ตอนที่ 479 ตกลงใครพูดความจริงกันแน่

ตอนที่ 479 ตกลงใครพูดความจริงกันแน่ ไม่เคยให้ความหวังธวลย์งั้นเหรอ? พอได้ยินคำพูดของกนกอรหลายคนที่รู้ความจริงก็สีหน้าเปลี่ยนทันที โดยเฉพาะผู้ช่วยของกนกอรและโรศนี “คุณกนกอรคะ คุณหมายความว่าแถลงการณ์ของบริษัทเค.เอฟเป็นเท็จเหรอคะ?” มีนักข่าวจับผิดคำพูดของเธอได้ “ฉันได้รับความกดดันสูงมากที่ต้องมายืนตรงนี้เพื่อบอกความจริงกับทุกคน ฉันหวังว่าพวกคุณจะเห็นใจบริษัทที่ต้องทำแบบนี้ ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงเถอะค่ะ พวกเราไม่ได้ออกมาอธิบายตั้งแต่แรกก็เพราะว่าไม่ต้องการลากใครมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” กนกอรพูดต่อหน้านักข่าวแบบนี้เหรอ! ที่กนกอรไม่ออกมาพูดตั้งแต่แรกเพราะถูกกดดันจากเค.เอฟงั้นเหรอ? ตอนนี้สีหน้าผู้ช่วยของกนกอรยิ่งกว่าคำว่าแย่ เธอไม่คิดเลยว่าเธออยู่เคียงข้างกนกอรมานานขนาดนี้เธอกลับไม่รู้ธาตุแท้ของกนกอรเลย! ผู้ช่วยของกนกอรส่ายหน้าไปมา เธอเตรียมตัวจะขึ้นไปลากกนกอรลงมา แต่ถูกโรศนีรั้งตัวเอาไว้พลางเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “เดี๋ยวฉันจัดการเอง” “แต่ว่า...” ผู้ช่วยของกนกอรเห็นสีหน้าของโรศนีจึงกลืนคำพูดที่เหลือลงไป โรศนีมองบรรดานักข่าวที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างออกรสพลางเดินขึ้นไปยืนบนโพเดียมแล้วแย่งไมโครโฟนมาจากกนกอร “ทุกท่าน สิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้ไม่เป็นความจริง” “คุณเป็นผู้ช่วยของธวลย์ คุณและเค.เอฟต้องการปิดบังความจริง!” “ปล่อยให้กนกอรพูดต่อไป!” โรศนีมองกล้องพลางเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วกนกอรเซ็นสัญญากับเค.เอฟจากนั้นก็แอบคบกับธวลย์...เรื่องทั้งหมดนี้ฉันทราบดีและฉันก็มีรูปและหลักฐานยืนยัน” “ช่วงที่คุณคบกับธวลย์คุณก็ยังนัดเจอกับชายอื่นหลายครั้ง หลอกลวงธวลย์มาโดยตลอด ตอนนี้ความจริงถูกเปิดเผย เธอกลับเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองแล้วใส่ร้ายธวลย์อย่างเลือดเย็น ใช้อนาคตของเขามาแลกเพื่อปกป้องตัวเอง! ฉันไม่เคยเห็นคนไร้ศีลธรรมแบบคุณมาก่อน ” “คุณโกหก! คุณเป็นผู้ช่วยของเขาสิ่งที่คุณพูดก็เพื่อปกป้องเขา! เชื่อไม่ได้เลยสักนิด... ” “ตอนที่พวกคุณเซ็นสัญญากับเค.เอฟฉันยังไม่ได้เป็นผู้ช่วยของธวลย์เลยด้วยซ้ำ ส่วนฉันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง...ก็เพราะฉันชอบธวลย์ยังไงล่ะฉันจึงสังเกตเขาตลอด คุณจะให้ฉันพูดรายละเอียดไหมล่ะว่าพวกคุณนัดเจอกี่ไหนบ้าง?” โรศนีเอ่ยคำพูดเหล่านี้ด้วยความหนักแน่นชัดเจน “ธวลย์ไม่ได้คิดอะไรกับฉันดังนั้นฉันเลยยินยอมช่วยเหลือเขาอยู่เบื้องหลัง เขาไม่ใช่คนหลายใจแน่นอนและเขาไม่มีทางไปเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของใคร ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปฏิเสธฉัน” “เธอมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าเขาจะไม่ปฏิเสธเธอ? เธอมั่นใจในตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ?” กนกอรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย เธอคิดว่าการปรากฏตัวของโรศนีนั้นเป็นแผนของบริษัท เพื่อให้คำพูดของเธอดูน่าเชื่อถือกนกอรต้องกัดฟันแสดงละครต่อไป “มีสิทธิ์อะไรงั้นเหรอ?” โรศนีมองเธอด้วยสายตาดูถูกพลางเอ่ยขึ้น “เพราะฉันนามสกุลณัฐรัชต์ พ่อแม่เป็นข้าราชการชั้นสูง เพราะฉันเข้าก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเพราะความชอบจึงเลือกที่จะปกปิดข้อมูลส่วนตัว จากความสามารถของฉันฉันสามารถช่วยเขาได้หลายเรื่อง” “แล้วเธอล่ะ? นอกจากนอกใจเขาทำให้เขาเดือนร้อนแถมยังไม่เคยจริงใจกับเขาแล้ว