บทที่ 10 ฝีมือของเฉินห้าว   1/    
已经是第一章了
บทที่ 10 ฝีมือของเฉินห้าว
บทที่ 10 ฝีมือของเฉินห้าว เมื่อผมกับเฉินห้าวกลับไปถึงที่ห้องเรียน ก็พบว่าห้องเรียนวุ่นวายไปหมด พวกเพื่อนๆต่างล้อมวงกันไว้ พอผมแหวกฝูงชนเข้าไปดู ก็พบหวังเหล่ยกำลังหยอกเย้าผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ มือไม้ลูบไล้ไปทั่ว ผู้หญิงคนนั้นกลัวจนห่อตัวอยู่ในมุมห้อง แต่ก็ไม่กล้าหนีไป “หวังเหล่ย หยุดเดี๋ยวนี้”เมื่อมีเฉินห้าวเป็นพวก ผมก็ไม่กลัวหวังเหล่ยอีกแล้ว “เฉินเฉียงมึงมาจนได้ มึงใจกล้าไม่เบาเลยนิ ถึงกับกล้าบอกให้กูหยุด คงไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วจริงๆ กูกำลังตามหามึงอยู่พอดี นายกลับมาหาถึงที่ด้วยตัวเองแล้ว”ทันทีที่หวังเหล่ยเห็นผม ก็รีบเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางซ่าสุดๆ “หึ วันนี้ฉันไม่ได้มาเพื่อถูกตีหรอกนะ แน่จริงนายก็ลงมือสิ ดูสิว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้พ่ายแพ้”เนื่องจากผมมีเฉินห้าวคอยหนุนหลัง ดังนั้นตอนนี้ผมไม่กลัวเขาด้วยซ้ำ “เฉินห้าว?นายคงไม่คิดว่าเฉินห้าวจะช่วยนายหรอกนะ เฉินห้าวนายมาได้เวลาพอดี ไอ้หมอนี่มันก่อเรื่องไว้กับฉัน ช่วยสั่งสอนมันแทนฉันหน่อย”เมื่อหวังเหล่ยเห็นเฉินห้าวที่อยู่ด้านหลัง ทว่าก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ แต่กลับพูดเช่นนี้กับเฉินห้าวที่อยู่ด้านหลังผม ผมตะลึงงัน นึกไม่ถึงว่า เฉินห้าวจะเป็นพวกเดียวกับหวังเหล่ย ผมมองไปยังเฉินห้าว สีหน้าของเฉินห้าวไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่ได้ลงมือทำร้ายผมด้วย ไม่รู้ว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่ “ขอโทษด้วยหวังเหล่ย เรื่องนี้ฉันทำตามที่นายบอกไม่ได้ นายรู้ไหมว่าหมอนี้เป็นใคร เขาเป็นน้องชายของพี่เจียว ฉันไม่มีทางทำร้ายเขาแน่ แต่ถ้านายคิดจะทำอะไรเขา ก็ขอให้คิดให้ดีก็แล้วกัน”เฉินห้าวพูดอย่างสงบนิ่ง “อะไรนะ นายบอกว่าเขาเป็นน้องชายของพี่เจียว เขาแซ่เฉินไม่ใช่หรือ จะเป็นน้องชายของพี่เจียวได้ไง”หวังเหล่ยชะงักไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถามขึ้นด้วยท่าทางไม่เชื่อ “เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ แต่พี่เจียวได้โทรศัพท์มาหาฉันด้วยตัวเอง บอกกับฉันด้วยตัวเองแบบนี้ ต่อให้ไม่ใช่น้องแท้ๆ ก็คงเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมาก นายลองคิดดูดีๆเองเถอะ”เฉินห้าวเอ่ยพลางสายตาก็จ้องหวังเหล่ยนิ่ง หวังเหล่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง แต่เหมือนว่ายังไม่ตายใจ พูดกับเฉินห้าวต่อ“ต่อให้มันมีความเกี่ยวข้องกับพี่เจียวจริงๆก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ฉันต้องจัดการมัน ฉันเรียกพวกมาเรียบร้อยแล้ว ฉันอยู่ในวงการนี้มานานขนาดนี้ ไม่เคยถูกใครทำแบบนี้มาก่อน นายรู้ไหมว่าเมื่อวานมันทำอะไรฉัน มันใช้เก้าอี้ฟาดหัวฉันจนแตก หากไม่ใช่เพราะฉันหนังเหนียว ป่านนี้คงนอนหยดน้ำเกลืออยู่ในโรงพยาบาลแล้ว สรุปก็คือตอนนี้ต่อให้ใครหน้าไหนมาพูดอะไรก็ไม่ได้ผล” “เรื่องก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้เรื่อง แต่ตอนนี้นายไว้หน้าฉันหน่อย เรื่องนี้ให้มันจบแค่นี้ ทุกคนจับมือดีกันเถอะ”เฉินห้าวยังคงพูดต่อ “จับมือดีกัน เป็นไปไม่ได้”หวังเหล่ยปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว “เป็นไปไม่ได้ใช่ไหม งั้นคำนี้นายเก็บไว้พูดกับพี่เจียวเถอะ ตอนนี้ฉันขอประกาศไว้ตรงนี้เลย ต่อไปถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นนายก็ไปจัดการเองละกัน ถ้าพี่เจียวโกรธขึ้นมา นายก็ไปรับมือกับมันเองเถอะ”เฉินห้าวก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น หลังจากที่หวังเหล่ยได้ฟังดังนั้น ก็เกิดกลัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้พูดตอบอะไร ละสายตาจากเฉินห้าวมาอยู่ที่ผม จ้องผมนิ่ง “นายไม่ต้องมองหน้าฉัน เรื่องระหว่างเราไม่จบง่ายๆแค่นี้แน่ ถ้านายฆ่าฉันไม่ได้ ฉันนี่แหละเอานายตายแน่” ทันทีที่หวังเหล่ยได้ฟังประโยคนี้ก็ปรี๊ดขึ้นมา พุ่งตรงเข้ามาหาผมทันที แต่กลับถูกเฉินห้าวขวางเอาไว้ หวังเหล่ยก็ไม่กล้าทำอะไรเขา ได้แต่รามือไปก่อน หวังเหล่ยมองมายังผมอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ย“เฉินเฉียง แน่จริงมึงก็ออกมาสิ เรามาดวลกันตัวต่อตัว ถ้าแพ้มึงก็ไสหัวออกไปจากโรงเรียนนี้ และอย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีก ” “ตกลง ถ้าฉันชนะนายก็ห้ามไปวุ่นวายกับจ้าวชิงชิงและเพื่อนๆคนอื่นอีก และอย่าไปยุ่งกับพี่สะใภ้ฉันด้วย”ผมเอ่ยอย่างไม่มีทีท่าอ่อนข้อแม้แต่น้อย เมื่อเฉินห้าวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รู้ว่าตอนนี้ห้ามพวกเราไม่อยู่แล้ว หากเป็นการรุมเขายังพอพูดอะไรได้บ้าง แต่การท้าดวลตัวต่อตัวเป็นเรื่องของคนสองคน เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างอยากต่อสู้ เขาเองก็ห้ามไม่อยู่แล้ว ได้แต่ถอยออกไปจากตรงกลางระหว่างพวกเรา ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆทีหนึ่ง จ้องหวังเหล่ยนิ่ง เตรียมพร้อมสำหรับการลงมือตลอดเวลา และในขณะนั้นเอง ในห้องเรียนกลับมีเงาร่างหนึ่งเพิ่มเข้ามา และเงาร่างนี้เอง ที่ได้หยุดการท้าดวลของเราไว้ “จ้าวชิงชิง?”