บทที่ 9 เดินเที่ยวกับพี่สะใภ้   1/    
已经是第一章了
บทที่ 9 เดินเที่ยวกับพี่สะใภ้
บทที่ 9 เดินเที่ยวกับพี่สะใภ้ เมื่อมาถึงถนนใหญ่ ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะไปไหนดี หากผมมาคนเดียวก็คงจะเลือกไปร้านเกมมั้ง ใช้เวลาหนึ่งวันที่น่าเบื่อนี้ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ตอนนี้ข้างกายผมยังมีพี่สะใภ้อีกคน เดินอยู่กับผู้หญิงที่สวยขนาดนี้คนหนึ่ง ผมไม่รู้จริงๆว่าควรจะไปที่ไหนดี เรื่องแบบนี้ผมไม่มีประสบการณ์เลยสักนิด พี่สะใภ้ถามผมว่าจะซื้อเสื้อผ้าใช่ไหม จากนั้นก็จูงมือผมและเดินไปเลย โชคดีที่พี่สะใภ้ฉลาด เหมือนเธอจะมองความลำบากใจของผมออก จึงได้เป็นคนเริ่มคุยกับผมก่อน“งั้นไปดูเสื้อผ้าเป็นเพื่อนฉันละกัน ฉันกำลังอยากจะซื้อเสื้อผ้าอยู่พอดี” “อืม ไปดูเสื้อผ้าละกัน”ผมต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะนอกจากไปซื้อเสื้อผ้าผมก็ไม่รู้จะไปที่ไหนแล้ว หลังเดินไปราวครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงถนนการค้าที่คึกคักแห่งหนึ่ง พี่สะใภ้ดูเสื้อผ้าไปด้วย พูดเรื่องของเฉินจู้นไปด้วย “เฉินจู้นคนนี้นอกจากจะเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมแล้ว ยังแผนสูงมากด้วย นายอย่าไปต่อกรกับเขาเลย ไม่เช่นนั้นสุดท้ายคนที่เสียหายก็จะเป็นนายนะ” “ผมก็ไม่ได้อยากจะต่อกรกับเขา แต่เขาทำร้ายผมตั้งมากมายขนาดนั้น ผมจะทำใจอภัยให้ได้อย่างไร อีกอย่าง ต่อให้ผมไม่ทำอะไรเขา เขาจะยอมปล่อยผมไปงั้นหรือ แล้ววันนี้ผมยังทำให้เขาหัวแตกเลือดออกอีก เขายิ่งไม่มีทางปล่อยผมไปแน่”ผมพูดอย่างเอือมระอา “นายวางใจเถอะ เรื่องของนายฉันจะหาทางแก้ไขเอง แต่ไม่ว่ายังไง ช่วงนี้นายก็อย่าไปมีเรื่องกับเขาอีก เลี่ยงได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นเถอะ”พี่สะใภ้ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเอ่ยพูด ผมพยักหน้า ถือว่าได้รับปากเธอไปแล้ว อันที่จริงผมรู้ว่าเธอแค่กำลังปลอบใจผม ดูจากสถานการณ์วันนี้ ลำพังตัวเธอเองก็เอาไม่รอดแล้ว จะปกป้องผมได้อย่างไร แต่ที่เธอพูดแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงผม ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก “นายดูชุดนี้สิ เป็นไงสวยไหม”พี่สะใภ้หยิบชุดมาชุดหนึ่งพร้อมกับเอ่ยถามผม “สวยมาก ถ้าพี่ใส่ต้องสวยมากแน่ๆ”ผมรีบชม “พ่อหนุ่มปากหวาน อวยเก่งจริงๆ แต่ช่างเถอะ ฉันก็ว่าชุดนี้ไม่เลว งั้นเอาชุดนี้ละกัน”พี่สะใภ้พูด พลางยื่นชุดนั้นให้พนักงานเอาไปใส่ถุงให้เธอ จากนั้นเราก็ออกมาจากร้านนั้น เดินดูเสื้อผ้าอีกสักพัก พี่สะใภ้บอกว่าเหนื่อยแล้ว