บทที่13 เอาชนะหวังเหล่ย   1/    
已经是第一章了
บทที่13 เอาชนะหวังเหล่ย
บทที่13 เอาชนะหวังเหล่ย “เฉินเฉียง นายก็กล้าหาญไม่เบาเลยนะ ถึงกล้ามาที่นี่ ฉันคิดว่านายจะกลัวจนฉี่ราด แล้วมุดหัวอยู่ในห้องนอนเสียอีก” เมื่อหวังเหล่ยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นผม ก็รีบพูดเยาะเย้ยทันที “หวังเหล่ย นายอย่าเพิ่งดีใจไป อีกสักพักเดี๋ยวก็ได้รู้ว่าใครจะกลัวจนฉี่ราดกันแน่” ผมก็พูดโดยไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย “เหอะ พวกทำอะไรเกินตัว ฉันจะรอดู ว่านายมาคุกเข่าอ้อนวอนอย่างน่าสมเพชต่อหน้าฉันยังไง” หวังเหล่ยพูด แล้วทำท่าทางภาคภูมิใจที่มีเรื่องวิวาทตั้งแต่เด็กจนโต เขามีประสบการณ์มากจริงๆ “ใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่แน่” แม้ว่าผมจะโอกาสแพ้ แต่ผมจะไม่ถอยหลังเป็นอันขาด เย็นนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ผมก็จะเผชิญหน้าจนถึงที่สุด” “เหอะ เย็นนี้หลังจากแกแพ้แล้ว ก็ออกไปจากโรงเรียนนี้แต่โดยดีซะ แล้วอย่ามาขวางเรื่องของฉันอีก พอเห็นหน้าแกแล้วฉันอารมณ์เสียว่ะ” หวังเหล่ยพูดขึ้น พร้อมกระโจนมาทางผมด้วยความเร็ว พอมองเห็นชัดเจน หมัดของเขาก็มาทักทายใบหน้าของผมแล้ว ผมหลบพ้น แต่ หวังเหล่ยเร็วมาก ไม่นานก็ปล่อยอีกหมัดมาหาผม คราวนี้ผมหลบไม่พ้น จึงถูกเขาต่อยใส่ท้องน้อยอย่างแรง เจ็บจนผมต้องกัดฟันกรอด แต่ไอ้บ้าหวังเหล่ยก็ยังไม่ยอมหยุด เขาปล่อยหมัดครั้งแล้วครั้งเล่ามาใส่ผม ผมถอยหลังเรื่อยๆ และพยายามหลบหมัดของเขา ท่าไม่ดีแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อผมต้องแพ้จริงๆแน่ ผมต้องคิดหาวิธี ผมพูดกับตัวเองแบบนี้ในใจ แต่ผมก็ยังคิดวิธีไม่ออก หมัดของหวังเหล่ยพุ่งเข้ามาอีกครั้ง แต่ผมยังคิดวิธีรับมือไม่ได้เลย “เหอะ พวกเศษสวะยังไงก็คือสวะ ไม่ทันไรนายก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ ยอมแพ้แต่โดยดีเถอะ หลังจากที่นายออกจากโรงเรียนไป พี่สะใภ้นายก็จะเป็นของฉันแล้ว ฉันอยากได้เธอมานานแล้ว” หวังเหล่ยกล่าวด้วยใบหน้าหื่นกาม “หุบปาก อย่าพูดเรื่องไร้สาระ” ได้ยินเขาพูดแล้วผมรู้สึกไม่สบายใจมาก เลยตวาดใส่เขาไปหนึ่งครั้ง “พูดไร้สาระอะไร ฉันพูดเรื่องจริง เย็นนี้นายแพ้แน่ แพ้แล้วก็ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันซะ ไม่มีนายเกะกะ พี่สะใภ้นายก็จะเป็นของฉันไม่ใช่หรือ” หวังเหล่ยพูดขึ้น พอได้ยินแบบนี้ผมก็โกรธมากขึ้น และไม่สนใจหมัดของหวังเหล่ยที่พุ่งมาหาผม ผมชกเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง จนเลือดกำเดาเขาไหล หวังเหล่ยเหมือนถูกผมชกจนหน้ามืด เขาลืมโจมตีไปชั่วขณะ ผมอาศัยจังหวะนี้ ปล่อยหมัดใส่ช่องท้องของหวังเหล่ยอย่างแรงไปหลายสิบครั้ง จนเขาล้มคว่ำหน้าลงไป “เขาโกรธมากเพียงเพราะผู้หญิงสวยคนเดียว” เวลาที่คนเราโกรธเพราะคนที่ตัวเองรัก แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็ไม่ต้องการ ไม่กลัวตาย แล้วจะมีอะไรที่ต้องกลัวอีก หลังจากที่หวังเหล่ยล้มลงไป ผมก็ไม่ให้โอกาสเขา ผมยังคงรัวหมัดใส่เขาอีกหลายสิบครั้ง จนคนที่อยู่ข้างๆมาดึงผมไว้ ผมถึงยอมหยุด ตอนนี้หวังเหล่ยลงไปกองอยู่กับพื้นเหมือนดินโคลน ไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นมา “หยุดชกได้แล้วๆ เฉินเฉียงนายหยุดได้แล้ว พอแล้ว นายชนะแล้ว ถ้าชกต่ออีกเขาจะตายได้นะ” เฉินห้าวเข้ามาดึงผมไว้เป็นคนแรก เขาแรงเยอะมาก สามารถแยกผมออกจากหวังเหล่ยได้เลย “เหอะ นายดูถูกพี่สะใภ้ของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนห้ามไว้ ตอนนี้ฉันได้ส่งนายไปหายมบาลแล้ว” ผมตะโกนด่า ตอนนี้หวังเหล่ยบาดเจ็บไปทั้งตัว เพราะได้พรรคพวกมาช่วยประคองเขาจึงลุกขึ้นยืนได้อย่างยากลำบาก เขาจ้องผมตาเขม็ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และมีท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย ผมคิดว่าจากบทเรียนเมื่อครู่ เขาคงไม่กล้าดูถูกผมอีกต่อไป “เฉินเฉียง นายแน่มาก คอยดูเถอะ บัญชีคราวนี้ไม่ช้าก็เร็วหวังเหล่ยคนนี้จะต้องมาเอาคืนแน่ พวกเราไปโว้ย” หวังเหล่ยพูดทิ้งท้ายไว้อย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็พาคนของเขาไป “อย่าลืมสัญญาของนายล่ะ ถ้านายเป็นลูกผู้ชายนายต้องทำตาม ต่อไปห้ามระรานจ้าวชิงชิงและนักเรียนหญิงคนอื่นๆ อย่าแม้แต่จะคิดถึงพี่สะใภ้ของฉัน” ผมตะโกนใส่หวังเหล่ยเสียงดัง แต่เขาไม่ได้ตอบกลับมา ผมคิดว่าพอพูดต่อหน้าทุกคน เขาคงไม่กล้าที่จะไม่ทำตามหรอก ดังนั้นผมจึงวางใจ “เฉินเฉียง นายเก่งมาก ฉันไม่คิดเลยว่านายจะชนะ ขอบใจนายนะ” จ้าวชิงชิงวิ่งเข้ามา ผมถึงรู้ว่าเธออยู่ท่ามกลางฝูงคนด้วย ใช่สิ เธอรู้เรื่องการดวลครั้งนี้ และก็รู้ด้วยว่าที่ผมยอมรับการดวลครั้งนี้ก็เพื่อเธอ ดังนั้นเธอจะพลาดไม่ได้ “ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน่า ไม่ต้องขอบคุณหรอก” ผมยิ้ม จ้าวชิงชิงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็นห่วงผมจริงๆ ดังนั้นได้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆเพื่อเธอจะเป็นไรไป และผมก็อยากสั่งสอนหวังเหล่ยมานานแล้ว เพียงแค่ไม่มีโอกาสเท่านั้น แต่ว่าหลังจากนี้ความบาดหมางระหว่างพวกเราคงเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าผมจะมี ฉู่เจียวเจียวและเฉินห้าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ก็เกรงว่าเรื่องราวมันจะไม่ยุติลงง่ายๆแบบนี้ พูดถึงฉู่เจียวเจียว จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมีภูมิหลังที่เก่งกาจขนาดนั้น เหมือนคนอย่างเฉินห้าว แค่ได้ยินชื่อของเธอก็เคารพนับถือมาก ภูมิหลังของเฉินห้าวเองก็ไม่น้อยเช่นเดียวกัน เป็นบุคคลที่เป็นที่นับถือในโรงเรียนของพวกเรา ถ้าจะให้พูดออกมาจริงๆ แม้แต่ หวังเหล่ยยังสู้เขาไม่ได้ สรุปแล้วฉู่เจียวเจียวเป็นคนแบบไหนกันนะ ถึงทำให้เฉินห้าวเคารพได้ถึงขนาดนี้ ตอนมัธยมต้นก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ผมก็ดูไม่ออกจริงๆว่าเธอเก่งขนาดนี้ ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงน่ารักธรรมดาคนหนึ่ง นอกจากคะแนนของเธอแล้ว ผมก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอจะควบคุมคนอื่นได้ยังไง ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่เดือน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ ในเวลานี้ เฉินห้าวเดินมาหาผมพอดี เขาพูดกับผมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “เพื่อนนายเก่งมาก ฉันมองนายด้วยสายตาทึ่งมาก หวังเหล่ยคนนั้นก็ถือว่ามีทักษะดี ฉันจะจัดการเขายังต้องระมัดระวัง นึกไม่ถึงว่านายจะจัดการจนเขาลงไปกองกับพื้นได้ เก่งจริงๆ” เฉินห้าวพูดชมผมไม่ยอมหยุด ชมจนผมรู้สึกเคอะเขินนิดหน่อย ผมจึงพูดขึ้น: “เป็นเพราะรวบรวมความกล้าหาญในตอนนั้น ที่จริงฉันก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก” “นายไม่ต้องถ่อมตัวแล้ว เรื่องเมื่อครู่ทุกคนต่างก็เห็นกันหมด ฮาๆๆๆๆๆ……” เฉินห้าวพูดพร้อมหัวเราะ “ใช่แล้วเฉินห้าว ฉันขอถามอะไรหน่อย ฉู่เจียวเจียวเธอมีที่มาที่ไปยังไงกันแน่ ทำไมนายกับหวังเหล่ยต้องดูหวาดกลัวเธอแบบนี้ด้วย ฉู่เจียวเจียวที่ฉันรู้จักเป็นผู้หญิงน่ารัก เป็นคนละคนกับที่นายรู้จักหรือเปล่า” ผมใช้โอกาสนี้ถามขึ้น “ไม่ผิดหรอก ฉู่เจียวเจียวก็คือฉู่เจียวเจียว พี่เจียวฉันจะเข้าใจผิดได้ยังไง นายอย่าถามฉันเกี่ยวกับเรื่องของเธอ ไปถามพี่เจียวด้วยตัวเองเถอะ ตัวเธอไม่พูด ฉันก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไร ฉันไม่กล้าพูดส่งเดชหรอก” เฉินห้าวรีบส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น
已经是最新一章了
加载中