหมือนว่าทะเลาะกันเพราะแย่งคอมกัน และหนึ่งในนั้นเหมือนจะมีคนนั้นที่พูดถึงฉู่เจียวเจียวในวันนี้ด้วย ผู้ดูแลร้านกำลังห้ามปรามอยู่ด้านข้าง ทว่ากลับไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย หลังจากชกต่อยกันอยู่พักหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างหน้าบวมเขียวช้ำเลือดอาบจมูกไปหมด ทว่ากลับยังไม่ยอมหยุด ทั้งคู่ต่างโทรศัพท์เรียกพวกของตนเองมา เหมือนจะนัดต่อยกันนอกร้านคอม จากนั้นผู้คนก็ได้แยกย้ายกัน ผมเองก็กลับไปนอนต่อ พอนอนไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงโครมครามดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนจะเป็นเสียงจากด้านนอก มีเสียงไม้เสียงเหล็กปะทะกันดังขึ้นเป็นระยะ ท่าทางดุเดือดมาก ตอนแรกผมก็ว่าจะออกไปดู แต่พอคิดไปคิดมา การยกพวกตีกันแบบนี้จะโดนลูกหลงได้ง่าย สมัยม.ต้น เพื่อนคนหนึ่งของผมโดนลูกหลงจนต้องหามส่งโรงพยาบาล ก็เพราะไปดูเขายกพวกตีกันนี่แหละ ทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาแท้ๆ แต่กลับถูกทั้งสองฝ่ายรุมตีจนขาหัก ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งเดือนกว่า หลังออกจากโรงพยาบาลขาก็ไม่ค่อยดีแล้ว เหมือนจะมีผลข้างเคียงอะไรนี่แหละ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่กล้าไปไทยมุงอะไรอีกเลย ผมก็ยิ่งไม่อยากเดินตามรอยเขา ผมสะลึมสะลือหลับไปอีกครั้ง ทีนี้หลับถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเลย เมื่อคืนตอนหลับผมได้ปิดเครื่องไป ตอนนี้พอเปิดมาดู ก็พบว่ามีแต่สายเรียกเข้าจากพี่สะใภ้ โทรเข้ามาตั้งสามสิบสายเต็มๆ รีบร้อนขนาดนี้เชียวหรือ ปกติไม่เห็นใส่ใจอะไรผมเลย อย่าว่าแต่โทรศัพท์มาหาเลย แค่ส่งข้อความมาก็เป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีเลย ครั้งนี้ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกแน่ๆ ถึงได้โทรเข้ามาหลายสายขนาดนี้ นอกจากสายเรียกเข้าจากพี่สะใภ้แล้ว ก็ยังมีข้อความอีกสองสามข้อความจากจ้าวชิงชิงด้วย ถามผมว่าปิดเครื่องทำไม เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า หากมีเรื่องอะไรต้องบอกเธอนะ ผมดูข้อความของจ้าวชิงชิงแล้วรู้สึกอบอุ่นมาก เธอยังคงเป็นห่วงผมมากมายขนาดนี้ แม้แต่ไก่อ่อนอย่างผมก็สามารถได้รับความห่วงใยขนาดนี้จากสาวสวยก็ถือว่าคุ้มแล้ว ผมได้รีบตอบข้อความเธอไปหลายข้อความ บอกเธอว่าตอนนี้ผมสบายดี แทบจะกินครูของพวกเราอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนประโยคหลังผมไม่ได้เขียนเข้าไปในข้อความ หลังส่งข้อความหาจ้าวชิงชิงเรียบร้อยแล้ว สายจากพี่สะใภ้ก็โทรเข้ามาอีกครั้ง ทันทีที่ผมกดปุ่มรับสาย เสียงของพี่สะใภ้ก็ดังขึ้นทันที “ฮาโหลเฉินเฉียงตอนนี้นายอยู่ไหน”พี่สะใภ้เอ่ยถาม “พี่ไม่ต้องสนใจว่าผมอยู่ที่ไหน พี่แค่รอผมที่บ้านพักของพี่ก็พอแล้ว ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ผมเอ่ยอย่างเยือกเย็น รับมือต่อผู้หญิงแบบนี้ จะไว้หน้าเธอมากไม่ได้ หลังพูดจบ ผมก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอโต้แย้งใดๆ ตัดสายทิ้งทันที จากนั้นก็ดื่มน้ำไปอึกหนึ่ง และดึงการ์ดออก ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูทางออกของร้านเกม หลังวางสายผมก็ออกมาจากร้านเกม วิ่งยองๆไปทางโรงเรียน สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่ประตูบ้านพักของพี่สะใภ้ ตลอดทางที่วิ่งมาในสมองผมเต็มไปด้วยภาพของพี่สะใภ้ที่นอนอยู่บนเตียง ผมเคาะห้องเธอครู่หนึ่ง และประตูก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ผมไม่ให้โอกาสในการพูดด้วยซ้ำ พุ่งเข้าใส่ร่างเธอทันที ก่อนจะใช้เท้าถีบประตูปิดลง
已经是最新一章了
加载中