ตอนที่ 486 เล่นละครให้ถึงที่สุด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 486 เล่นละครให้ถึงที่สุด
ตอนที่ 486 เล่นละครให้ถึงที่สุด บรรดาบอร์ดบริหารต่างก็มองหน้ากันและพวกเขาก็ได้เข้าใจความหมายของท่านจิรชยาผิดไป พวกเขาคิดว่าท่านจิรชยาจะมอบอำนาจให้กับญาณิดาอีกครั้ง “ผมรู้ว่ายังไงท่านจิรชยาก็ไม่มีทางให้นักแสดงคนนั้นกลับมาแน่! ท่านทำถูกแล้ว นักแสดงพวกนั้นจะทำอะไรได้?” “คุณพูดอะไรน่ะ!” มีผู้บริหารบางคนยังรู้สึกว่าจิดาภาคือคนที่เหมาะสมกว่า ตอนนั้นญาณิดาบริหารบริษัทตั้งนานก็ไม่เห็นมีความก้าวหน้าอะไร “งั้นก็ขอเชิญทุกท่านกลับไปก่อนนะคะ” ญาณิดาลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยขึ้น บรรดาบอร์ดบริหารต่างก็ลุกขึ้น ญาณิดายืนมองพวกเขาเดินจากไปอยู่ตรงหน้าประตู ในตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกว่าเธอต้องแสดงผลงานอะไรสักอย่างเพื่อให้พวกเขายอมรับในตัวเธอ! จัดการเรื่องที่รุจาภาถูกจับตัวไปก็ถือเป็นโอกาสที่ดี! ส่วนเรื่องที่พวกเขาเสนอให้จิดาภามารับตำแหน่งญาณิดาก็ไม่เก็บมาใส่ใจเลยสักนิดเพราะเธอคิดว่าจิดาภาแค่มีสายเลือดของวีรภัทรเมธีเท่านั้น ยัยนั้นอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งเจ็ดแปดปีจะเข้าใจงานบริหารได้ยังไง? พูดออกไปคงโดนหัวเราะเยาะตายเลย! เช่นนั้นคงต้องรีบจัดการรุจาภาให้หายไปตลอดกาล …… ในคืนวันนั้นเองก็มีเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งลงจอดที่สนามบิน รุจาภาอาศัยทางออกพิเศษเพื่ออกจากสนามบินแล้วไปขึ้นรถที่จิรภาสจัดเตรียมไว้ให้ มีบอดี้การ์ดหกคนคอยดูแลอยู่และที่สำคัญไม่มีใครทราบตัวตนที่แท้จริงของเธอ ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าตอนนี้เธอถูกคนร้ายจับตัวอยู่ที่ต่างประเทศ จากนั้นรุจาภาก็ถูกส่งตัวไปยังวิลล่ากรีนเฮ้าส์ พอเห็นว่ารุจาภาปลอดภัยดีจิดาภาก็โล่งอก “ครั้งหน้าไม่เสี่ยงแบบนี้แล้วนะคะแม่!” จิดาภาได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบเธอรู้ดีที่สุดถึงอันตรายที่เกิดขึ้นในตอนนั้น “แม่รับปาก” รุจาภาจับมือลูกสาวเอาไว้ “มีคนของจิรภาสคอยดูแลแถมยังมีแผนการอันรัดกุมของเขา แม่จะเป็นอะไรไปได้ไง?” จิดาภาจึงมีสีหน้าผ่อนคลายลงก่อนจะนั่งลงข้างรุจาภา “ทางญาณิดาเป็นยังไงบ้าง?” “ตอนบ่ายมีประชุมบอร์ดบริหารด่วน คุณปู่บอกว่าจะประกาศผู้ที่ได้รับตำแหน่งรักษาการแทนประธานในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ญาณิดาคงยิ้มไม่หุบและคงพยายามหาทางจัดการเอาสัญญาที่ทำร่วมกับDKกลับคืนมา” จิดาภาเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น รุจาภามองหน้าลูกสาว