ผมมองไปยังเงาร่างที่เพิ่งปรากฏขึ้นนั้น รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย จ้าวชิงชิงก็มองตรงมายังผม ดูท่าทางเป็นห่วงผมไม่น้อย “พวกนายทำอะไรกันในห้องเรียน ห้องเรียนเป็นที่ที่เรียนหนังสือ ไม่ใช่ที่ที่ชกต่อยกัน”จ้าวชิงชิงเห็นความไม่ชอบมาพากล คิดจะหยุดการดวลกันระหว่างเรา “ก็ได้ ในเมื่อน้องชิงชิงเอ่ยปากพูดแล้ว งั้นเราไม่ลงมือกันในห้องเรียน พรุ่งนี้ไปกันที่สนามกีฬาเฉินเฉียง ถ้ามึงไม่มาแสดงว่ามึงก็คือไอ้ขี้ขลาด”หวังเหล่ยพูด ก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่ “ตกลง ฉันจะรอนาย”ผมพยักหน้ารับคำท้าไป ก่อนจะหันมาพูดกับเฉินห้าว“เรื่องวันนี้ ฉันขอบใจนายมากนะ” เฉินห้าวปัดมือเล็กน้อยพลางเอ่ย“ไม่เป็นไร เรื่องของนายก็คือเรื่องของฉัน แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” หลังพูดจบเขาก็กลับห้องของเขาไป และทุกคนต่างก็แยกย้ายไปนั่งที่แล้ว “เฉินเฉียงนายเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้รับปากท้าดวลกับหวังเหล่ยล่ะ”จ้าวชิงชิงลากผมกลับไปนั่งที่ จากนั้นถามผมด้วยท่าทางร้อนใจ “ฉันกับเขาท้าไว้แล้ว ก็แค่ฉันชนะ เขาก็จะไม่มาระรานเธอและเพื่อนๆคนอื่นๆอีก เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ ฉันต้องชนะแน่” สายตาที่จ้าวชิงชิงมองผมนั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ทว่ากลับเป็นเพียงชั่ววูบเท่านั้น ก่อนจะกลับมาสงบเหมือนกันอย่างรวดเร็ว สิ่งที่มาแทนที่คือสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล“ต่อให้เป็นเช่นนี้ นายก็ไม่ควรรับปากเขา หวังเหล่ยชกต่อยมาตั้งแต่เล็กจนโต นายดวลกับเขาตัวต่อตัวจะชนะได้อย่างไร” “ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่ฉันมีวิธีรับมือเขา เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอก็จะรู้เอง เชื่อฉัน ต้องไม่มีอะไรแน่”ผมแสร้งทำท่ามั่นใจและบอกกับเธอ หวังให้เธอสงบลง จ้าวชิงชิงถอนหายใจอย่างจนใจ เมื่อเห็นผมพูดแบบนี้ ก็คงรู้แล้วว่าต่อให้พูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์ หลังศึกษาด้วยตัวเองในภาคกลางคืนเรียบร้อยแล้ว ผมกลับมายังหอพักเพียงลำพัง ขณะที่กำลังจะวางแผนว่าจะรับมือกับหวังเหล่ยในวันพรุ่งนี้อย่างไรดี จุๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา พอผมหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายจากพี่สะใภ้ ผมจึงรีบกดรับสาย “ฮาโหล พี่สะใภ้ มีอะไรหรือเปล่า” “เฉินเฉียง ตอนนี้นายอยู่ในหอพักใช่ไหม”น้ำเสียงของพี่สะใภ้ฟังดูมีความกังวลเล็กน้อย “ใช่ ผมอยู่ที่หอพัก ทำไม มีอะไรหรือเปล่า”ผมถามอย่างเป็นห่วง ฟังจากน้ำเสียงของพี่สะใภ้แล้ว ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ “พี่ชายนาย เขามาอีกแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี.....”พี่สะใภ้พูดอย่างหมดหนทาง “ว่าไงนะ ไอ้หมอนั่นมาก่อกวนอีกแล้วงั้นหรือ พี่รอผมก่อน ผมจะไปหาพี่เดี๋ยวนี้แหละ วางใจเถอะ ต้องไม่เป็นอะไร”ผมเอ่ยปลอบพี่สะใภ้ไปประโยคหนึ่ง จากนั้นเตรียมตัวเล็กน้อย ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปทั้งรองเท้าแตะ และตรงไปยังบ้านพักของพี่สะใภ้ทันที
已经是最新一章了
加载中