เธอให้อะไรเขาได้บ้าง?” ฟังมาถึงตรงนี้กนกอรก็หน้าซีดทันที “พวกเราให้โอกาสเธอพูดความจริงแล้วตอนแรกก็ตอบตกลงแต่พอมาอยู่หน้ากล้องเธอก็เลือกที่จะเดินทางผิด กนกอรเธอต้องรับผิดชอบการกระทำของเธอเอง ฉันจะค่อยๆเปิดโปงธาตุแท้ของเธอ ให้คนทั้งโลกรู้ไปเลยว่าใครกันแน่ที่พูดความจริง!” “เธอไม่เหมาะสมกับธวลย์เลยสักนิด...” “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ฉันจะดูแลเขาเป็นอย่างดี ส่วนเธอก็รอฟังคำด่าทอจากทุกคนก็แล้วกัน” คำพูดของโรศนีดังก้องไปทั่วทั้งห้องทำให้กนกอรไม่สามารถตอบโต้ได้อีก เธอกำลังลน... ตระกูลณัฐรัชต์งั้นเหรอ? โรศนีใช้วิธีเปิดเผยประวัติตัวเองเพื่อปกป้องธวลย์... แล้วเธอล่ะทำอะไรบ้าง? ราวกับสายตาของโรศนีสามารถอ่านใจกนกอรได้ “ตอนนี้คุณเลือกได้แล้วว่าจะพูดโกหกต่อไปหรือจะยอมพูดความจริง” สถานการณ์ในตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่ใครก็คาดไม่ถึง รวมถึงจิดาภาและธวลย์ด้วย พวกเขาไม่คิดเลยว่าโรศนีจะทำถึงขนาดนี้เพื่อช่วยธวลย์ ยอมแม้กระทั่งเปิดเผยประวัติครอบครัวที่เก็บเป็นความลับมาโดยตลอด ที่สำคัญที่สุดก็คือเธอพูดออกมาอย่างหนักแน่น! เนื่องจากโรศนีขึ้นเวทีอย่างกะทันหัน ทำให้บรรดานักข่าวสงสัยคำพูดของกนกอรมากกว่าเดิม ด้านกนกอรก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี...เธอจะยังควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่? โรศนีไม่ได้พูดอะไรอีกเพียงแต่มองหน้ากนกอรด้วยสายตานิ่งๆ กล้องมากมายด้านล่างเวทีกำลังจับจ้องที่กนกอรเพื่อรอเธอเอ่ยปากพูด “พูดต่อสิคะ!” “ความจริงเป็นยังไงกันแน่คะ?” มีนักข่าวบางคนรอไม่ไหวแล้วจึงตะโกนถามขึ้นมาเลย แต่ขณะนั้นเอง ฉับพลันกนกอรก็เกิดลังเลขึ้นมา “ฉัน...” “คุณบอกว่าธวลย์ชอบคุณฝ่ายเดียวและคุณไม่เคยแสดงท่าทีให้ความหวังเขา เรื่องเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอคะ?” กนกอรก้าวถอยหลังสองก้าว เธอไม่สามารถตอบคำถามของโรศนีได้และการเลี่ยงคำถามของเธอก็ทำให้บรรดานักข่าวได้คำตอบที่ชัดเจน ในขณะนั้นเองฉับพลันประตูของห้องโถงก็ถูกบุกรุกโดยคนคนหนึ่ง เขาคือคนที่สร้างข่าวทั้งหมด คู่หมั้นในนามของกนกอร นิเวศน์! การปรากฏตัวของเขาทำให้นักข่าวทุกคนตกตะลึง พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบเข้ามาควบคุมตัวเขาแต่นิเวศน์ก็ขัดขืนพลางตะโกนขึ้นมาท่ามกลางนักข่าว “ผมเชื่อคำพูดของเธอ!” กนกอรชะงักไป จากนั้นก็รีบหยิบไม่โครโฟนขึ้นมาพลางตะโกนบอกพนักงานรักษาความปลอดภัย “ปล่อยให้เขาเข้ามา!” จากนั้นกนกอรก็รีบพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดเขา “ฉันพูดเรื่องจริง ฉันไม่ได้ทรยศคุณ” “ผมรู้ ผมมาที่นี่ก็เพื่อพาคุณกลับ” นิเวศน์โอบกอดกนกอรเอาไว้พลางตะโกนบอกกับนักข่าว “พวกคุณอย่าไปเชื่อคำพูดหลอกลวงของบริษัทนี้! พวกเขาต้องการแก้ต่างให้ธวลย์ถึงกับบังคับคู่หมั้นของผมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้พูดความเท็จ...” “พวกคุณอยากรู้ความจริงไหมว่าทำไมเค.เอฟถึงปกป้องธวลย์?” “ธวลย์เป็นแค่ชื่อในวงการ ความจริงแล้วเขาคือพรยศคุณชายสี่แห่งตระกูลวีรภัทรเมธีและยังเป็นน้องชายแท้ๆของจิดาภาภรรยาของประธานบริหารบริษัทเค.เอฟ ” “เขามาทุกวันนี้ได้เพราะมีต้นทุนแบบนี้!” “ที่เขาทำผิดก็เพราะว่าจิดาภาคอยปกป้องเขาอยู่เบื้องหลัง พวกเขาจะทำให้ธวลย์พ้นผิดด้วยการบิดเบือนความจริงและโยนความผิดทั้งหมดให้คู่หมั้นของผม” พอได้ยินว่าธวลย์เป็นน้องชายของจิดาภา บรรดานักข่าวก็แตกตื่นไปหมด “ก็ว่าทำไมงานแถลงข่าวครั้งนี้ถึงเข้มงวดนัก ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง…”