ไม่อยากซื้อเสื้อผ้าแล้ว จึงได้พาผมไปยังร้านกาแฟร้านหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้น ดื่มกาแฟไปครึ่งชั่วโมง ผ่อนคลายอารมณ์หน่อย หลังดื่มกาแฟเสร็จ เราก็ไปดูหนังต่อ ช่างเหมือนสิ่งที่คู่รักทั่วไปเขาทำกันจริงๆ หนังเรื่องนั้นที่ดูเป็นหนังสยองขวัญ พี่สะใภ้กำมือผมไว้แน่นตลอดทั้งเรื่องเลย ตอนที่ดูหนังจบก็ปาไปบ่ายสองกว่าแล้ว ทันทีที่ผมเดินออกมาจากโรงหนัง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นแล้ว พอผมหยิบมาเปิดดู ก็พบข้อความจากฉู่เจียวเจียว เนื้อหาในข้อความสั่นๆง่ายๆ มีเพียงประโยคเดียว บอกผมว่ามีอะไรก็ให้ติดต่อหาคนที่ชื่อเฉินห้าว หลังข้อความยังแนบเบอร์โทรและชั้นเรียนของเขามาด้วย เขาอยู่ข้างห้องผมนี่เอง ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดไรมาก ไปเดินเล่นกับพี่สะใภ้ต่อ จนค่ำแล้วพวกเราจึงกลับไปด้วยกัน แต่คิดไม่ถึงว่าเวลานี้กลับได้รับโทรศัพท์อีกสายหนึ่ง เป็นสายจากจ้าวชิงชิง ขณะที่รับสายนั้นผมมาถึงหน้าโรงเรียนพอดี “ฮาโหล ชิงชิงใช่ไหม มีอะไรหรือเปล่า” “เฉินเฉียงนายไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม นายระวังหน่อยนะ หวังเหล่ยเรียกพวกมาเยอะมาก ต้องมาจัดการนายแน่ๆ นายห้ามกลับมาเด็ดขาดนะ ไม่อย่างนั้นต้องเกิดเรื่องแน่ๆ จำไว้นะ”จ้าวชิงชิงเอ่ยอย่างร้อนรน ผมตะลึงงันไปเลย ไอ้หมอนี่เรียกพวกมาจัดการผมเร็วขนาดนี้เลย บัดซบ เห็นทีต้องรีบหาทางเอาตัวรอดสักแล้ว “ฉันรู้แล้ว ขอบใจเธอมาก ฉันจะระวัง”ผมตอบกลับจ้าวชิงชิงไปประโยคหนึ่ง ก่อนจะกดวางสาย หลังวางสายแล้ว ผมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจจะบอกพี่สะใภ้ไป ตอนนี้ผมค่อนข้างไว้ใจพี่สะใภ้ เพราะยังไงเธอก็ไม่ทำร้ายผมอีกแล้ว แต่เรื่องแบบนี้เธอเองก็จัดการไม่ได้ ผมคิดว่าหาคนอื่นดีกว่า หลังจากเดินเข้ามาในโรงเรียน พี่สะใภ้ก็ไปที่ห้องพักครู และยังกำชับให้ผมตั้งใจเรียนด้วย ผมพยักหน้ารับ ทว่าไม่ได้ไปห้องเรียน แต่ไปหาเฉินห้าวที่ห้องข้างๆก่อน ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับสิ่งที่ฉู่เจียวเจียวบอก แต่ผมก็ตัดสินใจเชื่อเธอ สมัยม.ต้นเธอดูแลผมมาโดยตลอด ไม่เคยหลอกผมมาก่อน ผมเชื่อว่าครั้งนี้ก็เหมือนกัน ในเมื่อเธอบอกว่าเฉินห้าวไว้ใจได้ งั้นผมก็ไปให้เฉินห้าวมาช่วยดีกว่า เมื่อมาถึงห้องข้างๆ ผมได้ถามนักเรียนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างประตู บอกว่าผมมาหาเฉินห้าว ผมเขาว่าคือคนไหน นักเรียนคนนั้นมองหน้าผมแว๊บหนึ่ง เหมือนกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่าง หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันไปหานักเรียนคนหนึ่งในห้องที่มีรูปร่างสูงใหญ่ พลางร้องขึ้น“พี่ห้าว มีคนมาหาพี่” เมื่อนักเรียนคนนั้นได้ยิน ก็เดินออกมาจากห้องเรียน พร้อมกับมีเพื่อนอีกสองคนตามติดมาด้วย ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีฐานะ ท่าทางฉู่เจียวเจียวไม่ได้หลอกผมจริงๆ เฉินห้าวคนนี้เป็นคนที่ไว้ใจได้และมีฝีมือด้วย แต่ผมแปลกใจจริงๆว่าฉู่เจียวเจียวเป็นอะไรกับเขา ทำไมผู้หญิงเรียบร้อยอย่างเธอถึงได้รู้จักคนอันธพาลอย่างเฉินห้าวได้ ไม่เข้าใจเลย และตอนนี้ก็ไม่มีเวลาคิดแล้วด้วย “ฉันคือเฉินห้าว นายเป็นใคร”เฉินห้าวมองหน้าผมพร้อมเอ่ยถาม ในน้ำเสียงปนไปด้วยความดูถูกเล็กน้อย “ฉันชื่อเฉินเฉียง ฉู่เจียวเจียวบอกให้ฉันมาหานาย มีเรื่องอยากรบกวนนายหน่อย”ผมรีบเอ่ย “ฉู่เจียวเจียว?นายคือไอ้น้องเฉินเฉียงนี่เอง ขอโทษที่เสียมารยาทนะ นายก็คือน้องชายของพี่เจียวนี่เอง วางใจเถอะ น้องชายของพี่เจียวก็คือน้องชายของฉัน น้องชายของพี่เจียวมีเรื่องก็เหมือนฉันมีเรื่อง ไม่ว่าปัญหาอะไรพี่ชายของนายก็จะช่วยนายจัดการให้หมด”ทันทีที่เฉินห้าวได้ยินฉู่เจียวเจียวสามคำนี้ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคารพขึ้นมาทันที ราวกับหนูเจอแมวยังไงยังงั้น “จริงหรือ แต่เรื่องบางเรื่องฉันเกรงว่านายจะจัดการให้ไม่ได้ เพราะมีคนที่เก่งมากคนหนึ่งเรียกพวกจะมาทำร้ายฉัน”ผมแสร้งทำเป็นลังเลพร้อมพูดกับเขา เพื่อกระตุ้นเขา “ล้อเล่นนา ในโรงเรียนนี้มีเรื่องที่คนอย่างฉันจัดการไม่ได้อีกงั้นหรือ มันอยู่ไหน นายพาฉันไปหามันได้เลย ถ้ามันกล้าทำอะไรนายล่ะก็ วันนี้ฉันนี่แหละจะส่งมันไปพบยมบาลเอง”เฉินห้าวพูดอย่างเกรียงไกรสุดๆ เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ผมก็สบายใจแล้ว เห็นทีแผนการกระตุ้นของผมได้ผลมากทีเดียว ผมจึงได้เล่าเรื่องของหวังเหล่ยให้เขาฟัง ในระดับชั้นของพวกเราหวังเหล่ยก็ถือว่ามีชื่อเสียงพอสมควร เฉินห้าวก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว แต่ที่เหนือความคาดคิดของผมก็คือ หลังจากที่เฉินห้าวได้ฟังเรื่องของเขาแล้ว กลับไม่ได้สูญเสียความมั่นใจเลยสักนิด ทั้งยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ บอกผมว่ากลับไปได้เลย เมื่อไปถึงที่ห้อง เขาจะช่วยผมจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว “อย่าว่าแต่หวังเหล่ยคนเดียวเลย ต่อให้มีหวังเหล่ยอีกสามคนฉันก็ไม่เห็นมันในสายตาหรอก ไอ้กระจอกนี่มันใจกล้าจริงๆ แม้แต่คนของพี่เจียวมันก็ยังกล้ามาแตะต้อง เห็นทีฉันต้องแสดงฝีมือให้มันดูหน่อยสักแล้ว”เฉินห้าวพูดอย่างเกรียงไกรสุดๆ ก่อนจะกลับไปที่ห้องเรียนพร้อมกับผม
已经是最新一章了
加载中