แววตาที่ดูชาญฉลาดเปล่งประกายราวกับว่าไม่มีเรื่องใดสามารถเล็ดลอดสายตาเธอไปได้ บางครั้งจิดาภาแค่ไม่อยากเปิดโปงก็แค่นั้น “แล้วแผนการของแกเป็นยังไง?” “หนูจะยังไม่แสดงตัวแต่จะหาคนที่ไว้ใจได้ไปจัดการแทน พอถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยแสดงตัว” จิดาภาอธิบาย “ส่วนด้านDKกรุ๊ปถึงแม้จะได้รับสายจากคุณปู่แล้วและแสดงท่าทีเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจะยอมรออีกสองวันแต่ทางนั้นกลับเอาแบบแผนสัญญาที่ทำร่วมกันกลับไปแล้ว เพราะอ้างว่าแบบแผนสัญญาฉบับนั้นมีข้อบกพร่อง” “พวกเขาจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการปฏิเสธการเซ็นสัญญาหรือ?” “หนูคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้ดังนั้นหนูจึงพยายามติดต่อผู้แทนผู้อำนวยการของทางนั้น ถึงแม้ทางนั้นจะไม่เคยรับสายหนูเลยก็ตามแต่หนูจะพยายามต่อไป” ความจริงใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการร่วมมือทางธุรกิจ “ถ้าพวกเขายืนยันที่จะปฏิเสธการเซ็นสัญญาล่ะ?” รุจาภามองลูกสาวอย่างเป็นห่วง บางครั้งเรื่องทางธุรกิจก็ไม่ง่ายจริงๆ เธอเชื่อในความสามารถของลูกสาวแต่ก็หวังว่าจะสามารถเอาชนะได้โดยไม่ยาก “หนูจัดการได้ค่ะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง!” รุจาภาพยักหน้ารับ สองวันนี้เธอผ่านเหตุการณ์ครั้งใหญ่มาทำให้เธอล้าพอสมควร คุยกับจิดาภาต่ออีกสองสามประโยคก็กลับเข้าห้องเพื่อพักผ่อน เห็นรุจาภาปลอดภัยจิดาภาก็หายห่วง หลังมองเธอเดินกลับเข้าห้องไปจิดาภาก็ต่อสายหาผู้อำนวยการของทางDKกรุ๊ปต่อแต่ก็ไม่มีคนรับสาย อีเมลที่ส่งไปก็ไม่มีการตอบกลับมา ดูจากท่าทีแล้วฝ่ายนั้นคงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว แต่จิดาภาก็ยังพยายามโทรต่อไป เนื่องจากเธอกำลังตั้งท้องร่างกายจึงเหนื่อยล้ากว่าปกติบวกกับการหักโหมของเธอ...จิรภาสเดินออกมาจากห้องหนังสือเห็นจิดาภาทำแบบนั้นก็รีบเดินเข้าไปแย่งโทรศัพท์มาโทรต่อเอง ช่วงกลางคืนตอนที่รุจาภาลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำพอดีกับที่ไฟห้องรับแขกยังเปิดอยู่ เธอเห็นจิดาภาอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของจิรภาส ทั้งสองคนกำลังปรึกษากันเสียงเบาว่าจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ รุจาภายืนอยู่บริเวณโถงทางเดินมองหน้าลูกสาวที่ถูกอาบไล้ไปด้วยแสงไฟและมีรอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้า บนโลกใบนี้สิ่งที่เธอเป็นห่วงที่สุดคือความสุขของจิดาภาทว่าตอนนี้จิดาภาพบผู้ชายที่เธอสามารถฝากชีวิตไว้ได้แล้ว ในที่สุดฝ่ายนั้นก็ส่งอีเมลตอบกลับมา! และยังยินยอมที่จะรับฟังทางโทรศัพท์ จิรภาสสื่อสารกับฝ่ายนั้นเป็นภาษาอังกฤษแทนจิดาภาเป็นเวลากว่าสิบนาที หลังจากวางสายก็เอ่ยปลอบใจจิดาภา “ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว พรุ่งนี้ผมจะติดต่อกับฝ่ายนั้นต่อ ส่วนวันนี้คุณต้องพักผ่อนได้แล้ว” เขาเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางอุ้มเธอไปวางลงบนเตียงในห้องนอน “คุณภาสฉัน...” “ผมรู้คุณไม่วางใจใช่ไหมแต่ถ้าคุณยังหักโหมแบบนี้อีกผมไม่มีทางให้คุณกลับไปที่บริษัทLGDแน่!” จิรภาสบอกเธอเสียงเข้ม “ฉันไม่กลับไปที่บริษัทก็ได้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันต้องทำ” จิรภาสลูบแก้มเธออย่างรักใคร่ “ก็ได้” ทั้งหมดที่ญาณิดาทำลงไปต้องมีบทสรุป เริ่มที่เกือบจะเอามดลูกของจิดาภาออกเพื่อให้เธอแท้งลูกจากนั้นก็มาลงมือกับรุจาภา บัญชีแค้นนี้ถ้าไม่ได้ชำระ จิดาภาคงตายตาไม่หลับแน่ “ฉันไม่มีทางปล่อยให้เธอได้ในสิ่งเธอต้องการ!” ทุกอย่างที่ญาณิดาอยากได้ จิดาภาจะแย่งมาก่อน “ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเอง” จิรภาสรู้ว่าจิดาภาผูกใจเจ็บกับเรื่องนี้มากขนาดไหน “ผมจะให้ตฤณติดต่อกับผู้อำนวยการของDKกรุ๊ปเพื่อเชิญเขากลับมาในประเทศให้เร็วที่สุด” “มีคุณอยู่ด้วยฉันอุ่นใจเสมอ ในอนาคตตัวฉันและลูกคงต้องฝากให้คุณเป็นคนดูแลแล้วล่ะ” จิดาภายังคงพิงอกเขาพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เมื่อได้กลิ่นหอมๆจากตัวเธอ จิรภาสก็เริ่มเกิดความต้องการในเรื่องนั้น... ราวกับได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขา จิดาภาโอบรอบคอเขาพลางเอ่ยขึ้นเสียงหวาน “คุณหมอแนะนำท่าที่สามารถทำได้...เราจะลองหน่อยไหม?” แก้มของจิดาภาเริ่มมีเลือดฝาดยิ่งอยู่ภายใต้แสงไฟทำให้เธอดูงดงามมากกว่าเดิม ในสถานการณ์แบบนี้จิรภาสจะต้านความต้องการได้อย่างไร? เขาจับตัวจิดาภาให้นอนลงพลางกระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “คุณไม่เหนื่อยเหรอ?” “เหนื่อยแต่ฉันต้องการคุณมากกว่า” น้ำเสียงของจิดาภาฟังดูยั่วยวนเหลือเกิน “ถ้าภรรยาต้องการผมจะสนองให้เอง” หลังจากจิดาภาตั้งภรรภ์พวกเขาก็ยังมีอะไรกันอยู่ เพราะว่าเธอมักจะโปรยเสน่ห์อยู่เสมอ ถ้าไม่ใช่เพราะจิรภาสต้องอดทนเพราะกลัวเป็นอันตรายกับลูกเกรงว่าเขาคงจะอยู่ในห้องกับเธอทั้งวี่ทั้งวัน ความจริงแล้วทุกครั้งที่เขากอดจิดาภาเขาก็มักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาอยากครอบครองเธอตลอดเวลา เวลานี้ในห้องนอนอบอวลไปด้วยความรักอันร้อนแรง ความรู้สึกของพวกเขาก็มากขึ้นตามความใกล้ชิดทางร่างกาย ภายใต้แสงไฟสลัวๆต่างฝ่ายต่างก็เรียกชื่อกันและกัน พวกเขาต่างเป็นของกันและกัน
已经是最新一章了
加载中